"รัตนาวดี" กับข้อคิดดีดีที่ค้นพบ
วันนี้นั่งดู "รัตนาวดี" เป็นเพื่อนแม่ค่ะ
"รัตนาวดี" เป็นนวนิยายเรื่องสุดท้ายของ "ปริศนา เดอะ ซีรีย์" ของ ว. ณ ประมวลมารค หรือ หม่อมเจ้าหญิงวิภาวดีรังสิต อันประกอบไปด้วย ปริศนา เจ้าสาวของอานนท์ และรัตนาวดี
"รัตนาวดี" เป็นเรื่องราวของหม่อมเจ้าหญิงรัตนาวดี พระขนิษฐาของหม่อมเจ้าพจน์ปรีชา ผู้ซึ่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง พระเชษฐาจึงให้รางวัลด้วยการให้ไปเที่ยวยุโรป (คือดี ชักอยากเป็นนางเอก สมบูรณ์แบบมาก) โดยท่านพจน์ตั้งใจให้ หม่อมเจ้าดนัยวัฒนา ญาติผู้น้องผู้เป็นทูตอยู่ที่ประเทศสหราชอาณาจักร เป็นผู้ต้อนรับขับสู้ท่านหญิง แต่เนื่องจากการสื่อสารคลาดเคลื่อน ท่านดนัยจึงไม่ได้ไปต้อนรับท่านหญิงที่สนามบิน ท่านหญิงทรงกริ้วและตั้งใจว่าจะไม่พึ่งท่านดนัยแล้วจึงนำจดหมายไปแจ้ง เมื่อพบหน้ากันครั้งแรกท่านหญิงเข้าใจว่าท่านดนัยคือ นายเล็ก มหาดเล็ก ท่านดนัยจึงรับสมอ้างเป็นนายเล็กและรับอาสาพาท่านหญิงเที่ยวยุโรป ความมาแตกเมื่อ นพพร นักเรียนไทยซึ่งเป็นเพื่อนท่านหญิงและรู้จักท่านดนัยมาพบท่านดนัยและทักท่านด้วยชื่อจริง ท่านหญิงทรงกริ้วมาก แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็เข้าใจกันและรักกันในที่สุด
นิย้ายย นิยาย....
ตอนที่ดูอยู่ปัจจุบันนี้เป็นตอนที่ นายประพัฒน์ เพื่อนรุ่นพี่ของท่านหญิงขอตามมาเที่ยวด้วย แล้วก็พยายามประกาศศักดา หยาบคาย วางก้าม และกักขฬะใส่นายเล็กตลอดเวลา
หยาบจนทนดูไม่ได้ต้องเดินหนีไปที่อื่น แม่ก็เหลือเกิน บ่นไม่หยุดว่าน่ารำคาญ ในนิยายจริงๆไม่มีตรงนี้ แต่ก็ไม่เปลี่ยนช่องสักที...
แต่ถึงอย่างนั้นก็ได้ข้อคิดบางอย่างจากตอนนี้เหมือนกัน นั่นคือ....
การโอ้อวดและยกตนข่มท่านไม่ใช่การบ่งบอกถึงความ "มี" แต่เป็นการแสดงถึงความ "ขาด" และ
เราเชื่อว่านายประพัฒน์รู้สึกลึกๆว่าตัวเอง "ขาด"
- ขาดความสามารถที่จะทำให้ท่านหญิงสนใจในตัวเอง ด้วยสังเกตได้ว่าท่านหญิงตรัสถึงนายเล็กตลอด
- ขาดความดีพอจะทำให้ท่านหญิงชื่นชม รู้ว่าตัวเองมีชนักติดหลังอยู่ นั่นคือไปทำเขาท้องแล้วไม่รับ
- สุดท้าย เอะอะอ้างพ่อตลอดเวลา เพราะรู้ว่าลำพังตัวเองนั้น แข่งกับใครเขาไม่ได้
สรุปว่าประพัฒน์รู้สึกว่าการทำตัวปกติไม่สามารถทำให้ตัวเอง "เด่น" จนชนะใจหรืออยู่เหนือใครได้ จึงใช้วิธีพองตนและพยายามลดค่าคนอื่นแทน
สุดท้ายก็เหนื่อย แถมถ้าปิดไม่มิด งานนี้มีถูกเกลียด
ในทางกลับกัน ท่านดนัย ผู้ซึ่งรู้ว่าตัวเองเป็นใคร ก็ยังคงตีหน้าซื่อทำทองไม่รู้ร้อนแสดงเป็นนายเล็กต่อไป พร้อมๆกับคอยสังเกตปฏิกริยาของคนรอบข้างไปอย่างสนุกสนาน
.......จะไม่สนุกก็ตอนต้องตามห่วงตามหึงท่านหญิงเนี่ยแหละ...
ก็ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าตัวเอง "มี" และรู้ด้วยว่าสิ่งที่มีน่ะ "จริง" แล้วจะเดือดร้อนต้องเอะอะมะเทิ่งไปทำไม
สู้นั่งเฉยๆสบายใจ คอยดูธาตุแท้ของคน และใช้ชีวิตไปตามสบายดีกว่า
รอแค่ให้ "เวลา" เฉลยทุกอย่างออกมาเอง....
ในชีวิตจริงก็ไม่ต่างกัน ลองสังเกตดูเถิด คนที่เอะอะโวยวายคอยถามว่าตัวเองเป็นใคร คนที่ทำเสียงดังข่มคนอื่น คนที่คุยโวโอ้อวด หรือใช้แผนร้ายตลอดเวลา
นั่นคือคนที่ลึกๆแล้วแน่ใจว่า ถ้าสู้อย่างขาวสะอาด
.............ตัวเองไม่มีวันชนะ
สังเกตดูเถิด คนที่ "จริง" ฉลาดจริง เก่งจริง รวยจริง หรืออะไรจริงก็แล้วแต่ เขานั่งนิ่งๆ ปล่อยให้สิ่งที่เขามีค่อยๆโฆษณาตัวเองไป
แถมบางคนยังถ่อมตัว สุภาพ และให้เกียรติคนรอบข้าง บ้างก็ไม่ถือตัว ไม่แต่งองค์ทรงเครื่อง
เมื่อไหร่ก็ตามที่เรามั่นใจว่าเรามีอะไรจริง เราจะเป็นทั้งหลัก และหลัง ให้ตัวเอง และจะต้องการเสียงสนับสนุนจากคนรอบข้างลดลง
จงเป็นคน "จริง" กันเถิด เพราะไม่ว่าอย่างไร "ของจริง" ย่อมมีค่าเสมอ
..........ยกเว้นเลวจริง เลิกเหอะอันนั้น...
ส่งท้าย แม้จะนิ่งได้ตลอดเรื่อง มีเรื่องเดียวที่ท่านดนัยไม่นิ่ง นั่นคือ ท่านขอหมั้นท่านหญิงก่อนที่ความจริงจะปรากฎเสียอีก...
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ต่อให้จริงแค่ไหน แต่เรื่อง "หัวใจ" น่ะ
บางทีก็ยอมกันไม่ได้!!! ;)
ชอบมากๆ ชอบมากๆ ชอบความคิดมากๆอะพี่ฝ้าย สวยมากๆๆๆๆๆๆๆ
ตอบลบนาคีมีพิษเพี้ยง สุริโย
ตอบลบเลื้อยบ่ทำเดโช แช่มช้า
พิษน้อยหยิ่งโยโส แมลงป่อง
ชูแต่หางเองอ้า อวดอ้างฤทธี๚
นาคีมีพิษเพี้ยง สุริโย
ตอบลบเลื้อยบ่ทำเดโช แช่มช้า
พิษน้อยหยิ่งโยโส แมลงป่อง
ชูแต่หางเองอ้า อวดอ้างฤทธี๚
ใช่เลย โคลงบทนั้นอธิบายเรื่องนี้ได้อย่างดี
ตอบลบและ...ถึงแม้จะไม่ทราบว่าความคิดสวยอย่างไร แต่ก็...ขอบคุณมากค่ะ :D