บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก กุมภาพันธ์, 2016

พล่ามไปเรื่อย : สาเหตุที่ไม่ซื้อสติ๊กเกอร์

  เมื่อประมาณปลายปีที่แล้ว  เราได้เล่าถึงการที่ไลน์เริ่มตั้งวันหมดอายุให้สติ๊กเกอร์แจกฟรี  ว่าต่อจากวันนั้นวันนี้  หากไม่ใช้จนหมดอายุไลน์จะริบเหรียญทั้งหมดคืน...    ณ ตอนนี้  ผู้ใช้โทรศัพท์หรือแทบเลตแอนดรอยทุกท่านคงประจักษ์ความจริงข้อนี้แล้วโดยไม่ต้องอธิบายเพิ่ม    ส่วนผู้ใช้ระบบอื่น  หากจะอธิบายสั้นๆคือ  ช่วงก่อนหน้านี้ไลน์มีแคมเปญแจกเหรียญฟรีโดยให้ผู้ใช้ระบบแอนดรอยร่วมกิจกรรมต่างๆเช่น  ดาวน์โหลดโปรแกรม  ดูวีดีโอ  หรือตอบแบบสอบถาม เป็นต้น  ช่วงแรกเหรียญเหล่านี้ไม่มีหมดอายุค่ะ  คนได้ก็เก็บกันไปแบบไม่ค่อยใช้  และคงเพราะเหตุนี้แหละไลน์ถึงตั้งวันหมดอายุให้เหรียญเพื่อกระตุ้นการใช้นั่นเอง    ปัญหาคือ  ต่อให้กระตุ้นการใช้ก็ยังไม่ค่อยได้ใช้อยู่ดี....สำหรับบางคน    ขอเอาตัวเองเป็นตัวอย่างละกัน  ตั้งแต่ไลน์ประกาศเปรี้ยงไปตอนนั้น  เราก็เริ่มมองหาสติ๊กเกอร์ชุดที่อยากจับจองดู  ถามว่าจากวันนั้นจนถึงวันนี้ซึ่งเป็นเวลาประมาณเกือบสี่เดือนได้สติ๊กเกอร์มากี่ชุดหรือคะ...    .....  3  ชุด..... ค่ะ    แล้วเหรียญยังเหลือไหมนะหรือคะ....    ขาดไปสามเหรียญ.....     จะครบห้าร้อย...     สรุป

เล่าไปเรื่อย : เมื่อข้าพเจ้าอ่านตำราเตรียมสอบ

    มีใครรู้สึกเหมือนกันไหมว่า  การอ่านหนังสือเรียนหรืออ่านหนังสือเตรียมสอบเนี่ย  ไม่ต่างอะไรกับยาขมหม้อใหญ่ที่ทำให้ท้อได้หลายครั้งที่จับตำรา  ไม่ว่าจะชอบอ่านหนังสือเพียงใดก็ตาม  พอจับตำราเข้าหน่อยต่อให้บางกว่านิยายเล่มโปรดก็เถอะ...    จอด...    ด้วยเหตุนี้เราจึงคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติมากที่แต่ละคนจะมีสไตล์การอ่านหนังสือของตัวเองเพื่อให้อ่านเอาเรื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด  จะต่อสู้กับเรื่องยากมันต้องมีเทคนิคกันหน่อย...   จริงไหม?   แล้วถามว่าเรามีวิธีการของตัวเองในการอ่านหรือเปล่า......    ก็....    เราชอบอ่านตอนเช้าหรือดึกไปเลย  เนื่องจากเป็นเวลาที่สมองเราค่อนข้างจะมีพลังในการเรียนรู้และจดจำรายละเอียดในตำรา   และเวลาอ่านเราจะพยายามมีส่วนร่วมกับหนังสือ  คือ  คิดตาม  ถ้าเจอประเด็นหรือนึกอะไรออกก็จะจดไว้  ถ้าลองเปิดหนังสือเราบางหน้าท่านอาจเจอรอยปากกาเขียนว่า...   "มันเป็นอย่างนั้นได้ยังไงวะ??  - -"  ค่ะ....ผลของการพยายามมีส่วนร่วมก็เป็นแบบนี้  โดยมากจะเกิดกะฎีกาที่ตัดสินตรงข้ามกับที่คิดไว้    บางครั้งเลือกใช้วิธีคิดออกเสียง  ท่องออกเสียง  หรือแม้แต่

รวมถ้อยคำประทับใจจากในเพลง ภาคเพลงสากล

  ตามหัวข้อเลยค่ะ  สำหรับบทความวันนี้  เราแค่อยากรวบรวมบรรดาประโยค วลี หรือท่อนใดท่อนหนึ่งของเพลงที่เราฟังแล้วชอบใจไว้เท่านั้นเอง  เริ่มกันเลย  - I'm strange but I like it.  It's just the way I am. / Just the way I am  (ฉันแปลก  แต่ฉันก็ชอบ  มันคือสิ่งที่ฉันเป็น)  - Someday it's gonna make sense. /  It's gonna make sense   (สักวันมันจะมีความหมาย..)  - I am me and that's unique. / Unique   (ฉันเป็นฉันและนั่นคือเอกลักษณ์)  - If we don't try we will fall. It doesn't make any sense at all. / Theoretical love   (ถ้าเราไม่ลองเราล้มเหลวแน่ และนั่นไม่เข้าท่าเลย)  - I am strong hear me cry. Tell the world that I can fly. / I am strong   (ฉันเข้มแข็ง ฟังเสียงฉันสิ บอกโลกได้เลยว่าฉันบินได้)  - Why do we never know what we got till it's gone? / The day you went away   (ทำไมเราจึงไม่เคยรู้ค่าในสิ่งที่เรามีจนกว่าจะเสียมันไป)  - ..Not big deal. I want more... /  Part of your world.   (ไม่มีปัญหา ฉันต้องการมากกว่านั้น)  ท่อนนี้ใช้บ่อยตอนจ

สาวอินดี้กับชีวิตในห้องเรียน

  ผู้ซึ่งตามอ่านบลอคเรามาสักพักอาจพอจำได้เลาๆว่า  ทุกเสาร์อาทิตย์เรามีเรียนพิเศษ   ค่ะ  เราเรียนเสริมด้านกฎหมายนี่ล่ะ  และนี่คือที่มาของเรื่องเล่าวันนี้   เราตัดสินใจลงคอร์สนี้พร้อมกับเพื่อนที่คุ้นเคยกันหนึ่งคน  แต่ด้วยความที่สมัครช้าทำให้ต้องนั่งกันคนละที่  ถามว่าห่างกันแค่ไหน   ก็แค่เพื่อนนั่งโต๊ะแรกซ้ายสุดของห้อง  และเรานั่งโต๊ะแรกขวาสุดของห้อง  เท่านั้นเอง...   เรากับเพื่อนมีนิสัยเหมือนกันอย่างหนึ่ง  นั่นคือเราไม่ชอบหาเพื่อนใหม่ถ้าไม่จำเป็น   ที่ตลกคือเราต่างคิดตรงกันว่า  การเรียนพิเศษที่นี่เป็นสถานการณ์ซึ่ง "ไม่จำเป็น" ต้องหาเพื่อนเพิ่ม   ผลคือพอแยกกันเข้าที่  เราต่างคนจึงต่างก้มหน้าอยู่ในโลกของตัวเองแทนที่จะสอดส่ายสสายตาหาคนคุยด้วย   ถามว่าเดือดร้อนมั้ย  ไม่ค่ะ  เพราะเราจดกันทัน หรืออย่างน้อยก็มีคนหนึ่งจดทัน  ไม่ค่อยต้องหันไปพึ่งใครเท่าใดนัก   รักจะอินดี้  ชีวิตต้องเป๊ะค่ะ   แต่ไม่ถึงขนาดว่านอกจากคบกันสองคนแล้วไม่คุยกับใครเลยหรอกนะ  เราก็มีเพื่อนคนอื่นที่เคยเรียนป.ตรีที่เดียวกัน  หรือเจอกันตอนเก็บคดี  แล้วมาเจออีกทีในห้องเหมือนกัน หรือแม้แต่คนข้าง

สาเหตุที่ผอมลง...

   ช่วงเรียนปริญญาโท  เราผอมลงอย่างเห็นได้ชัดมาก  ทุกคนที่เคยเจอเราตอนอยู่เมืองไทย  พอไปเจอที่เมืองนอก  หรือเจอช่วงเพิ่งกลับมาจะทักว่า  "เฮ้ยผอมลงมากเลย"    ถามว่าทำไม  ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ....    แต่ถ้าถามความเห็นส่วนตัว  คิดว่าส่วนหนึ่งน่าจะมาจาก.............         ความขี้เกียจ!!!       ขี้เกียจอย่างแรกเลยคือ  ขี้เกียจทำ     คือ  ช่วงอยู่เมืองนอกเนี่ย  เราอยู่หอคนเดียว  จะกินจะอยู่ก็ต้องหาเอง  ทำเอง  ซื้อเอง  ถูกไหม  แล้วหลายๆครั้งเนี่ย  เราดันเกิดอาการ...............ไม่ทำได้มั้ย       โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...........มื้อเย็น      แบบ  พอช่วงสี่ซ้าห้าโมงขึ้นไปงี้  พอท้องเริ่มหิว  ท้องจะส่งสัญญาณไปยังสมอง  สมองจะสั่ง....      "เฮ้ย  หิวแล้ว  หาไรกินดิ๊"     ขยันหน่อยก็จะลุกไป  หุงข้าวบ้าง  ต้มไข่บ้าง ต้มหมี่บ้าง  ว่ากันไป      ขยันน้อยลงหน่อยอาจจะเอาอาหารแช่แข็งไปอุ่น  พอประทังชีวิตไปอีกมื้อ     แต่หลายครั้ง  พอสมองสั่งแล้ว  เสียงหนึ่งจะตอบกลับว่า     "ขี้เกียจทำกับข้าวว่ะ"     ว่าแล้วเราก็จะหาอะไรง่ายๆ  รองท้อง  เช่น  กินคอ

กลับมาดูสี่แผ่นดิน

      สัปดาห์ก่อน  หลังจากทบทวนตำราไปได้สักพัก  เราก็หาอะไรดูใน youtube เรื่อยเปื่อย  แล้วจึงไป ป๊ะ เข้ากับละครเรื่องหนึ่งเข้า     ........เรื่องที่นานมาแล้วไม่ได้อ่าน     ........นวนิยายที่ยาวที่สุดที่เคยอ่านจบ  และยังคงชอบอยู่    .................สี่แผ่นดิน.............    เรื่องย่ออย่างสั้นที่สุด  สี่แผ่นดินเป็นเรื่องราวชีวิตของ  "แม่พลอย"  ซึ่งมีชีวิตอยู่ระหว่างการครองราชย์ของกษัตริย์ไทยสี่พระองค์  นั่นคือ  รัชกาลที่ ๕  รัชกาลที่ ๖  รัชกาลที่ ๗  และ  รัชกาลที่ ๘    เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อแม่พลอยอายุได้สิบขวบ  และจบลงกับการจากไปของแม่พลอยนั่นแล    เวอร์ชั่นที่เราย้อนดูอีกครั้งนี้  เป็นเวอร์ชั่นที่คุณอุ้ม สิริยากร  เล่นเป็นแม่พลอย  คู่กับคุณตุ้ย  ธีรภัทร  ซึ่งรับบทเป็นคุณเปรม    ตอนนี้ยังดูไม่จบหรอกนะคะ  แค่ถึงตอนที่  "แม่พลอย"  กับ  "คุณเปรม"  พบกันเป็นครั้งแรก    แต่ถึงอย่างนั้น  เราก็ยังอยากแบ่งปันความคิดของตัวเองเกี่ยวกับละครเรื่องนี้  หลังจากได้ดูมาสักระยะหนึ่ง    จริงๆตอนเขาฉายครั้งแรกเราก็ดู  แต่ไม่ได้รู้สึกอะไร  พอก