บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก พฤษภาคม, 2017

ชอบ ที่ชอบ หรือไม่ชอบ

 คุยกับน้องที่สนิทอยู่คนนึง  น้องบอกว่า  ชอบนะ  เวลาที่ตัวเองชอบใครสักคน  มันช่างเป็นช่วงเวลาที่ทำให้กระชุ่มกระชวยหัวใจได้      แล้วน้องก็เชียร์ให้เราลองชอบใครสักคน  ลองมีแฟน      เอิ่ม...น้องคะ  พี่ว่า  มันเริ่มไม่ใช่ละนะ      แต่ถามว่าเห็นด้วยรึเปล่า?      ก็มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย...      คือ  ถ้าจะมานั่งจาระไนไอ้ความรู้สึกที่พอจะเรียกโดยอนุโลมได้ว่าชอบเนี่ย  เราว่า  มันแยกได้สองประเภทใหญ่ๆนะ      ประเภทแรก  คือรู้สึกแล้วดี      และประเภทหลัง  คือรู้สึกแล้ว...ไม่ค่อยจะดี      ความชอบประเภทแรกนี้  เรามักจะเรียกมันว่า  "การปลื้ม"  เสียมากกว่า      มันคงจะมีได้หลายครั้งแหละ  ที่เราจะรู้สึกดีกับใครสักคน  หรือหลายๆคนได้  เพราะเขาหน้าตาดี  เก่ง  น่ารัก  นิสัยดี  มีพรสวรรค์  หรืออะไรก็แล้วแต่      และการปลื้มแบบนี้นั้นสามารถปลื้มได้หลายคน  ทั้งจากคนไกลตัวและคนใกล้ตัว      เราอาจปลื้มนักฟุตบอลไปซะครึ่งทีมของทีมที่เราเชียร์  โดยที่เราไม่ต้องรู้สึกผิดหรือไม่ดี  แล้วเราก็ให้รางวัลหัวใจด้วยการติดตามดูเวลาที่ทีมของเราแข่ง  เพราะได้ท

ความบังเอิญที่เราพิสูจน์เองไม่ได้...

     ไม่ว่าด้วยเหตุบังเอิญ  หรือเหตุใดก็ตาม  เราพบว่า  เขยของบ้านเรา  ในญาติสายตรงฝั่งแม่  จะมีความเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง      ....ไม่ดื่มแอลกอฮอล์      ....ไม่สูบบุหรี่  และยาเสพติดใดใด      ....และมั่นคงต่อครอบครัว      ไม่ว่าจะเป็นตา  พ่อของเรา  หรือลุงเขย(สามีของพี่สาวของแม่)เรา  ทุกคนล้วนเป็นแบบนี้ด้วยกันทั้งสิ้น  เพียงแค่ว่าแต่ละคนจะมีข้อเสียเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองที่ต่างกันออกไป      อ่อ  ตอนนี้น้อง(ลูกของป้า)ก็มีแฟนแล้ว  แต่ไม่ทราบเหมือนกันว่ามีลักษณะดังนี้หรือไม่  คงต้องดูกันต่อไป      มันจึงทำให้เรารู้สึกว่า  เออ  ท่าทางมันคงเป็นลักษณะประจำของเขยบ้านเรากระมัง      ถึงกระนั้น  ในวงสังคมที่เราอยู่  ความเป็นจริงนั้นมีอยู่ว่า      แทบจะหาคนที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้เลย!!!      อันที่จริง  อย่าว่าแต่จะไปงมคนไม่ดื่มเลย  กะแค่บริหารชีวิตให้อยู่ในสังคมได้โดยที่ตัวเองเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ไม่ดื่มเลยนั้น  ก็ยากแล้ว      ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมคนสมัยนี้จึงดื่มกันเก่งเหลือเกิน  ทั้งหญิงทั้งชาย  ดวลเบียร์กันได้ชนิดที่เรียกว่าไม่มีใครยอมใคร      ...ส่วนพวกนั่งมองเขาก๊

ขนาดพระอาทิตย์ยังอยู่ลำพังเลยนี่นา....

     วันละลายพฤติกรรมวันแรกกำลังจะผ่านไป...      สิ่งดีดีที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็คือ  เราเริ่มรู้จักเพื่อนๆมากขึ้น  และได้คุยกับเพื่อนร่วมรุ่นมากขึ้นกว่าเดิม      ...ซึ่งดีมาก  ต่อจิตใจ      แต่ไม่ว่าอย่างไร  ข้าพเจ้ายังคงเป็นคนเดิมอยู่เสมอ  นั่นคือ  เป็นคนที่ไม่มีกลุ่มมีก้อนอะไรกับใครเขา      มากับเพื่อนคนไหน  ก็เนียนขอนั่งร่วมโต๊ะกับเขา  แล้วทำความรู้จักเพื่อนเพิ่มไปเรื่อย  โดยใช้เพื่อนที่รู้จักอยู่ก่อนแล้วเป็นสื่อกลาง      เปรียบเสมือนดาวพุธ  ซึ่งย้อมสีเข้ากับที่ไหนก็ได้  ตามที่ตัวเองต้องการ      ส่วนกลุ่มคงเกินจะฝันมากไปหน่อย...      ยามเช้าของวันนี้  เดินไปทานอาหารเช้าตามลำพัง  พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นดวงตะวันกำลังขึ้นรับวันใหม่      ...แล้วความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นมา...      ดูสิ  แม้แต่พระอาทิตย์ผู้ยิ่งใหญ่  และมีอิทธิพลมากที่สุดในระบบสุริยะนี้      ก็ยังหาคู่หูของตัวเองไม่ได้เลย      ท่านมีความรับผิดชอบมากเพียงนี้  มีคุณประโยชน์ต่อเรามหาศาล      ....แค่ผู้ติดตามไปไหนมาไหนยังหาไม่ได้  จะมีก็แต่ดาวโคจรรอบเท่านั้น      เฮ้อออ  แล้วนับประสาอะไรกับคนตัวเล็กๆอ

ไปสักการะพระพิฆเนศกันเถอะ

รูปภาพ
     (เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)      ย้อนกลับไปประมาณสองเดือนที่แล้ว  ตอนนั้นเราพึ่งจะสอบเข้าทำงานที่หนึ่งเสร็จใหม่ๆ  ซึ่งเป็นช่วงที่เรารู้สึกว่า  เราอยากทำบุญ  อยากหาที่ยึดเหนี่ยวจิตใจให้แก่ตนเอง      ...แต่เรายังคงนึกไม่ออกว่า  ควรไปที่ใดดี      จนกระทั่งเราได้ชมรายการ  ไลน์กนก  ซึ่งพาไปสักการะพระพิฆเนศตามสถานที่ต่างๆ  ด้วยเชื่อกันว่า  พระพิฆเนศเป็นเทพเจ้าแห่งความสำเร็จ      "พระพิฆเนศงั้นรึ"  เราได้แต่นึกในใจ  แต่ถึงกระนั้น  เราก็ได้ตัดสินใจว่า  จะลองไปสักการะพระพิฆเนศดู      เราจึงเลือกพระพิฆเนศซึ่งประดิษฐ์สถานอยู่ ณ ถิ่นที่เราไปได้สะดวก  นั่นคือ  ตรงหัวมุมถนนของย่านห้วยขวาง..       ...ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานที่เราทำอยู่ในตอนนั้น      แล้วเราก็ไปสักการะพระพิฆเนศในวันธรรมดาวันหนึ่งหลังจากเลิกงาน  และขอให้ตนเองประสบความสำเร็จดังใจ      ...แต่สิ่งที่แปลกไปคือ  เราดันไปอธิษฐานว่า  "หากเราสอบเข้าทำงานที่นี่ได้  เราจะกลับไปไหว้ท่านอีกครั้ง  พร้อมนำเรื่องราวของท่านมาเขียนลงบล็อกของตัวเอง"      และ  ไม่ว่าด้วยเหตุผลกลใดก็ตามที