การจราจรไม่เป็นใจ



     แต่เล็กแต่น้อยเคยคิดว่า  การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ  เพิ่งประจักษ์เมื่อตอนทำงานนี่เอง  ว่าลาภอันประเสริฐนั้นยังมีอีกอย่างหนึ่ง  นั่นคือ

     การได้ทำงานใกล้บ้าน



     เราคงเป็นคนมีดวงพเนจร  เพราะเวลาได้งานแต่ละที  เรามักจะต้องย้ายไปพักที่นั่นที่นี่อยู่เรื่อยๆ  สาเหตุเพราะที่ทำงานกับบ้านไกลกันเกินไป

     มันคือความทุกข์อย่างหนึ่งของการมีงานทำ

     แต่หลังจากนั้น  เรากลับรู้สึกว่าการย้ายไปอยู่ใกล้ที่ทำงานนั้นเป็น "ทุกขลาภ"
     ที่ว่า ทุกข์  เพราะทำให้ไม่ค่อยได้อยู่บ้าน
     ส่วน ลาภนั้น  เพราะ  มันย่นระยะเวลาจากที่ทำงานถึงที่พัก  ให้สั้นขึ้นได้มากทีเดียว



     มีช่วงหนึ่งที่ไปเช่าหอใกล้ที่ทำงาน  ใกล้ขนาดที่ว่าขับรถสิบนาทีถึง

     เวลาเข้างานคือแปดโมงครึ่ง  เราตื่น...หกโมงครึ่ง  โอ้เอ้โน่นนี่นั่นจนแปดโมงจึงจะออกจากหอพัก
     ...แล้วก็ไปถึงที่ทำงานประมาณแปดโมงสิบห้า  บวกลบสิบ  แล้วแต่ว่าออกช้าเร็ว  หรือความเยอะของรถแถวนั้น

     เลิกงานก็เช่นกัน  เวลาเลิกงาน 16.30 น. ถ้าออกตามเวลาเลิก  สิบนาทีถัดมาก็ถึงห้องแล้ว
     เวลาที่เหลือระหว่างนั้นก็ใช้ทำสิ่งที่อยากทำไป

     คือ-ดี-มาก !!!

     จนกระทั่งช่วงเวลาลำบากเข้ามาทักทายอีกครั้ง



     ตอนนี้เราถูกเรียกตัวมาอบรมอีกที่หนึ่ง  ที่ซึ่งสามารถมาจากบ้านได้  ด้วยความไม่อยากเสียเงินในการเช่าหอ  เราจึงเลือกที่จะไปกลับจากบ้านแทน
     มีข้อดีคือ...ได้อยู่บ้าน

     แต่สิ่งที่แลกกับการได้อยู่บ้าน  คือการต้องตื่นตั้งแต่ตีห้าครึ่ง เพื่อมาให้ทันการอบรมตอนเก้าโมง

     วันแรก  ออกจากบ้านก่อนหกโมงเช้านิดๆ  มาถึงที่อบรม...เจ็ดโมงเช้า
     ...แล้วก็มานั่งหนังตาจะปิดในห้องอบรม

     วันที่สอง  ลองตื่นสายขึ้น  แล้วออกจากบ้าน 6.15
     มาถึงที่อบรม  7.30  ช้ากว่าเพราะรถเยอะขึ้น

     นี่ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าเป็นช่วงเปิดเทอม  รถจะเยอะกว่านี้สักแค่ไหน !?



     ว่ากันตามตรง  ระยะทางจากบ้านเราถึงที่อบรมนี่  มันไม่ได้ไกลกันเลยนะ  ถ้าวัดระยะทางตรงคือประมาณ 16 กิโลเมตร  หรือถ้าอ้อมหน่อยก็ไม่เกิน 20 กิโลเมตร

     แต่ 16 กิโลเมตรนี้  หากเลือกเส้นทางตรงที่สุด  ซึ่งกำลังก่อสร้างรถไฟใต้ดินอยู่
     ....ไม่แน่ใจว่าสองชั่วโมงจะถึงรึเปล่า

     ที่ใช้เวลาชั่วโมงกว่านี้  คือเลือกใช้ทางพิเศษที่คาดแล้วว่า  น่าจะติดน้อยกว่า
     ...คิดว่าเร็วกว่า  แต่ใช่ว่าจะไม่ติด

     นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับคุณภาพชีวิตของคนเรา???



     มีใครรู้สึกแบบเรามั้ย  ว่าการจราจรบ้านเรา  มันไม่ค่อยจะเป็นใจเวลาไปไหนเอาเสียเลย

     รถติดเป็นปกติ  ยิ่งถ้าไม่ปกติ  รถยิ่งสุดแสนจะติดยิ่งกว่าเดิม
     วันไหนรถแล่นได้ดี  วันนั้นต้องจุดพลุฉลอง

     แล้วเวลาทำงาน  บางที  มันก็เลือกไม่ได้ว่า  เราจะได้ที่ทำงานที่ไหน
     ได้ใกล้บ้านก็ดีไป  แต่ถ้าไม่..

     ทางเลือกก็มีสองทาง  ถ้าไม่ย้ายไปอยู่ใกล้ๆ  ก็ต้องตื่นเช้า
     นี่ไม่นับการย้ายงานที่ยุ่งยากและกระทบวิถีชีวิตยิ่งไปกว่าเดิมนะ

     เกิดเป็นคนทำงานต้องอดทนจริงๆ



     แต่จริงๆแล้ว  ชีวิตมันก็ไม่ได้แย่จนเกินทนนักหรอก

     อย่างน้อยที่สุด  เรายังมีงานทำ  มีบ้านอยู่  และมีเงินใช้

     และการตื่นเช้าก็ทำให้เรามีเวลามากขึ้นในแต่ละวัน
     ถ้าเอาหนังสือมาอ่านแล้วอ่านจบ  หนังสือที่ดองไว้ก็จะได้รับการอ่านมากขึ้น

     จริงๆคงมีอะไรอีกหลายอย่างที่เราต้องขอบคุณจากการนี้  อย่ามองไปที่ข้อเสียเพียงอย่างเดียว

     แล้วเราก็ไม่ใช่คนเดียวหรอกที่เป็นแบบนี้  คนอีกหลายคนก็ดิ้นรนไม่ต่างกับเรานั่นแหละ

     มีชีวิตก็ใช้  มีงานก็ทำ


     แค่ทนๆกับการจราจรที่ไม่เป็นใจสักหน่อย...
     แค่นั้นเอง

   


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คลังศัพท์ไว้ตั้งชื่อ

จำหน่ายคดีหัวใจ

เราต่างเป็นกาลีในชีวิตใครบางคน