เพราะ "หัวใจ" เพียงต้องการ "ที่อยู่"
แวบเข้าเฟสบุ๊คไปดูเพจเดิมๆของตัวเองมา แต่มือดันกดไปเข้าเพจที่ชื่อ "ท่อนนี้แม่งใช่" แล้วก็ชอบใจกดอ่านไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเจอรูปหนึ่งซึ่งกล่าวว่า...
"ชีวิตเราไม่จำเป็นต้องมีคนรัก แต่เราจำเป็นต้องมี 'ความรัก' กับอะไรสักอย่าง"
สะดุดอยู่กับรูปนี้อยู่นานมาก คือ เห็นด้วยอย่างยิ่งเลย...
สาเหตุที่เห็นด้วยเพราะเป็นประสบการณ์ตรงที่เรามีมาตลอดชีวิต ดังที่พอทราบๆกันว่า เรายังคงอยู่ที่เดิมตามลำพัง มองเพื่อนสละโสดไปทีละคน ทีละคน อย่างสงบนิ่ง
แต่ถึงกระนั้น หัวใจเรามันกลับไม่เคยหยุดนิ่งเลย มันยังคงเคลื่อนที่ไปอยู่ข้างๆบางสิ่ง ไปรับอะไรบางอย่างเข้ามาตลอดเวลา
สิ่งแรกที่รักมากจนจำความได้ คือการ์ตูนเรื่อง ดิจิมอน ติดถึงขนาดสะเทือนใจไปหลายวันเมื่อถึงตอนที่ตัวละครที่ตัวเองชื่นชอบโดนจับตัวไป ติดขนาดดื้อไม่ยอมไปเชงเม้งกะที่บ้านจนถูกดุว่าไร้น้ำใจ
เอาเป็นว่า การ์ตูนเรื่องนี้มีผลต่อการเต้นของหัวใจมากก็แล้วกัน
จากนั้นก็ดูการ์ตูนเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเรื่อย แต่ดิจิมอนเนี่ยแหละ รักที่สุดแล้ว เพราะเป็นจุดเริ่มต้นให้สนใจการ์ตูนญี่ปุ่นอย่างจริงจัง (ไม่นับเซเลอร์มูน อิ๊กคิว โดเรมอน อะไรพวกนี้นะ เพราะดูอมตะเกินไป)
เวลาผ่านไป ชีวิตก็เปลี่ยนสรณะ เปลี่ยนที่สถิตของหัวใจไปเรื่อยๆ แม้กระทั่งตอนมัธยมปลายซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ใครหลายๆคนเริ่มมีความรักแบบหนุ่มสาว เริ่มมองคนนั้นคนนี้
ยัยคนเขียนตอนนั้นกำลัง in love กับคอร์สภาษาญี่ปุ่นที่ตัวเองลงเรียนอย่างบ้าคลั่ง...
เมื่อชีวิตต้องมีอันพลัดพรากจากภาษาญี่ปุ่น(คนลงไม่ครบ เปิดคอร์สต่อไม่ได้ -_-) ก็เป็นช่วงเวลาที่ต้องเตรียมตัวเอนทรานซ์พอดี ไม่ได้สนใจอย่างอื่นนอกจากการสอบอีก
เข้ามหาลัย ทำอะไรต่อ เรียนสิคะ ถามได้ ;p
หลายคนบอกว่าเข้ามหาลัยแล้วให้หาแฟน หรือไม่ก็บอกว่าเนี่ยแหละช่วงนาทีทองที่จะมีแฟน....
....ไหนแฟน???
เก็บตัวรึเปล่าตอนเรียน ไม่นะ มีครบทุกอย่าง ทั้งตำรา ห้องเชียร์ ชมรม รับน้อง สต๊าฟตอนงานมหาลัย ฝึกงาน สอบตั๋ว(ทนาย)....
หัวใจอยู่ไหนเนี่ย อ๋อ อยู่แถวๆที่บอกข้างต้นน่ะแหละ นอกจากนี้จะมีอีกสองอย่างที่ใส่ใจเพิ่มมา หนึ่งคือคอร์สภาษาเยอรมัน(เป็นพวกชอบหาเหาใส่หัวค่ะ อยู่สบายๆไม่เอา) สองคือความพยายามในการฝึกปรือทักษะด้านการดูดวงโดยมีเพื่อนๆอาสาเป็นหนูทดลองด้วยความสมัครใจ
สี่ปีในมหาลัย ชีวิตก็มีแค่นี้แหละ
หรือแม้แต่ตอนไปเรียนเมืองนอก ที่เพื่อนได้แฟนกลับมากันหลายคน ยัยนี่ดันสนใจแต่จะหาเพื่อน จะเที่ยว และ....
..........จะดูบอล
อยู่ที่นั่นดูบอลสบาย ดูเสร็จเพิ่งสี่ทุ่ม มีเวลาเหลือเฟือในการทำโน่นทำนี่ ยิ่งบอลโลกที่ผ่านมาประสบความสำเร็จในการเชียร์ ทีมที่เชียร์ได้แชมป์สมใจนี่ โอ๊ยกู่ไม่กลับ
........กลับมานี่บ้าบอลกว่าผู้ชายบางคนอีกนะ O_o !
หากมองจากภายนอกเข้ามา เราอาจเป็นคนที่ดูเงียบเหงาและเปล่าเปลี่ยว ด้วยวิถีชีวิตที่มีโลกส่วนตัวสูงและไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ทั้งยังดูเหมือนจะไม่เคยได้รับความรักแบบหนุ่มสาวกับเขาบ้างเลยสักครั้ง
ว่ากันตามตรงมันก็มีเหงาบ้างล่ะ แต่เราไม่ได้รู้สึกหดหู่อะไรกับสภาพที่เป็นอยู่เลย ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือตอนนี้ เพราะเรารู้สึกว่าตัวเองมี "สิ่งที่ทำให้ยิ้มได้เสมอ" อยู่กับตัวเองเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นงานอดิเรกที่ชอบเช่นที่เขียนๆ ขีดๆอยู่นี่ อ่านหนังสือ เล่นเกม เล่นดนตรี ซึ่งสามารถทำให้เราอยู่ร่วมกับตัวเองได้โดยไม่จำเป็นต้องออกมาสู่โลกภายนอก
หรือแม้แต่ที่ "วาง" ของ "ใจ" ตอนเด็กๆเราก็ดูการ์ตูนของเราไปเรื่อยเปื่อย ส่วนตอนนี้....แค่.... เข้าเว็บตามผลบอล เข้าเพจของสโมสรที่ตัวเองเชียร์อยู่ หรือแม้แต่การได้ดูบอลอยู่เป็นประจำ แค่นี้ก็ทำให้หัวใจกระชุ่มกระชวยได้โดยไม่ต้องอาศัยบุคคลไหนเป็นตัวช่วยแต่อย่างใด
ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของการรักไปเรื่อยแต่ไม่รักที่ตัวคนที่จับต้องได้ ซึ่งเราสัมผัสได้ก็คือ เราจะรักได้แบบไม่หวัง คือแบบรักไปเรื่อยๆอ่ะ ไม่ต้องมารอว่าอีกฝ่ายจะมารักตัวเองกลับ เพราะยังไงเขาก็มองไม่เห็นเราอยู่แล้ว พอไม่หวัง มันจึงไม่ทุกข์...
....จะมีก็แค่อารมณ์เสียตอนทีมแพ้หรือเล่นไม่ได้ดั่งใจเพียงเท่านั้นแหละ
เพราะแบบนี้ เราจึงเห็นด้วยกับข้อความข้างต้นที่ว่า "ชีวิตเราไม่จำเป็นต้องมีคนรัก แต่เราจำเป็นต้องมี 'ความรัก' กับอะไรสักอย่าง"
เพราะเรารู้ว่า "หัวใจ" ต้องการที่อยู่ เพราะฉะนั้น การมีความรักจึงสำคัญ
แต่ "ที่อยู่" ของหัวใจ ไม่จำเป็นต้องเป็นบุคคล ขอแค่เป็นอะไรก็ได้ อะไรก็ได้ที่เราอยากรัก ที่เราเต็มใจที่จะรัก ที่รักแล้วมีความสุข
แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว :D
ถ้ามีชีวิตอยู่แบบไม่ชอบไม่รักอะไรเลย ไม่บ้าอะไรเลย ไม่คลั่งอะไรเลย แต่ละวันคงหมดไปอย่างทรมานนะคะ กว่าจะหมดวันคงนานแปลกๆ ชีวิตคงน่าเบื่อ ไร้ความสดชื่นกระชุ่มกระชวยใดๆ
ตอบลบเหมือนกับการนั่งอ่านหนังสือกฎหมายทั้งวัน...
ตอบลบเอ๊ะ ใช่เหรอ 555
เห้ย อันนั้นเป็นกิจกรรมโปรดไม่ใช่หรอ 5555
ตอบลบโปรดหยุดน่ะสิ
ตอบลบ