บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก เมษายน, 2016

แค่อยากเล่า : เหตุผลของการแต่งตัวชิวชิว

     การแต่งตัวของคนเรานั้นมีหลากหลายแบบ...      และที่สุดของการไม่มีที่ตินั้นคือ  การแต่งตัวเรียบร้อยทุกกระเบียดนิ้วไม่ว่าสถานที่ซึ่งเยื้องกรายไปนั้นจะเป็นงานราชพิธี  งานราตรี  หรือแม้แต่ปากซอยหน้าบ้าน      เนี้ยบเสียจนบางครั้งอยากลองเอามือไปขยำเสื้อเจ้าตัวดู  อยากรู้ว่าถ้าผ้ายับแล้วจะมีปฏิกริยาอย่างไร      ......แต่อย่าเลยเนอะ  บาปกรรมเปล่าๆ.....      มีขั้วบวกแล้วก็ต้องมีขั้วลบ  เมื่อการเป็นคนแต่งตัวเนี้ยบนั้นคือขั้วบวก  ดังนั้นสิ่งตรงข้ามคงจะเป็น...      ......การแต่งตัวกระเซอะกระเซิงได้ทุกสถานการณ์  ไม่ว่าจะไปงานไหน      ซึ่งดูเหมือนหลายคนจะเรียกตัวเองว่า  "แต่งตัวชิวๆ"      และดูเหมือนจะชิวเสียจนกระทั่งวิธีการเดียวที่จะให้แต่งให้เรียบร้อยได้คือทุกคนในบ้านร่วมใจกันขอร้องแกมบังคับหาชุดเป็นงานเป็นการให้ใส่นั่นแล...      แต่เท่าที่สังเกตความเป็นไป  พวกสุดโต่งสองขั้วนั่นไม่ใช่คนกลุ่มใหญ่แต่อย่างใด  โดยมากจะแต่งกันโดยดูกาลเทศะเป็นหลักกันเสียมาก      นับว่าโชคดี      เปล่าหรอก  วันนี้ไม่ได้จะมาจิกกัดคนกลุ่มใดเป็นพิเศษ      แค่อยากมาอธิบายเหตุผลที่คนเรี

สาเหตุที่คนเงียบๆคุยหรือไม่คุยกับคุณ

     เอาอีกแล้ว..............เอาอีกแล้ว      มีอีกข้อหามาให้คนเงียบๆอีกแล้ว      ความผิดที่ว่าคือ  "คนๆนี้ไม่ยอมคุยกับเรา  คุยแต่กับคนอีกคน..."      โอ๊ย  น่าหงุดหงิดจริงเชียว  คิดว่าเป็นชนกลุ่มใหญ่แล้วจะพูดอะไรก็ได้เหรอ???      คุณควรเข้าใจว่าธรรมชาติของคนเงียบๆแบบเราเนี่ย  เราจะอยู่เงียบๆของเราไปเรื่อย  จนกว่าจะต้องพูดหรือเจอคนสนิท  ดังนั้นแล้วเนี่ย...      ไม่ใช่เราไม่คุยกับคุณหรอก....      เราไม่คุยกับคนทั่วไปที่เราไม่รู้จักหรือไม่สนิทต่างหากล่ะ      คุณคงเริ่มเถียงว่า  "อ้าว  แล้วทำไมคุยกะคนนั้น  คนโน้น  คนนี้  ได้ล่ะ?"  อ๋อ  คืองี้      สิ่งที่คุณอาจไม่รู้ก็คือ  ในโลกนี้ยังมีคนอยู่ประเภทนึง      ประเภทที่เห็นหน้าเราแล้วอาจถูกชะตา  ถูกจริต  ถูกเส้น  หรือถูกอะไรก็ตามใจเขาเถิด...      เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว  แม้เขาจะเห็นว่าเราเงียบๆ  หรือคุยแค่กับคนสนิท(ซึ่งครั้งหนึ่งนั้นก็เป็นคนไม่เคยคุ้นที่ต่างฝ่ายต่างพยายามจะเป็นคนคุ้นเคยกัน  และทำสำเร็จ)  ก็ตาม...      ...คนกลุ่มนี้จะไม่เมินเรา  แต่จะเพียรพยายามทักเรามาเรื่อยๆ  โดยทั่วไปจะเริ่ม

พอกันทีนะไลน์ พอกันที

     สวัสดีค่ะ      หากใครจำได้  เราเคยเขียนเรื่องเกี่ยวกับไลน์มาสองรอบ  วันนี้เราจะบ่นถึงเรื่องนี้อีกครั้ง  และคิดว่าครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะรู้สึกรู้สากับไอ้แอพลิเคชั่นผู้ใจแคบนี้แล้ว...      สักปลายเดือนที่แล้วกระมัง  ที่ไลน์ออกแคมเปญใหม่คือ  ตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน 2559  ไลน์จะเปลี่ยนเหรียญที่มีทั้งหมดของผู้ใช้ไลน์ในระบบแอนดรอยเป็นระบบแต้ม  โดยอัตรแลกเปลี่ยนคือ  1 เหรียญไลน์ จะเท่ากับ 0.6 แต้มในระบบใหม่(ดูยังไงก็ขาดทุนเนอะว่ามั้ย)  โดยถ้าผู้ใช้จะใช้เพื่อซื้อบริการต่างๆของไลน์จะต้องทำการเปลี่ยนแต้มเป็นเหรียญอีกครั้งก่อน(จะยุ่งยากไปไหน?)  ข้ออ้างของไลน์คือระบบใหม่นี้ทำให้สามารถย้ายเหรียญ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหรียญจากการแจกฟรี  ไปยังเครื่องระบบ ios ได้  หากผู้ใช้เปลี่ยนเครื่อง      โอเค  ตามนั้น  เราจะพยายามใช้เหรียญให้มากที่สุด  เพราะรู้สึกว่าหากปล่อยให้เปลี่ยนเป็นแต้มจะขาดทุน      ตอนแรกก็ไม่อะไรหรอกนะ  เพราะรู้สึกว่าสามารถเอาเบอร์คนที่บ้านมาลงทะเบียนเบอร์เพื่อเอาเหรียญฟรีได้เรื่อยๆอยู่      แต่แล้ว  สองสามวันก่อน  เราเกิดสงสัยว่าตอนนี้ไลน์ของประเทศอังกฤษแจก

กาพย์ : จากใจแฟนบอลคนหนึ่ง

กาพย์ธรรมดาๆซึ่งแต่งโดยคนธรรมดาๆคนหนึ่งเมื่อคิดถึงทีมฟุตบอลทีมโปรดและนักฟุตบอลที่ชื่นชอบ  ก็เท่านั้น...                         รักนะ  รักมากมาก                            แค่ไม่อยาก  จะไขว่คว้า              โน้มใคร  ให้ลงมา                                       อยู่บนฟ้า  นั่นแหละดี                         อยู่เถอะ  อยู่ตรงนั้น                          เช่นตะวัน  อันสุกศรี               งามตา  ทุกนาที                                         คนทางนี้  จะคอยมอง                                                        คอยเป็น  กำลังใจ                             จงคว้าชัย  ไปทั้งผอง                สำเร็จ  เสร็จดังปอง                                    ตามครรลอง  ของพวกคุณ                         คอยดู  อยู่เบื้องหลัง                          ส่งพลัง  หวังเกื้อหนุน                ชมด้วย  แอบช่วยลุ้น                                  ให้พวกคุณ  มีโชคชัย                         หลบเงา  เหงาตรงนี้                           ไม่ขอมี  ที่ยื่นใกล้                 เพียงดู  อ

วิธีลดความเครียดแบบเพี้ยนๆ

 เป็นคนเครียดง่าย  หายยาก จนถึงจุดๆหนึ่ง  จุดที่จิตใจรู้สึกว่า  ไม่ไหวแล้ว  จึงลองนำวิธีใหม่ๆเข้ามา  เพื่อช่วยลดความเครียดของตัวเอง  ด้วยการ... คุยกับตัวเอง บ้าหรือเปล่า?   ก็ไม่รู้สินะ  วิธีมีดังนี้ เมื่อใดก็ตามที่รู้สึกตัวว่า  เมฆครื้มแห่งอารมณ์เริ่มเข้าครอบครองจิตใจอีกครั้งแล้ว  แทนที่จะนั่งทอดหุ่ยไปเรื่อยๆ  จะเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า "เครียดอยู่ใช่มั้ย"  แน่นอนว่าคำตอบคือใช่  (คือตอบตัวเองคงไม่โกหก  หรือต่อให้ไม่ยอมรับความจริงยังไง  คนถามก็รู้อยู่ดี)  นำไปสู่คำถามต่อไป "เครียดอะไร"  ตอนนี้  จิตใจจะเริ่มหาคำตอบให้กับความกังวลของตัวเอง  เออ  นั่นสิ  เป็นอะไรเนี่ยเธอออ  แล้วถามต่อ.... "เครียดทำไม"  ตอนนี้คนถูกถามจะเริ่มขุดลึกถึงต้นตอของความเครียดเข้าไปเรื่อยๆ  เพื่อหาว่า  จริงๆแล้วเรื่องที่เครียดอยู่เนี่ย  มันมีสาเหตุมาจากอะไรกันแน่.... พอนึกแล้วระบายออกมาทางความคิด  จิตใจจะเริ่มผ่อนคลายลง  อ๋อออ  ต้นเหตุมันเป็นแบบนี้นี่เอง  เราตีตนไปก่อนไข้,  เรารู้สึกผิด,  เราแค่รู้สึกแปลกๆกับปฏิกริยาคนรอบข้าง  บลา  บลา  บลา เมื่อถึงตรงนี้  สม

บ่น : เรียนนิติต้องอดทน

     สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์แห่งความผีเข้าผีออกของคนเขียน  และของใครอีกหลายๆคน  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กนิติ  เพราะสุดสัปดาห์นี้มีสอบคัดเลือกเข้าเป็นผู้ช่วยอัยการรุ่นที่ 66      สอบอะไรบ้างงั้นรึ  สัปดาห์นี้มียี่สิบข้อสี่วิชาค่ะ  วันเสาร์สอบอาญา-แพ่ง  อาทิตย์สอบวิอาญา-วิแพ่ง      ...ผู้ไม่ทราบรายละเอียดอาจจะบอกว่า  โอ๊ย  สี่วิชาเองงง      ใจเย็น  รอให้บอกรายละเอียดของวิชาก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ      สี่วิชาที่ว่าเนี่ย      -  อาญา  ได้แก่  เรื่องเจตนาในการกระทำผิด  เขตอำนาจ  ความผิดเกี่ยวกับชีวิต  ร่างกาย  ทรัพย์  ฯลฯ         รวมทั้งสิ้น 398 มาตรา ++      -  แพ่ง  ได้แก่  เรื่องนิติกรรม  หนี้  ความสามารถ  กู้ยืม  ซื้อขาย  เช่าทรัพย์  ทรัพย์  ครอบครัว  มรดก  ฯลฯ          รวมทั้งสิ้น 1755 มาตรา ++      -  วิ.อาญา  ได้แก่  เรื่องผู้เสียหาย  เขตอำนาจสอบสวน  การสอบสวน  จับ  ค้น  คุมขัง  ปล่อย  ฯลฯ          รวมทั้งสิ้น  267 มาตรา ++      -  วิ.แพ่ง  ได้แก่  เรื่องเขตอำนาจศาล  อำนาจฟ้อง  ฟ้องซ้ำ  ฟ้องซ้อน  การอุทธรณ์  การบังคับคดี  ฯลฯ         รวมทั้งสิ้น 323 มาตรา ++      

เรื่องราวที่ไม่เคยเล่าจากสมองเจ้าปัญหา

     ถ้าจะให้เพลงสักท่อนแทนนิยามในชีวิตเราได้ล่ะก็  หนึ่งในนั้นต้องเป็นท่อนนี้เลย      "มีเรื่องราวมากมายที่ไม่มีใครได้ฟัง  คำพูดเป็นร้อยพันที่ไม่เคยเอื้อนเอ่ย..."  จากเพลง ของขวัญ       เอ....เนื้อถูกมั้ยเนี่ย??      คืออย่างนี้น่ะ  ในแต่ละวันเนี่ย  จะมีความคิดตกตะกอนที่ถูกกาลเวลาพัดพาหายไปมากมาย  เอาแค่เสาร์อาทิตย์นี้  มีเรื่องในหัวเราที่ยังจำได้ดังนี้      -  เมื่อวาน  ตอนแม่เอารูปนักร้องคนหนึ่งมาให้ดูแล้วบอกว่า  คนนี้คือคนร้องเพลง "เหตุเกิดจากความเหงา"  ทำให้เราตระหนักว่า  ความสนใจเรากับแม่ต่างกัน  โดยแม่จะสนใจตัวบุคคลก่อนแล้วจึงโฟกัสมาที่ผลงาน  ในขณะที่เราเป็นนักเสพผลงานโดยบางครั้งก็ไม่รู้ว่าเป็นผลงานของใคร        ตอนแรกจะลงเรื่องนี้เหมือนกัน  แต่คิดตอนจบไม่ออก      -  ตอนดูรายการ "ฟ้ามีตา"  ซึ่งมีเรื่องราวของผู้หญิงไม่รู้จักพอซึ่งกลายเป็นเหยื่อแก๊งมิจฉาชีพ  แล้วเลยอยากแบ่งปันความเห็นตัวเองว่า  บางทีความโลภและความริษยาก็บดบังสติปัญญาคนได้อย่างไม่น่าเชื่อ        นึกเป็นวรรคเป็นเวร  สุดท้าย..........ช่างเหอะ      -  เมื่อคืนตอนดูบอล  อ