เขียนตามที่คิด/ Write what I think

 ผู้เขียน : นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์  สำนักพิมพ์ : มติชน    จำนวนหน้า : 164 หน้า  ราคา : 115 บาท      สวัสดีวันศุกร์ค่ะคุณผู้อ่าน      เห็นข่าวต่างประเทศแล้วขัดใจจังเลยค่ะ ทำไมในเวทีสหประชาชาติไทยต้องลงชื่อเห็นด้วยให้รัสเซียถอนทหารออกจากยูเครนด้วยนะ ประเทศเล็กๆที่มีความสัมพันธ์กับรัสเซียมายาวนานอย่างเราควรวางตัวเป็นกลางสิ หมางใจกับรัสเซียขึ้นมาจะตลกไม่ออก      ส่วนวันนี้ เนื่องจากเรากำลังมีอาการเครียดและ(เกือบ)ใกล้ซึมเศร้า เลยหาหนังสือเกี่ยวกับความผิดปกติทางจิตมาอ่านเสียหน่อย      เลือกหยิบเล่มนี้มาเล่าต่อ ป่วยทางจิต ผิดตรงไหน ผลงานของนายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์       หลายคนที่มีบุตรหลาน เมื่อเอ่ยถึงนักเขียนชื่อ นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ อาจจะคิดถึงผู้เขียนหนังสือสำหรับเด็กๆ (เห็นตามเว็บว่าเดี๋ยวนี้คุณหมอเธอเขียนหนังสือแนวนี้) แต่ทราบหรือไม่ว่า ก่อนที่หนังสือเด็กจะวางคลอดให้รับชมกันนั้น คุณหมอเธอเคยเขียนหนังสือจิตวิทยามาก่อน "ป่วยทางจิต ผิดตรงไหน" คือหนึ่งในหนังสือเหล่านั้น  เปล่าหรอกค่ะ ไม่ได้เพิ่งจะซื้อมาอ่านแล้วก็มาบอกเล่าเหมือนเห่อของใหม่ ตรงกันข้าม เป็นอา

        สวัสดีค่ะคุณผู้อ่าน      เคยเรียนวิทยาศาสตร์พื้นฐานกันมาหรือเปล่าคะ สมัยก่อนอาจารย์จะสอนว่า ร่างกายคนเรานั้นต้องรับประทานอาหารให้ครบห้าหมู่ ประกอบไปด้วย       - คาร์โบไฮเดรต ซึ่งได้จากแป้งและน้ำตาล เช่น ข้าว และอาหารประเภทเส้นทั้งหลาย      - โปรตีน ได้จากเนื้อสัตว์และถั่วเหลือง      - ไขมัน ได้จากพวกน้ำมันพืช มันของสัตว์      - เกลือแร่และแร่ธาตุ ได้จากผัก      - วิตามิน ได้จากผลไม้      เมื่อพูดถึงวิตามิน วิตามินนั้นมี วิตามินเอ, บี(สารพัดบี), ซี, ดี, อี, เอฟ และเค เป็นอาทิ      ...และบ้างก็เรียกวิตามินบี 7 ว่า วิตามินเอช      อย่างไรก็ดี วิตามินเอช ข้างต้น เป็นคนละตัวกับวิตามินเอช ที่จะพูดถึงในวันนี้      ทุกวันนี้เราต้องผจญกับเรื่องน่าปวดหัวสารพัดสารพันเลยนะคะ ไหนจะงานหนัก เพื่อนร่วมงานรวมหัวกันพ่นพิษ รถติด ฝุ่นควัน ฯลฯ      กำลังใจจึงเป็นสิ่งสำคัญในการหล่อเลี้ยงให้ชีวิตก้าวต่อไป            เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เราเจอกับงานหินงานหนึ่งที่ต้องฝ่าฟันไปให้ได้      จู่ๆ ในตอนเช้า เราก็เกิดอาการเครียดฉับพลัน นั่งจิตตกอยู่ในห้องนอน      แล้วเราก็สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่

 ผู้เขียน :  Michael J. Gelb   ผู้แปล : ดร. สาลี่ เกี่ยวการค้า   สำนักพิมพ์ : Think Beyond  จำนวนหน้า : 296 หน้า   ราคา : 200 บาท         สวัสดีวันศุกร์ค่ะคุณผู้อ่าน วาเลนไทน์ที่ผ่านมาเป็นอย่างไรกันบ้างคะ เป็นวันพิเศษ หรือเป็นวันทำงานปกติคะ        คำคมคารมรักมากมายได้ถูกเผยแพร่ออนไลน์เนื่องในวันแห่งความรัก หนึ่งในนั้นคือ "Love is in the air" อ่านแล้วต้องขออนุญาตไม่เห็นด้วย เพราะนอกจากบรรดาก๊าซไนโตรเจน ออกซิเจน ฯลฯ ที่ไม่สามารถมองได้ด้วยตาเปล่าแล้วเนี่ย ในอากาศตอนนี้เห็นแต่ ฝน กับ ฝุ่น เป็นหลัก แต่ก็นานาจิตตังนะคะ บางทีมุมมองต่อโลกของคนมีความรักกับคนโสดอาจไม่เหมือนกันก็ได้        วันวาเลนไทน์ของเราก็คือวันอังคารที่ต้องทำงานปกติค่ะ จะไม่ปกติก็ตอนกลับบ้านที่บังเอิญเจอเพื่อนร่วมงานผู้ชายที่นานๆเจอกันที แล้วเลยได้เดินคุยกันไปถึงรถ เอ๊ออ นานๆจะได้เดินคุยกับเพศตรงข้ามสักที รู้สึกไม่คุ้นเลยค่ะ 555            ส่วนการแนะนำหนังสือวันนี้ มาตามรอยอัจฉริยะกันดีกว่าค่ะ เล่มนี้เลย " Think Like DaVinci อัจฉริยะแบบดาวินชี"              โลกนี้มีอัจฉริยะหลายคนด้วยกัน ถ้าพูดถึงอัจฉริยะด

        สวัสดีวันแห่งความรักค่ะคุณผู้อ่าน       เนื่องในวันแห่งความรักเลยเอาเรื่องเกี่ยวกับความรักมาเล่าค่ะ แต่แจ้งก่อนนะคะ เรื่องนี้ไม่ค่อยมีสาระ เพราะฉะนั้นใครไม่ชอบอ่านเรื่องเบาสาระ หรือ เป็นคนเหม็นเบื่อความรัก เลี่ยงได้ค่ะ       "..คนเราจะแอบรักใครสักคนได้นานแค่ไหน คนเราจะแอบรักใครสักคนไปจนถึงเมื่อไหร่.."          เนื้อเพลงข้างต้นมาจากเพลง "คนเราจะแอบรักใครสักคนได้นานแค่ไหน" ของวง Rooftop ค่ะ       แล้วมันก็จุดประเด็นคำถามในหัวเราได้จริงๆ      จริงๆแล้วก่อนหน้านั้น เผอิญเราได้ดูยูทูปของซีรีย์จีนเรื่องหนึ่ง เกี่ยวกับคู่พระนางที่แอบรักกันมาประมาณ 13 ปี กว่าจะได้รักกัน เราก็ โห นานจัด ยิ่งมาฟังเพลงนี้เข้าไป เราเลยลองตั้งหัวข้ออภิปรายให้กับตัวเองว่า       คนเราจะแอบรักใครสักคนได้นานแค่ไหนกัน?       ตั้งคำถามแล้วก็ต้องถกเถียงค่ะ เริ่มกันที่ความคิดแรก       ..ใช่ค่ะ แถวบ้านเรียกเถียงกับตัวเอง ใครใคร่จะคิดว่าเราบ้าก็ตามสบาย คิดจบแล้วมาอ่านต่อด้วยนะคะ      ความคิดแรกบอกว่า คนเราน่าจะแอบรักใครสักคนได้ตลอดชีวิต และตัวอย่างก็มีให้เห็น ดูอย่างกรณีของคุณสวลี ผกาพันธุ์ ตอนที่

ผู้เขียน : ศ. ดร. นพ.วิทยา นาควัชระ สำนักพิมพ์ : goodbook จำนวนหน้า : 170 หน้า ราคา : 180 บาท       สวัสดีเดือนแห่งความรักค่ะคุณผู้อ่าน         ไหนๆก็เดือนแห่งความรัก มาอ่านหนังสือเกี่ยวกับ "ความรัก" บ้างดีกว่าค่ะ      อันที่จริงก็ไม่ใช่ความรักในมุมมองหวานแหววอะไรหรอกค่ะ เป็นหนังสือจิตวิทยาความรัก เขียนโดยนักเขียนอีกท่านหนึ่งที่เราชอบอ่านงานของเขา นพ.วิทยา นาควัชระ (ส่วนที่คุณหมอมีข่าวไม่ดีขอไม่พูดถึงนะ ขอสนใจแค่ "งานเขียน")        เจอหนังสือเล่มนี้โดยบังเอิญในห้องสมุดที่ทำงานค่ะ เลยลองหยิบมาอ่านดู      "ครองคู่ ให้อยู่นาน" เล่มนี้ เป็นหนังสือที่เกี่ยวข้องกับความรัก และการมีคู่รัก (ชื่อก็บอกอยู่แล้ว) ในตัวเล่มจะแบ่งออกเป็นสี่หัวข้อใหญ่ด้วยกันค่ะ นั่นคือ กฎทองเพื่อการครองคู่ให้อยู่นาน(๑) สิ่งดีๆที่ทำให้รักยืนยาว(๒) ยิ้มรับธรรมชาติของความรัก(๓) และอุปสรรคที่ทำให้ความรักโรยรา(๔) เนื้อหาจะประกอบไปด้วย ข้อคิดเป็นข้อๆเกี่ยวกับหัวข้อที่กล่าวถึง ตัวอย่างเคสจริงที่คุณหมอเคยเจอมา(เท่าที่อ่าน ผู้เขียนน่าจะเป็นจิตแพทย์ คงจะมีคนมาปรึกษาปัญหาชีวิตของตนเองไม่น้อย) สลับกั

        สวัสดีค่ะ      เราร้างลาจากการเขียนบทความให้ blogger มาสักระยะหนึ่ง เพราะลองไปเขียนที่เว็บอื่นดู วันนี้มีเหตุบางอย่าง จึงนึกอยากหวนมาเขียนที่นี่อีกสักครั้ง       จะพยายามลงบทความสัปดาห์ละสองครั้ง คือทุกวันอังคารและทุกวันศุกร์ช่วงเที่ยงๆนะคะ       ก่อนจะเข้าเรื่อง วันนี้เกิดเภทภัยธรรมชาติรุนแรงอีกแล้ว นั่นคือ แผ่นดินไหวที่ประเทศตุรกี ส่งผลกระทบต่อสองประเทศคือตุรกีและซีเรีย      มาเอาใจช่วยทั้งสองประเทศนี้ด้วยกันนะคะ      สำหรับเรื่องของวันนี้       เนื่องจากไม่นานมานี้ เราได้คุยกับพี่ที่ทำงานคนหนึ่ง เกี่ยวกับเรื่องปันผลของหุ้น ซึ่งเราน่ะบอกเป็นมั่นเหมาะว่า เงินปันผลของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ สามารถทำให้เราเสียภาษีลดลงได้จริง      แล้วพี่เขาไม่เชื่อ      แล้วเราก็เกิดอาการอึดอัดฮึดฮัดว่า ทำไมทั้งๆที่เราใช้ประโยชน์จากปันผลหุ้นมาทุกปี เรากลับไม่สามารถอธิบายให้ใครเข้าใจถึงกลไกของมันได้เลย      เราไม่ชอบที่ตัวเองไม่รู้ ไม่ชอบ!!!      เราจึงเริ่มกระบวนการ dig deep (เราตั้งชื่อเองแหละ) ซึ่งก็คือ การหาข้อมูลในเชิงลึกว่า      ปันผลของหุ้น มันสามารถลดภาษีได้จริงหรือไม่ อย่างไร?       แล้วเรา