book or e-book
เป็นคนที่โตมากับกองหนังสือ....
และโตมาก็คุ้นเคยกับการเห็นพ่อกับแม่อ่านหนังสือ.....
โตขึ้นมาจึงเป็นคนติดหนังสือ....
ไม่ว่าจะไปไหน ถ้าเห็นแล้วว่ามีเวลาว่างแน่ๆ ก็จะพกหนังสือไปอ่านด้วย
รู้สึกมาตลอดว่าตัวเองชอบการอ่านหนังสือ จนกระทั่งชีวิตก้าวมาจนถึงจุดที่คอมพิวเตอร์ แทบเลต หรือโทรศัพท์มือถือสามารถทำหน้าที่เป็นหนังสือได้ ทั้งยังมีสังคมออนไลน์มาดึงความสนใจออกจากหนังสือได้แบบ... super effective
ยิ่งสองสามปีหลังๆนี่ ข้อมูลทุกอย่างแทบจะหาได้จากปลายนิ้ว ชนิดที่เกือบลืมไปเลยว่า กาลครั้งหนึ่งเวลาค้นข้อมูลทำรายงานต้องไปหมกตัวอยู่ห้องสมุด
ไม่ปฏิเสธว่าตัวเองก็หลงใหลได้ปลื้มไปกับเทคโนโลยีทันสมัยเหล่านี้ อ่านทุกอย่างจากอินเตอร์เนต นั่งแช่หน้าจอคอมเป็นวันๆ และ...... โหลดหนังสือมาอ่านหน้าจอสี่เหลี่ยม
ยิ่งช่วงไปเรียนต่างแดนแล้วไปเจอโปรแกรมอ่านไฟล์หนังสือ หรือที่เรียกกันว่าอีบุ๊ค ที่มีหนังสือแจกฟรีให้โหลดมากยิ่งเห่อไปกันใหญ่
แต่ หลังจากเห่ออ่านไปสักช่วงหนึ่ง ก็เริ่มอยากจะวางลง มันรู้สึก.....หน่วงๆ ก็ไม่ใช่ แปลกๆ ก็ไม่เชิง แต่ที่แน่ๆ...
...ระคายตาไม่ใช่น้อย....
บางทีอาจเป็นเพราะการสไลด์หน้าจอไปเรื่อยๆไม่ทำให้รู้สึก.. ละมุน และคุ้นเคย เหมือนครั้งที่ประคองกระดาษหนึ่งปึกไว้ในมือ....
หนังสือหนึ่งเล่มอาจไม่ฟรี(แพงด้วย) หนึ่งเล่มก็มีหนึ่งเรื่อง แต่ทำไมก็ไม่รู้ เวลาหยิบหนังสือมาอ่านถึงเป็นช่วงเวลาที่รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก(หนังสือเรียนไม่นับนะ)
หนังสือไม่ค่อยทำร้ายให้หน่วงๆ ปวดๆ เสียเท่าไหร่ เว้นแต่จะถือเล่มใหญ่นานเกินจนเมื่อย หรืออ่านในลักษณะนอนราบกับพื้นแล้วยกหนังสือขึ้นอ่านตั้งฉากกะตัวเอง....แล้วก็ดันทำหล่น...ใส่หน้า
และเราก็อ่านหนังสือหนึ่งเล่มได้นานเท่าที่เราต้องการโดยไม่ต้องเอาสายอะไรเสียบหนังสือแล้วต่อปลั๊กไฟ ดูเหมือนจะมีแต่ฝั่งเราที่แบตหมด (แล้วก็ทำหนังสือหล่นใส่หน้า อุ๊บส์)
ทุกวันนี้ก็ยังคงนั่งแช่หน้าจอคอมได้เป็นชั่วโมง
และก็ยังเข้าไปหน้าหนังสือแจกฟรีเพื่อโหลดหนังสือ.....ไปดองไว้ในเครื่อง และก็ยังเอามาอ่านบ้าง....บางเวลา
แต่...ทุกครั้งที่มีเวลา และทุกครั้งที่ไปไหน เห็นว่าคงมีเวลาว่าง และไม่เหลือบ่ากว่าแรง ก็จะพกหนังสืออ่านเล่นไปไหนมาไหนด้วยเสมอ...
เพราะเกิดมาเป็นคนติดหนังสือ....และยังต้องการเป็นแบบนั้น....
ตลอดไป :D
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น