ภูมิแพ้ทางใจ



     ภูมิแพ้เป็นโรคทางร่างกายที่มีคนเป็นกันหลายคน

     สำหรับกรณีทั่วไป  ภูมิแพ้คือโรคที่ไม่อันตรายถึงชีวิต  แต่น่ารำคาญ

     อาการโดยทั่วไปของภูมิแพ้  คือเมื่ออากาศเปลี่ยนจะเกิดอาการคัดจมูก  น้ำมูกไหล  ไอ  คันคอ  มีเสมหะ  ส่วนจะมีไข้หรือเปล่าก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางร่างกายและรอบข้างขณะนั้น
     ....พูดง่ายๆคือ  อากาศเปลี่ยนทีไรเป็นหวัดทุกที 

     นอกจากอากาศเปลี่ยนแล้ว  เวลาผู้ป่วยสัมผัสกับสิ่งที่ตัวเองแพ้(ซึ่งบางทีก็รู้  บางทีก็ไม่)  หรือรับประทานอาหารที่แพ้ตรงๆหรือแพ้อ้อมๆ(พวกภูมิแพ้แฝง)  ผู้ป่วยก็จะเกิดอาการเหล่านี้เช่นกัน
     แรงกว่าพวกหวัดก็อาจจะผื่นขึ้น  คันคะเยอ  หายใจไม่ออก  ร้ายแรงก็ถึงตาย 

     แต่ทั่วไปไม่ค่อยถึงตายหรอก  อาจจะแค่อายคนรอบข้างและทรมานตัวเองเล็กน้อยถึงปานกลาง...

     นั่นคือกรณีที่ร่างกายเป็นโรคภูมิแพ้  แต่เชื่อมั้ยว่า  "ใจ"  ของบางคน

     ก็เป็นภูมิแพ้ได้เหมือนกัน



     จิตใจของแต่ละคนรับแรงกระทบได้ไม่เท่ากัน  เรื่องเดียวกันที่เจอ  บางคนเจ็บมาก  บางคนเจ็บน้อย  บางคน...ก็แทบไม่เจ็บ 

     แล้วภูมิแพ้ที่ใจเป็นยังไง?

     ลองเทียบกับร่างกายคนที่เป็นภูมิแพ้กับคนที่ไม่เป็น  เวลาเจอสิ่งเร้า  เช่น  อากาศเปลี่ยน  คนที่ไม่เป็นภูมิแพ้อาจไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย  เว้นแต่ขณะนั้นเป็นเคราะห์หามยามร้าย  หรือร่างกายอ่อนแอจริงๆ
     ส่วนคนเป็นภูมิแพ้ก็เป็นหวัดได้แทบจะทันที


     ในส่วนของใจ...

     เวลาเจอเรื่องบางเรื่องเข้ามากระทบจิตใจ  ผู้ไม่เป็นภูมิแพ้ทางใจอาจเฉยๆ  ไม่ได้รู้สึกอะไร  หรือบางที  อาจไม่ตระหนักเลยก็ได้ว่าเรื่องนั้นเป็นเรื่องสลักสำคัญให้จดจำ
     แล้วคนเป็นภูมิแพ้ทางใจเล่า?

     คนเป็นภูมิแพ้ทางใจจะเอาอารมณ์ไปจับกับเหตุการณ์  ไปรู้สึกรู้สา  ไปหวั่นไหว  จนเกิดความรู้สึกด้านลบกับสิ่งเร้าที่เกิดขึ้น
     เจ็บมั้ยให้ทาย?

     แล้วหากบางคนมีสิ่งที่แพ้เป็นกิจลักษณะ  เช่น  แพ้น้ำตาผู้หญิง  แพ้การโกหกหลอกลวง  ฯลฯ  แล้วดันไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมพวกนี้นะ
     โห  ไปกันใหญ่เลยทีนี้

     จะว่าไป  พวกแพ้ไปทั่วนี่ก็น่าห่วงไม่ต่างกัน 

     เจอใครมองแรงก็หวั่นไหว
     เจอเพื่อนแล้วเพื่อนไม่ทักก็น้ำตาตก
     เจอคนพูดจาไม่เข้าหูก็เอาและ  เขาเกลียดเราแน่  มานั่งนอยด์อยู่คนเดียวเป็นวัน 
     ฯลฯ

     ชีวิตประจำวันก็มีเรื่องให้เครียดพออยู่แล้ว  ทำไมต้องมาจิตตกกับอะไรพวกนี้เพิ่มด้วยเนี่ย???



     สาเหตุของโรคภูมิแพ้ทางร่างกายนั้นอาจระบุไม่ได้แน่ชัดนัก  บางรายเกิดจากพันธุกรรม  บางรายเกิดเพราะสภาพแวดล้อม  บางรายก็แค่ "บังเอิญ" วิญญาณดันไปสถิตในร่างที่เม็ดเลือดขาวความรู้สึกไวไปหน่อย
     ....เดี๋ยวค่อยเสวนาเหตุผลทาง "กรรม"  กันอีกที....

     ส่วนภูมิแพ้ทางใจ  สาเหตุหลักน่าจะมาจาก  จิตใจไวต่อสิ่งที่มากระทบมากไปหน่อย  ส่วนจะอ่อนไหวเพราะอะไรนั้น
...เออ  ไม่รู้เหมือนกันแฮะ

   
     ภูมิแพ้ทางร่างกายโดยทั่วไปไม่ถึงตาย  แค่น่ารำคาญชะมัด

     ภูมิแพ้ทางใจก็ไม่ถึงตาย  แค่ทรมานใจชิบเป๋ง


     จะว่าไป  ภูมิแพ้ทางใจถึงตายก็มีเหมือนกัน  คือเป็นกรณีที่เจ้าของหัวใจเกิดชิงฆ่าตัวตายไปเสียก่อน  เพราะรำคาญโรคอ่อนไหวง่ายเกินไปของตัวเอง

     อย่าเลย  อย่าเลยเนอะ  (นี่บอกทั้งตัวเองและคนรอบข้างเลยนะ  ได้ผลแค่ไหนค่อยว่ากันอีกที)



     วิธีจัดการกับโรคภูมิแพ้ทางกาย  คือพยายามทำร่างกายให้แข็งแรงเข้าไว้  แล้วก็อยู่ให้ห่างไกลจากสิ่งที่ตัวเองแพ้ 
     วิตามินซีน่ะกินๆเข้าไป  อะไรประมาณนั้น  เว้นแต่แพ้วิตามินซี  (มีด้วยเรอะ!?!/คนเขียน)   

     แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะทำได้เสียทุกครั้ง  แถมบางที  ว่าดูแลตัวเองดีแล้ว  อ้าว  ป่วยเฉย 

     เป็นโรคที่น่าเบื่อจริงๆเลย


     งั้นวิธีจัดการกับโรคภูมิแพ้ทางใจก็ต้องคือ  พยายามทำจิตใจให้เข้มแข็ง  และอยู่ให้ห่างสิ่งที่ตัวเองแพ้ไว้ 
     ไม่ง่ายนะเฟ้ย!  (วิตามินซงวิตามินซีให้กินก็ไม่มี  พับผ่าสิ)

     การพยายามทำจิตใจให้เข้มแข็งนี่ต้องใช้กำลังใจเป็นอย่างมาก  ทั้งยังต้องอาศัยวุฒิภาวะและประสบการณ์ที่สอนให้เราแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
     อีกอย่างที่อาจช่วยได้คือต้องศึกษาธรรมะ  ฝึกวิปัสสนา  และยึดหลักธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งไว้ให้มั่น
     ..............ทำได้อย่างสม่ำเสมอคงเป็นโสดาบันไปนานแล้ว

     ให้หลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ยิ่งแล้วใหญ่  เพราะการต้องอยู่ในสังคม  โดยเฉพาะอย่างยิ่งสังคมการทำงานเนี่ย  บางทีมันหลีกเลี่ยงสิ่งที่เราไม่พึงใจไม่ได้ 
     กลับไปที่วิธีทำจิตใจให้เข้มแข็ง.....สงสัยต้องกลับไปศึกษาธรรมอีกรอบละมั้ง 



     และข้อเท็จจริงก็มีอยู่ว่า  สำหรับสิ่งเร้าให้เกิดอาการแพ้ทางใจนั้น  เราแทบไม่สามารถควบคุมปัจจัยจากภายนอกได้เลย
     ทางแก้คงต้องกลับมาที่ใจเป็นหลัก

     เราไม่สามารถเลือกสิ่งที่เราจะพบเจอได้  แต่เราเลือกได้  ว่าเราจะมีปฏิกิริยาตอบกลับสภาวะเช่นนั้นอย่างไร 

     แล้วโปรดอย่าหวังว่าโรคนี้จะมีใครขี่ม้าขาวมาช่วยให้เรารอดพ้นจากอาการแพ้ทางใจไปได้  ในเมื่อมันเกิดที่เรา  เราเท่านั้นที่จะดูแลตัวเองได้ดีที่สุด
     ไปหวังพึ่งใคร  เคราะห์หามยามร้าย  เกิดภาวะแพ้อีกฝ่ายขึ้นมา  อาการจะกำเริบกว่าเดิม 


     รักจะอยู่บนโลกใบนี้ให้ได้  มันก็ต้องอยู่ให้รอดแหละน่า 


     ขอให้โชคดีกับการดูแลโรคภูมิแพ้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คลังศัพท์ไว้ตั้งชื่อ

เราต่างเป็นกาลีในชีวิตใครบางคน

จำหน่ายคดีหัวใจ