บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก กรกฎาคม, 2023

เรื่องเล่าหนังสืออ่านเล่น : สำนวนจีนในสามก๊ก

                               น้ำพระทัยรินไหลไปทั่วหล้า                         ทั่วแผ่นฟ้าร่มเย็นเป็นสักขี                         บำบัดทุกข์บำรุงสุขทุกชีวี                         พระบารมีล้นเกล้าเหล่าชาวไทย                              วันพระราชสมภพครบอีกครั้ง                         ประชาไทยใส่พลังหวังมอบให้                         ขอพระองค์ผู้ทรงฤทธิไกร                         อยู่คู่ไทยคู่ไตรรงค์ทรงพระเจริญ                         (ด้วยเกล้า ด้วยกระหม่อม ขอเดชะ)                              สวัสดีวันหยุดเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐ ค่ะคุณผู้อ่าน                          วันนี้นึกครื้มอกครื้มใจอยากลงกลอน แต่ติดที่หัวไม่ค่อยแล่นเหมือนตอนเด็ก สุดท้ายเลยเอากลอนที่แต่งไว้ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๙ มาปัดฝุ่นแล้วเล่าใหม่ เปลี่ยนถ้อยคำสักสองบาทอะไรงี้ เหม่ จะว่าไป กลอนเรานี่ อกาลิโก ใช้ได้เลยนะ แก้นิดแก้หน่อยก็โอเคละ 555                         อย่าว่าเราเลย เราแก่แล้ว จะให้มานั่งแต่งนิราศโรงเรียนแบบตอนมัธยม อารมณ์มันไม่มา สมองมันไม่แล่น จับของเก่ามา

ชิบ มัน หาย ได้ยังไง??

                           สวัสดีค่ะคุณผู้อ่าน                เตือนก่อนอ่าน(แต่เตือนหลังกล่าวทักทาย เอิ้ก) เรื่องนี้อาจไม่เหมาะกับคนที่ชีวิตทั้งชีวิตไม่พูดคำหยาบเลย เอาเป็นว่าข้ามเรื่องนี้ไปเลยก็แล้วกันค่ะ อ่านแล้วอาจทำให้ขุ่นมัวได้                ส่วนเราๆท่านๆที่มีคำอุทานเป็นกระบุงโกยอยู่ในกระเป๋า มีสักครั้งมั้ยคะที่ปล่อยคำว่า                “ ชิบ..หาย (ละ)” ออกมาเพ่นพ่าน                ถ้าเคย อยากรู้ไหมคะว่า แล้วคำว่า ชิบหาย มันมีที่มาที่ไปยังไง                เราก็อยากรู้เหมือนกัน                ไปอ่านเจอใน https://www.dek-d.com/board/view/3767482 มาค่ะ เว็บนี้เขาบอกว่า จริงๆแล้วเนี่ย ที่มาของ “ชิบหาย” มันมาจากคำว่า                “ชีพ” รวมกับ “หายนะ” (อ่านว่า หาย/หา-ยะ-นะ) รวมกันเป็นคำว่า “ชีพหาย”  ซึ่งรวมกัน ชีพหายนะ ก็แปลตรงตัวเลยค่ะ แปลว่า ชีวิตที่วิบัติ หรือ หายนะแห่งชีวิต                 ในเว็บนี้บอกว่า ทีนี้ พอภาษามีการใช้ไปเรื่อยๆเนี่ย มันก็เริ่มกลายร่าง จาก ชีพ เสียงเริ่มสั้นลงกลายเป็น “ชิพ” ที่สุดแล้วพอเขียนเน้นง่ายเข้าว่า มันก็กลายเป็น “ชิบ”           

เรื่องเล่าหนังสืออ่านเล่น : ล่าปมวิปลาส ยอดฆาตกร

  ผู้เขียน : John E. Doglas & Mark Olshaker    ผู้แปล : วีระวัฒน์ เตชะกิจจาทร  สำนักพิมพ์ : Maxxpublishing  จำนวนหน้า : 536 หน้า  ราคา :  425 บาท                          สวัสดีอีกศุกร์ค่ะคุณผู้อ่าน                           เป็นอย่างไรบ้างคะสัปดาห์นี้ ข่าวการเมืองวุ่นวายเหลือเกิน ถูกใจไม่ถูกใจประการใดคะ หุหุ เราเชื่อว่ากฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอล่ะค่ะ ส่วนประชาชนอย่างเราๆเห็นจะหมดหน้าที่เสียแล้ว นั่งบนภูดูเขาเลือกคนไปละกัน                                                  วันนี้มาอ่านหนังสือแนวสืบสวนสอบสวนชวนตื่นเต้นกันดีกว่าค่ะ เล่มนี้เลย                          "ล่าปมวิปลาส ยอดฆาตกร"                         สาเหตุที่อ่านเล่มนี้เพราะเป็นคนชอบเรื่องแนวสืบสวนสอบสวนค่ะ                          การ์ตูนที่เคยชอบอ่านคือ โคนัน ซีรีย์ที่เคยชอบดูคือ CSI และเวลาเรียนปริญญาตรี ก็จะชอบวิชากฎหมายอาญาภาคความผิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องความผิดเกี่ยวกับชีวิต(เช่น การฆ่าและการทำร้าย เป็นต้น) เป็นพิเศษ                           ...บอกเพื่อนทีไร เพื่อนทำท่าสยองทุกที บอกไม่เข้ากับบุคลิกแกเลยอ่

ว่าด้วยความคิดถึง

                          สวัสดีค่ะคุณผู้อ่าน                         แรงบันดาลใจในการเขียนบทความนี้ เนื่องมาจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีอยู่วันหนึ่งได้ฟังข่าวแผ่นดินไหวที่จังหวัดพิจิตร แล้วเกิดนึกถึงความหลังขึ้นมา                         ย้อนกลับไปสมัยปี 2551-2552 เราได้เพื่อนใหม่มากลุ่มหนึ่งจากการเข้าค่ายเรียนภาษาอังกฤษด้วยกัน เมื่อกลับมาใหม่ๆก็ยังคงคุยกันอยู่เนืองๆ                         วันหนึ่ง กรุงเทพฯเกิดแผ่นดินไหว แต่เราน่ะไม่รู้เรื่อง และไม่รู้ถึงการเกิดแผ่นดินไหวใดๆเลย พอคุยกะน้องคนหนึ่งจากแก๊งเพื่อนใหม่นี่ นางก็ด่าเราแบบ อ้าว ป้า แผ่นดินไหวไม่หนีไม่อะไรเลยได้ไงวะ เราก็แบบ ฉันไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย บลาๆๆ                          แต่ไม่ได้โกรธนางหรอก เพราะแม้อ่านตามถ้อยคำมันจะเหมือนการจิกกัด แต่พิจารณาบริบทแล้ว สรุปว่า นางเป็นห่วง ประมาณว่า เจ้ ถ้าแผ่นดินมันไหวหนักขึ้นมา เจ้ตายไปแล้วนะ นั่งเฉยๆงี้น่ะ                         ยัง เจ้ยังไม่ตาย ยังอยู่ด่าแก และอยู่ให้แกด่า ได้อีกหลายปี                          แล้วจู่ๆ เราก็ยิ้มกว้างออกมา                          แล้วเราก็ เอ๊ะ นี่ฉัน