สาเหตุที่คนเงียบๆคุยหรือไม่คุยกับคุณ

     เอาอีกแล้ว..............เอาอีกแล้ว

     มีอีกข้อหามาให้คนเงียบๆอีกแล้ว

     ความผิดที่ว่าคือ  "คนๆนี้ไม่ยอมคุยกับเรา  คุยแต่กับคนอีกคน..."


     โอ๊ย  น่าหงุดหงิดจริงเชียว  คิดว่าเป็นชนกลุ่มใหญ่แล้วจะพูดอะไรก็ได้เหรอ???



     คุณควรเข้าใจว่าธรรมชาติของคนเงียบๆแบบเราเนี่ย  เราจะอยู่เงียบๆของเราไปเรื่อย  จนกว่าจะต้องพูดหรือเจอคนสนิท  ดังนั้นแล้วเนี่ย...


     ไม่ใช่เราไม่คุยกับคุณหรอก....


     เราไม่คุยกับคนทั่วไปที่เราไม่รู้จักหรือไม่สนิทต่างหากล่ะ



     คุณคงเริ่มเถียงว่า  "อ้าว  แล้วทำไมคุยกะคนนั้น  คนโน้น  คนนี้  ได้ล่ะ?"  อ๋อ  คืองี้

     สิ่งที่คุณอาจไม่รู้ก็คือ  ในโลกนี้ยังมีคนอยู่ประเภทนึง


     ประเภทที่เห็นหน้าเราแล้วอาจถูกชะตา  ถูกจริต  ถูกเส้น  หรือถูกอะไรก็ตามใจเขาเถิด...

     เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว  แม้เขาจะเห็นว่าเราเงียบๆ  หรือคุยแค่กับคนสนิท(ซึ่งครั้งหนึ่งนั้นก็เป็นคนไม่เคยคุ้นที่ต่างฝ่ายต่างพยายามจะเป็นคนคุ้นเคยกัน  และทำสำเร็จ)  ก็ตาม...

     ...คนกลุ่มนี้จะไม่เมินเรา  แต่จะเพียรพยายามทักเรามาเรื่อยๆ  โดยทั่วไปจะเริ่มจากโลกออนไลน์  เช่น  msn(ในยุคทองของmsn)  เฟสบุ๊ค  หรือไลน์...


     หัวข้อที่ทักมาอาจแค่ถามเรื่องเรียน  เรื่องงาน  หรือเรื่องในความสนใจบางอย่าง  หรือบางคนก็มาแนวคุยเล่นเลย

     ถามว่าทักมาแล้วคุยรึเปล่า  โธ่  คุยสิคะ  คนเงียบๆหลายคนมีปรัชญาอยู่อย่างหนึ่งค่ะ  คืออยากคุย  แต่ไม่อยากทัก  เมื่อมีคนทำหน้าที่ทักมาเสียแล้วเนี่ย  คุยอยู่แล้วค่ะ
     ชอบเลย  คนคุยยิ่งไม่ค่อยมีอยู่  เว้นแต่อยู่ในโหมดโลกส่วนตัวสูงขึ้นมา

     และสิ่งที่เราสามารถโม้ได้ก็คือ  คนเงียบๆมีข้อมูลเยอะนะคุณ  ถามอะไรมาเราถ้าตอบได้เราตอบหมดแหละ  แค่เราไม่เดินไปบอกโดยไม่มีใครถามก็เท่านั้น
     .......กลัวถูกหาว่า "__"

     .....คุยไป  คุยไป  จากที่ศัพท์สุภาพเป็นทางการก็เริ่มจะกันเองขึ้นเรื่อยๆ....


     รู้ตัวอีกที.............อ้าว  คุ้นเคยกันแล้ว  (ยังไม่สนิทง่ายๆหรอก  ใจเย็นๆ)



     พอเริ่มคุ้นเคยกันแล้วเนี่ยนะ  มันจะลดข้อจำกัดอย่างหนึ่งที่คนเงียบๆมี

     คุณรู้หรือเปล่าว่าสาเหตุหนึ่งที่เราไม่กล้าคุยกับใครก่อน  เพราะเราไม่สันทัดเรื่องผู้คน  เราไม่อาจรู้ได้ว่าคุณอยากคุยเรื่องอะไร
     ........แล้วก็ไม่อยากเสียหน้าถ้าทักไปแล้วแป้กด้วย

   
     ทีนี้  พอคุ้นกันแล้ว  เราจะเริ่มรู้ว่าคู่สนทนาชอบอะไร  สนใจอะไร  คุยเรื่องไหนได้  ทีนี้  ถ้าเรามีหัวข้อเรื่องนั้นขึ้นมา  คราวนี้ไม่ต้องรออีกฝ่ายทักมาแล้ว
     ...........เราเอาข้อมูลไปบอกเองเลยย

     นอกจากนี้  เมื่อคุ้นเคยกันแล้ว  เราจะถือว่าคุณมีตัวตนในชีวิตเราแล้ว  ดังนั้น  พอเทศกาลสำคัญเราก็จะทักไปบ้าง  "มีความสุขมากๆนะ  สวัสดีปีใหม่"  อะไรแบบนี้

     ส่วนถ้าสนิทกว่านี้จะจำได้ยันวันเกิดเลย  ใจเย็นๆ  กรุณาอดทนพิสูจน์ความจริงใจต่อไปก่อน.....



     เมื่อคุ้นเคยกันในโลกออนไลน์แล้ว  มันทำให้พอเจอกันจริงๆเราเริ่มกล้าคุยแบบเป็นตัวเองมากขึ้น

     พอคุยแบบเป็นตัวเอง  มันก็จะไปทั้งหน้าเวลาคุย  เหมือนเวลาคุณคุยกับคนสนิทคุณจะปลดปล่อยตัวเองเต็มที่ถูกมั้ย  เราก็เหมือนกัน  จะยิ้ม  จะหัวเราะ  จะเปิ่น  ว่ากันไป

     ทีนี้  เมื่อเต็มที่ในการคุยกับเพศเดียวกันมันก็ไม่อะไร  สนุกสนานเฮฮาไปตามเรื่อง  ใครจะว่าติ๊งต๊องช่างเขาเถิด


     ประเด็นมันจะเกิดเมื่อดันคุยฟุ้งกะเพื่อนต่างเพศเนี่ยสิ...


     เหยยย  มันไม่มีอะไรเลย  ยืนยันว่าผู้ชายกับผู้หญิงเป็นเพื่อนกันได้จริง  บางคนมันสปาร์คกันไม่ติดจริงๆเถอะ  สาบานได้

     แล้วกับคนนั้นน่ะ  เฮ้ยไม่ต้องแซว  หมอนี่ชอบเพศเดียวกันไม่เห็นรึ  เฮ้อออ  (กลอกตา)
     ไปเพิ่มสกิลการสแกนคนมาใหม่นะ...



     คนมาเห็นไม่เข้าใจก็มาว่าเราเลือกปฏิบัติอีก  โอ๊ย  เราแค่คุยเฉพาะคนที่อยากคุยกะเราน่ะคุณ  ค่อนแคะแค่นี้ยังดี  บางคนนี่โดนเมาท์แรงว่า  แรดเงียบ

     โอ้ยยย  จะว่าอะไรดูความเป็นจริงมั่ง  แรดจริงต้องมีแฟนแล้วดิ  หรือไม่ก็ต้องชำนาญการคุยกะเพศตรงข้ามกว่านี้ดิ

     .............แค่คุยกะเพศตรงข้ามที่ไม่สนิทหรือไม่รู้จักยังไม่ยอมคุยเลย  ไม่สิ  แค่ยิ้มให้ยังไม่กล้าเลยเหอะ

     แล้วไม่ได้สังเกตเลยรึว่าตอนนี้นั่งอยู่บนคานเหล็กเสริมเพชรเลยหนา  ไม่ลงมาง่ายๆหรอก...


     แต่เพื่อความเป็นธรรม  เรายอมรับว่าพวกแรดหรือร้ายแต่ทำเงียบๆน่ะมีจริงนะ  แล้วถ้าเจอล่ะก็อยู่ให้ห่างเชียว  รับประกันความร้ายกาจ
     .......เรายังกลัวเลย.......



     บางคนว่าร้อนตัว  โอ้  อยากมี  "ตัว"  ให้ร้อนจัง  แต่คนเงียบๆส่วนใหญ่เขามีสรณะแค่ที่เขาสนใจเท่านั้นแหละ

     เป็นต้นว่า  อยากได้กล้อง  อยากมีงานทำ  อยากให้ทีมฟุตบอลที่ตัวเองเชียร์เป็นแชมป์  (แล้วตูจะเอาเรื่องตัวเองไปบอกเค้าทำไมว้าา/คนเขียน)

   

     ถ้าเศษเสี้ยวหนึ่งของการจิกกัดของคุณมาจากการที่คุณอยากคุยกับเราล่ะก็  ขอแนะนำให้มาคุยกับเราก่อน

     อาจดูทะนงตัวที่ขอแบบนี้  แต่คุณรู้ไหมว่าเรื่องนี้เป็นปมในใจคนเงียบๆหลายคนมาก  เพราะสิ่งหนึ่งที่หลายคนเป็นคือเราไม่อยากถูกปฏิเสธเมื่อเราเข้าไปคุยกับใครแล้วเขาไม่ต้องการคุยกับเรา  และเราไม่อาจรู้ได้เลยว่าคนรอบๆตัวนั้นเขาอยากคุยกับเราหรือเปล่า  ซึ่งคุณจะตอบปัญหานี้ได้เลยทันทีหากคุณเลือกที่จะทักเรา  ด้วยเราจะถือว่าคุณส่งสัญญาณแล้วว่า  เราคุยกับคุณได้

     ยิ่งไปกว่านั้นนะคะ  คนเงียบๆบางคนมีประสบการณ์กับการเข้าไปคุยก่อนแล้วโดนเมินกลับมา(ร้ายกว่านั้นคือแสดงออกให้เห็นว่าชั้นไม่อยากรู้จักแก  เออ แล้วแกจะเสียใจ อุ๊บส์)ซึ่งมันเป็นการทำร้ายตัวตนของเราอย่างรุนแรง  เราจึงเลือกที่จะนิ่งไว้ดีกว่า

     เราสนับสนุนให้คุณคุยกับเราก่อนจะตัดสินใจว่าจะเกลียดเราหรือเปล่านะ  แล้วถ้ารู้จักกันดีแล้วคุณจะเกลียดเรา  เราจะไปว่าอะไรได้

     .........เชิญรู้สึกไปตามศรัทธาเถิด.........



     แต่ถ้าคุณตั้งแง่ไปเสียแล้วว่า  ชาตินี้ทั้งชาติคุณจะเกลียดเรา  และตั้งหน้าตั้งตาค่อนแคะไปเรื่อยๆ  ก็เชิญ  เชิญเลย  ถ้าคุณแค่ทำร้ายด้วยปากล่ะก็
     .........เพราะคนเงียบๆไม่ชอบมีเรื่อง........


     แต่ถ้าจะทำร้ายกันมากกว่านั้น  เราไม่รับรองความปลอดภัยของคุณเช่นกัน

     แล้วระวังนะ  คนเงียบๆบางคนผูกพันกับศาสนา  เราบางคนบูชาและมีพระไพรีพินาศติดตัว  ถ้าคุณอยากลองพิสูจน์ความขลังของพระเราล่ะก็.....

     .....ลองมาเป็นไพรีกะเราดูได้.....



     และสุดท้าย  หากคุณเหน็บแนมเราเพื่อกระตุ้นให้เรามาคุยกับคุณก่อนล่ะก็นะ  อยากบอกว่า

     ......ขอผ่าน......

     เพราะถ้าแค่คุณยังไม่สามารถง้างปากเราให้คุ้นเคยและสนทนากับคุณได้แล้วล่ะก็......


     ................เราก็ไม่สนใจเสียง(นกเสียงกา)ของคุณเช่นกัน....................



               สวัสดี



  ปล.  ไม่ได้ตั้งใจจะอู้นะคะ  แค่อ่านหนังสือแล้วประเด็นนี้มันแวบขึ้นมาในหัว  จึงต้องลุกมาเขียนค่ะ  แหะๆ  สวัสดีนะคะ