คิด_ถึง_ไหม



     ไม่รู้มีใครสงสัยเกี่ยวกับการคิดถึงรึเปล่า  รู้แค่ว่า...
     เราสงสัย

     เราว่าการคิดถึงมันเป็นเรื่องน่าสงสัยจะตาย...



     เริ่มกันที่เรื่องแรก  มีใครบางคนบอกว่า  ถ้าเราฝันถึงใคร  แปลว่า  คนๆนั้น  คิดถึงเรา

     อ่านประโยคนี้จบเราก็...เอ  มันจริงเหรอว้าาา

     อันที่จริงคำตอบจะหาง่ายมากถ้าเราห่ามพอ  เป็นต้นว่า  พอฝันถึงใคร  เช้าขึ้นมาก็โทรไปหาเขาเลยเพื่อถามว่า  'เมื่อคืนคิดถึงเราป่ะ'
.....
     เคยกล้าทำที่ไหนเล่า!!!

     ฝันถึงเพื่อนถึงญาติสนิทยังไม่เคยถามเลย  ยิ่งฝันถึงคนไกล  คนที่ไม่น่าจะคิดถึงเรายิ่งไปกันใหญ่
     สุดท้ายก็ได้แค่ตื่นมา  กลอกตาไปมา  เกาหัวแกรกๆ  พร้อมถามตัวเองว่า
     "ฝันอะไรวะเนี่ย??"

     วันดีคืนดี  จู่ๆ  เราก็นึกอะไรขึ้นมาสักอย่างหนึ่ง  นั่นคือ

     'ชีวิตนี้เราพบเจอคนตั้งมากมาย  ทั้งแค่ผ่านตา  ทั้งรู้จักผิวเผิน  แม้แต่ที่สนิทก็ยังสนิทไม่เท่ากัน...
     ถ้าทฤษฎีนี้จริง  วันไหนที่คนรู้จักผิวเผินคิดถึงเรา  เช่น  คนขายน้ำเจ้าประจำที่ไม่ได้ไปซื้อหลายวัน  คิดถึงว่าทำไมเราไม่ไปซื้อ  เราก็ต้องฝันถึงเขาสิ...
     .แต่.เรา.ไม่.
     เพราะข้อเท็จจริงมีว่า  เรามักฝันถึงคนที่มีผลต่อจิตใจของตัวเองเสียมากกว่า...
     อ้าว!?!
     งั้นแสดงว่า  การฝันถึงใครน่าจะมาจากจิตใต้สำนึกเราล้วนๆน่ะสิ...'

     คิดได้ดังนี้  จากนั้นเมื่อฝันถึงใครเราจะปล่อยผ่านไป  คิดเสียว่ามันเป็นการระบายอย่างหนึ่งของจิตใต้สำนึก
     ...เอาไว้ตรงกะชีวิตจริงอะไรยังไงค่อยว่ากันอีกที...

     จริงๆ  มีกรณีเดียวที่เราเชื่อตามหลักนี้  นั่นคือตอนที่เราฝันถึงยายผู้จากไปมาหาและบอกว่า
     'ยายคิดถึง'
     เราว่า...ยายอาจไม่ได้อยากใช้วิธีนี้  แต่ยายคงหาวิธีอื่นไม่ได้แล้วจริงๆ...



     สองคือ  ข้อความที่ว่า  การที่เราคิดถึงใครมากๆ  แสดงว่าอีกฝ่ายก็คิดถึงเราเหมือนกัน..

     เออ  อันนี้อยากรู้จริง  ว่าจริงมั้ย

     มีบางทีเหมือนกันนะ  ที่จู่ๆเรานึกถึงคนๆนึงขึ้นมา  และเขาติดในหัวอยู่นานมาก  จนเราเกิดความสงสัยขึ้นมาว่า  นี่เป็นเพราะว่าจิตเราไปยึดความทรงจำไว้ไม่ปล่อย  หรือเพราะอีกฝ่ายคิดถึงเราอยู่  กันแน่
     นี่ก็ไม่เคยถามอีกฝ่ายเลยเหมือนกัน

     จริงๆควรมีการทำการทดสอบนะ  แบบให้ใครสักคนลองคิดถึงเราวันละ 1 ครั้ง  ในช่วงเวลาต่างๆกันไป  โดยไม่ต้องบอกเรา  แล้วคอยโทรมาเช็คว่า  ในช่วงที่เขาคิดถึงเราในแต่ละวันนั้นน่ะ  เรานึกถึงเขาบ้างรึเปล่า...
     ...แต่ไม่เคยขออาสาสมัครหรอกนะ  กลัวคนอื่นหาว่าบ้าน่ะ...

     จะว่าไป  พอลองเอาความคิดเราแบบข้อแรกมาจับน่ะ  มันก็เข้าทีอยู่นะ  เพราะปกติเราก็คงไม่คิดถึงคนรู้จักผิวเผินอยู่แล้ว  คนที่แวบเข้ามาน่ะ...
     อยู่ในใจทั้งนั้นแหละ  อยู่ที่ไหนแค่นั้นเอง

     หรือเราต้องตอบคำถามด้วยหลักพุทธศาสนาที่ว่า  มันเกิดจากจิตที่ฟุ้งซ่านไปเอง...

     นี่ควรไปฝึกสมาธิจริงๆจังๆใช่มั้ยเนี่ย???



     สาม  สืบเนื่องจากข้อสอง  มันทำให้เราเริ่มสงสัยว่า  ความคิดถึงมันส่งถึงอีกฝ่ายได้รึเปล่า?

     อันนี้...ไม่รู้จะหาคำตอบหรือออกแบบการทดลองยังไงดี(เป็นสายวิทย์ที่บ้าบอดีแท้)

     เคยลองหาจากกูเกิ้ล(ค่ะ คนเขียนบ้า)  ได้ความเห็นประมาณว่า  สำหรับคนที่เป็นแฟนกัน  ความคิดถึงมันส่งหากันได้จริงๆ  อารมณ์แบบกำลังคิดถึงอยู่อีกฝ่ายก็โทรมาพอดี
     เวรละ  หาคนทดสอบส่วนตัวไม่ได้...

     อย่างไรก็ดี  เราว่าเราเคยนะ  แบบคิดถึงอยู่อีกฝ่ายก็ทักมาไรงี้  จำไม่ได้ว่าเพื่อนหรือคนในครอบครัว

     เอ..ดังนั้นแล้ว  จึงน่าจะสรุปได้ว่า  ถ้าใจคนเราผูกพันกันมากเพียงพอ  เวลาคิดถึงกัน  อีกคนก็จะรับรู้ได้...

     หรือเปล่านะ..?



     สรุปแล้ว  เราก็ยังหาคำตอบที่แน่ชัดให้กับการคิดถึงใครสักคนไม่ได้อยู่ดี

     คิดอีกที  อาจเป็นเพราะเราไม่มีใครให้คิดถึงจริงๆจังๆกับเขาสักที

     จะมีก็เพียงสักวูบหนึ่ง  ที่สถานการณ์  สิ่งของ  หรือบุคคล  ที่พบเจอ  พาให้หวนคิดถึงช่วงเวลาหนึ่งๆที่เคยมีกับใครบางคน
     แล้วก็ตอบสนองอยู่คนเดียวเงียบๆ  บ้างก็ยิ้ม  บ้างก็ซึม  บ้างก็..เจ็บแค้น
     แต่เรื่องบางอย่างก็อยู่ไกลเกินจะกลับไป  คนบางคนก็เหมือนกัน


     สุดท้ายยังคงต้องตั้งคำถามกับตัวเองเช่นเคยว่า

     ที่...คิด  น่ะ  ถึง ไหม ?

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คลังศัพท์ไว้ตั้งชื่อ

เราต่างเป็นกาลีในชีวิตใครบางคน

จำหน่ายคดีหัวใจ