การเขียนคือความสุข


   เราเคยเล่าในตอน  "แอลกอฮอล์ส่วนบุคคล"  ไปแล้วว่า  สิ่งที่ทำให้เราเกิดสุขและคลายเครียดได้คือ  การเล่นดนตรี

   มาวันนี้  เราเพิ่งนึกออกว่า  มีอีกสิ่งหนึ่งที่ทำแล้วยังความสุขให้เราไม่น้อยเลย  นั่นคือ...

   การเขียน


   จุดเริ่มต้นของการเขียนเราเริ่มมาจากช่วงม. 5  ซึ่งมีโอกาสไปคอร์สปิดเทอมภาคฤดูร้อนที่ต่างถิ่น  ตอนนั้นคิดอย่างไรไม่ทราบที่พกสมุดปกสวยไปหนึ่งเล่ม  ส่วนสาเหตุที่เริ่มเขียนบันทึกก็เพราะ...
    ....นอนไม่หลับ...

   พอเขียนๆไป  เอ้ออ  การเขียนนี่สนุกจังเลย  เดาเอาว่าเพราะจริงๆแล้วเราเป็นคนชอบเล่าเรื่อง  ติดอยู่อย่างเดียวคือหาคนฟังไม่ค่อยได้  ครั้นจะเดินไปพูดไปให้ลมให้ฟ้าฟัง...
   ....ก็เกรงว่าจะถูกจับเข้าโรงพยาบาลบ้าไปเสียก่อน

   การเขียนจึงเป็นทางออกที่ดี  เพราะสามารถ  "สื่อสาร"  ได้โดยไม่จำเป็นต้องหา  "ผู้รับสาร"  ให้วุ่นวาย



   พอกลับมาก็ได้เขียนบ้าง  ไม่ได้เขียนบ้าง  หลังๆจะพยายามเขียนช่วงที่ได้ไปท่องเที่ยว  ด้วยอยากเก็บเรื่องราวไว้อ่านในภายหน้า  ซึ่งก็...เขียนจบบ้าง  ไม่จบบ้าง  หายไปไหนก็ไม่รู้...บ้าง
  เรื่องที่คลอดออกมาได้ก็มีคนขออ่านบ้างประปราย  คนเขียนดีใจ๊  ดีใจ  ที่มีคนสนใจงานตัวเอง

   ช่วงโซเชียวมีเดียระบาดนี่ก็ทำให้ได้เขียนเหมือนกัน  แต่จะออกแนวคิดคำคมโพสต์ลงเฟสเสียมากกว่า  มีคนไลค์บ้าง  แต่ไม่เยอะ  เผอิ๊ญ  ไม่ใช่เซเลปอะไร

   จนช่วงสอบผู้ช่วยเสร็จก่อนประกาศผลสอบที่ผ่านมานี่แหละ  ที่นึกครื้มอกครื้มใจอะไรก็ไม่ทราบ  ตั้งใจว่า 'ฉันอยากเขียนบล็อก'  แล้วเริ่มละเลงนิ้วบนคีย์บอร์ดมาเรื่อยๆ...

   เอ๊ย  สนุกจังเลย



   ผลจากการลงมือทำบล็อกนี้ขึ้นทำให้เราเริ่มสังเกตความคิดของตัวเองในแต่ละวันมากขึ้น  ว่ามีอะไรพอที่จะนำมาต่อยอดเขียนได้บ้างหรือไม่  แล้วจึงพบว่า...

   ในแต่ละวัน  เรามีความคิดที่นำมาต่อเติมเป็นเรื่อง  หรือแม้แต่ชุดความคิดที่ร้อยเรียงได้เสร็จสรรพ  แบบไม่ต้องเพิ่มอะไรเพื่อนำมาเขียนเรื่องได้...
   อย่างน้อย...วันละเรื่อง  

   ก่อนนี้คงจะมีเหมือนกัน  แต่ปล่อยผ่านมาโดยตลอด  อันที่จริง  ที่ลงบลอกแค่วันละเรื่องนี่ก็เป็นการปล่อยผ่านเช่นกัน

   ปล่อยให้ความคิดเล่าสิ่งที่คิดมาเรื่อยๆ  แล้วค่อยเลือกเรื่องที่ตัวเองชอบมาเขียน...


   แต่กำลังตั้งใจไว้ว่า  ต่อไปนี้คิดอะไรได้จะพยายามบันทึกละ  จะเผยแพร่หรือไม่ค่อยว่ากันอีกที  พอคิดได้แบบนี้  เวลาที่นั่งฟังสมองเล่าเรื่องไปเรื่อยๆเพื่อรอเวลาเขียน(บางครั้งยังอ่านกฎหมายไม่จบจึงยังไม่อยากเปิดคอม)

  ช่างเป็นเวลาที่มีความสุขมากเลย  แค่คิดว่าเดี๋ยวจะเขียนนี่  จิตใจกลับกระตือรือร้นขึ้นมาทันที


  ถ้าถาม  ณ  ตอนนี้  เราอยากเขียนนั่นเขียนนี่ไปเรื่อยๆ  เพราะเพียงเท่านี้เราก็มีความสุขมากแล้ว  หากวันใดเรามีวาสนาสามารถทำเงินจากสิ่งๆนี้ได้  เราคงสุขชนิดที่ไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้เป็นแน่


  ต้นเหตุแห่งความดีใจอีกประการที่ลืมเสียไม่ได้  นั่นคือได้รู้ว่าเขียนแล้วมีคนอ่าน  ไม่ว่างานนั้นจะเป็นร้อยแก้วหรือร้อยกรอง  เมื่อใดมีคนอ่านแล้วชอบ  เราจะดีใจมาก

  และ  สำหรับบล็อกนี้  เราสังเกตว่าหลังจากลงไปแล้วจะมีคนอ่านเป็นประจำประมาณ 2-4 คน  เราไม่ทราบว่าคุณเป็นใคร  แต่ขอขอบคุณจากใจจริงที่ให้ความสนใจในงานของเรา  และเป็นเสมือน  'คนรับฟัง'  ในสิ่งที่เราเล่าเสมอมา  หวังว่าสิ่งที่เราเขียนจะสร้างความบันเทิงให้คุณได้บ้างไม่มากก็น้อย
  และสำหรับอีกหลายๆคนที่เข้ามาอ่านบล็อกเรา  ขอบคุณเช่นกันค่ะ  ขอให้สนุกกับเรื่องเล่าผ่านตัวหนังสือของเรานะคะ

  สุดท้าย  ขอขอบคุณน้องสาวคนหนึงผู้ติดตามงานเขียนเราอย่างสม่ำเสมอ  แม้ว่าน้องจะไม่ค่อยว่างเลยก็ตาม



  ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร  เราจะเขียนต่อไปเรื่อยๆ..

  ....เพราะการเขียนคือความสุขของเรา....

ความคิดเห็น

  1. เชื่อว่าคนที่ลองได้บังเอิญมาอ่านบล็อคนนี้สักครั้งจะต้องกลับมาอ่านอีกแน่ๆ พี่ฝ้ายเขียนดีมากๆ เป็นกำลังใจให้ อย่าซ่อนของเลยน้า 5555

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คลังศัพท์ไว้ตั้งชื่อ

เราต่างเป็นกาลีในชีวิตใครบางคน

จำหน่ายคดีหัวใจ