เรื่องราวที่ไม่เคยเล่าจากสมองเจ้าปัญหา




     ถ้าจะให้เพลงสักท่อนแทนนิยามในชีวิตเราได้ล่ะก็  หนึ่งในนั้นต้องเป็นท่อนนี้เลย

     "มีเรื่องราวมากมายที่ไม่มีใครได้ฟัง  คำพูดเป็นร้อยพันที่ไม่เคยเอื้อนเอ่ย..."  จากเพลง ของขวัญ
      เอ....เนื้อถูกมั้ยเนี่ย??



     คืออย่างนี้น่ะ  ในแต่ละวันเนี่ย  จะมีความคิดตกตะกอนที่ถูกกาลเวลาพัดพาหายไปมากมาย  เอาแค่เสาร์อาทิตย์นี้  มีเรื่องในหัวเราที่ยังจำได้ดังนี้

     -  เมื่อวาน  ตอนแม่เอารูปนักร้องคนหนึ่งมาให้ดูแล้วบอกว่า  คนนี้คือคนร้องเพลง "เหตุเกิดจากความเหงา"  ทำให้เราตระหนักว่า  ความสนใจเรากับแม่ต่างกัน  โดยแม่จะสนใจตัวบุคคลก่อนแล้วจึงโฟกัสมาที่ผลงาน  ในขณะที่เราเป็นนักเสพผลงานโดยบางครั้งก็ไม่รู้ว่าเป็นผลงานของใคร
       ตอนแรกจะลงเรื่องนี้เหมือนกัน  แต่คิดตอนจบไม่ออก

     -  ตอนดูรายการ "ฟ้ามีตา"  ซึ่งมีเรื่องราวของผู้หญิงไม่รู้จักพอซึ่งกลายเป็นเหยื่อแก๊งมิจฉาชีพ  แล้วเลยอยากแบ่งปันความเห็นตัวเองว่า  บางทีความโลภและความริษยาก็บดบังสติปัญญาคนได้อย่างไม่น่าเชื่อ
       นึกเป็นวรรคเป็นเวร  สุดท้าย..........ช่างเหอะ

     -  เมื่อคืนตอนดูบอล  อยากแชร์ความเห็นว่า  บางทีที่นักบอลเล่นกันแบบเสี่ยงๆน่ะ  เหตุผลเบื้องหลังคือ  เขาเชื่อใจเพื่อนร่วมทีมเขาต่างห่าง  ว่าเมื่อเตะไปให้แล้วจะรับได้...
       นึกๆต่อไป...........แล้วไงอ่ะ??

     -  วันนี้  ตอนเล่นเกม  แล้วเล่นพลาดพลั้ง  โดนคนเล่นร่วมกันด่าว่า "กาก"  จู่ๆจึงสงสัยขึ้นมาว่า  เป็นไปได้ไหมว่า  ที่คนด่าเพราะไม่รู้ว่า  เราเป็นผู้หญิง  ถ้าเปิดเผยว่าเป็นผู้หญิงแล้วปฏิกริยาจะเปลี่ยนไหม..
       คิดๆไป....แล้วไงต่อวะ???

     -  วันนี้นั่งตะบี้ตะบันอ่านชีทชุดหนึ่งจนจบได้  แล้วนึก  เออนะ  ถ้าตะลุยอ่านก็จบได้เหมือนกัน  แม้จะรู้เรื่องมั่งไม่รู้เรื่องมั่งก็เหอะ....
       ควรจะหาหลักการมั้ย????

     นี่แค่ความคิดหลักๆที่อาจต่อเป็นเรื่องเป็นราวได้นะ  ยังมีพวกความคิดแวบนึงเช่นว่า  "น้ำหนักขึ้นจัง งานก็ยังไม่มี"  หรือ  "สรณะทุกวันนี้ ตำรา เกม ข่าว บอล"  อะไรเทือกนี้อีก  ยิ่งหากรวมบรรดาเหตุการณ์ต่างๆที่พบเจอ  อารมณ์ขณะนั้น  และอื่นๆอีกหลากหลาย

     .......เยอะ



     อันที่จริง  เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่านิสัยชอบเก็บงำเรื่องของตัวเองมันมีจุดกำเนิดมาแต่ตอนไหน  แต่หากจะให้ยกเหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึกว่า  "ไม่พูดดีกว่า"  มาสักเหตุการณ์หนึ่งล่ะก็  อันที่จำแม่นที่สุดคือ...


     ...เรื่องเกิดขึ้นประมาณมัธยมสามหรือสี่  ตอนนั้นเดินอยู่กับเพื่อนสนิท  เราไม่แน่ใจว่าตนเองไปรู้อะไรมา  รู้แต่ว่าอยากเล่ามาก  เดินๆไปเราเลยเกริ่นไปสักพัก  แล้วจู่ๆ  เพื่อนก็ตอกหน้ากลับมา

     "..เราไม่สนใจ!!"  

     สตั๊นท์ไปห้าวิเหมือนถูกไม้หน้าสามฟาดท้ายทอย  จากนั้นเลยตัดสินใจว่า  ไม่จำเป็นจะไม่พูดอะไรพร่ำเพรื่อกับนางอีก

     คิดๆแล้วก็ขำ  หลายอย่างต่างกันมาก  ไม่รู้สนิทกันได้ยังไง  มาถึงตอนนี้ยังสงสัยอยู่  ตอนนี้ไม่ค่อยรู้สึกสนิทเท่าเดิมแล้วล่ะ

     ....แต่ก็นะ  ความเป็นเพื่อนมันบอกเลิกด้วยเหตุผลว่า  "เราต่างกันเกินไป"  ไม่ได้นี่นา


     จากนั้นเหมือนจะเจออีกหลายเหตุการณ์ที่รู้สึกว่า  การเงียบคือทางออกที่ดีที่สุด  แล้วเราก็เงียบมาเรื่อยๆ...

     ....จนกว่ามีคนใส่ใจจะถาม



     แต่ถึงแม้จะไม่เอ่ยปากอะไร  ใช่ว่าเราจะเงียบจริงๆดอกนะ  อย่างน้อย...ก็ในความคิด  หรือพูดให้ถูกควรบอกว่า  ไอ้ที่วันๆไม่พูดกะใคร  บางครั้งไม่สนใจจะฟังใครน่ะ  ไม่ใช่อะไร

     .....ฟังความคิดตัวเองพล่ามอยู่.....

     บางทีก็มีรำคาญเหมือนกัน  แต่ส่วนใหญ่........จะเข้าขั้นติดเสียมากกว่า

     บางทีมันคิดอะไรตลกๆ  คนฟังเลยเผลอยิ้มอยู่คนเดียว  หุบยิ้มแทบไม่ทัน  บางทีนั่งรำลึกความหลังอยู่  ฟังแล้วเคลิ้มเหมือนกัน  หลายครั้งก็บ่นเรื่องรอบตัวที่ทำให้โมโห  คนฟังอดมีอารมณ์ร่วมไม่ได้

   
     หลายครั้งมากเสียจนคนฟังทนไม่ไหว  ต้องวิ่งหาสมุดจด  หาบล็อกเขียนอย่างไว  นั่งฟังไปเรื่อยๆแล้วหนักหัว

     จึงเป็นงานมาให้ท่านอ่านกันดังที่กำลังดูอยู่นี่  รึถ้าอยากดูแบบเป็นวัตถุ  วิ่งมาบ้านไหม  จะเอาไดอารี่ให้อ่าน  เหอๆๆ

     บันทึกแล้วใช่ว่าจะหนีพ้น  คราวนี้ค้นง่ายเลย  เอางานตัวเองมาอ่านทีไรเป็นอันไม่ได้งาน

     ......เพราะนั่งแช่อ่านงาน(เขียน)ตัวเองอยู่อย่างนั้น



     บางครั้งก็อยากให้คนอ่านความเห็นเราออกให้รู้แล้วรู้รอดไป  เพราะคนเขียนเองบางทีก็อยากมีใครไว้เล่านู่นเล่านี่ให้ฟังเหมือนกัน

     แต่คิดๆไป  อย่าดีกว่า  เรายังเวียนหัวกับตัวเองเลย  ดึงคนอื่นมามึนด้วย  ไม่น่าจะดี...


     .......แบบนี้ล่ะ  ดีแล้ว


     ปล  ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายของคุณผู้อ่าน  ที่คนเขียนเกิดอยากเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา  ไม่ได้ปล่อยให้เกิดขึ้นแล้วดับไปดังเช่นหลายๆเรื่องที่ยกตัวอย่างไปแล้ว  ขอให้สนุกกับการอ่าน


     สวัสดีค่ะ

ความคิดเห็น

  1. 5555555 นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการกลายมาเป็นนักเขียนนะเนี้ยยยย

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คลังศัพท์ไว้ตั้งชื่อ

เราต่างเป็นกาลีในชีวิตใครบางคน

จำหน่ายคดีหัวใจ