พบเพื่อพราก จากเพื่อเจอ



     เราเป็นข้าราชการสังกัดหน่วยงานๆหนึ่งของรัฐ

     งานของเรามีลักษณะอย่างหนึ่ง  นั่นคือ  อยู่ไม่ติดที่



     เริ่มตั้งแต่เข้าทำงาน  เราต้องจากบ้านมาเข้ารับการอบรมที่ทางหน่วยงานจัดไว้เป็นเวลาหนึ่งเดือน 

     พอพ้นเดือน  เราต้องแยกย้ายกันไปดูการปฏิบัติงานจริงตามหน่วยงานที่ต่างๆอีกหนึ่งเดือน

     หลังการดูงานผ่านไป  หน่วยงานเรียกเรากลับเข้าอบรมอีกสี่เดือน 

     พ้นสี่เดือน  เราและเพื่อนต้องแยกย้ายกันไปฝึกปฏิบัติงานตามสาขาของหน่วยงานต่างๆอีกครั้ง  ซึ่งเอาเข้าจริงก็ฝึกที่เดิมต่อไปเรื่อยๆ  จนกระทั่งได้รับคำสั่งให้กลับมาอบรมอีกครั้งเป็นเวลา 4-5 สัปดาห์

     พอจบห้าสัปดาห์กลับที่เดิมจนเดือนเมษายน 2562 จึงแยกย้ายกันไปลงตามจังหวัดต่างๆต่อไป 

     สุดท้าย  แต่ละแห่งที่ไปนั้น  รับราชการที่นั่นได้ไม่เกิน 5 ปี  ก็ต้องย้ายไปที่อื่นเรื่อยๆ  จนกว่าจะได้วาระที่สามารถเข้ากรุงเทพฯได้

     เป็นงานที่ชีพจรลงเท้าจริงๆ



     ผลของลักษณะงานดังกล่าว  ทำให้พวกเราแต่ละคนไม่สามารถทำตัวติดกับเพื่อนร่วมรุ่นได้นานนัก  เนื่องจากเมื่อถึงเวลาก็ต้องแยกย้ายกันไปตามแต่หน่วยงานจะสั่งให้ไป 

     หน่วยงานสอนให้พวกเราในรุ่นรักและสามัคคีกัน  แต่ในความรักสมัครสมานนั้นมีข้อแม้อยู่ว่า  พวกเราต้องตระหนักว่าเราไม่สามารถเจอกันตลอดเวลาได้บ่อยๆ  มีเพียงบางคนที่โชคดีได้ไปที่เดียวกัน  และมีเพียงบางคราวที่ต้องมารวมกันเท่านั้น  จึงจะได้เจอกันทั้งรุ่น
     เป็นเรื่องที่ต้องทำใจ 

     ด้วยเหตุนี้  เราจึงได้ความคิดมาอย่างหนึ่ง  นั่นคือ  "รักมากไปก็เท่านั้น  สักวันก็จากกันอยู่ดี"  และงานที่ทำก็สอนให้เรารู้ว่า  ชีวิตมันเป็นแบบนั้นจริงๆ 



     จะว่าไป  ลักษณะงานแบบนี้มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย 

     ข้อดีคือ  ในกรณีที่เราไม่ชอบใคร  หรือใครไม่ชอบเรา  เราก็เย็นใจได้อย่างหนึ่งคือ  เราคงไม่เจอกันนานนักหรอก  เดี๋ยวเราก็จากกันแล้ว
     อีกนัยหนึ่ง  มันทำให้เราไม่อินังขังขอบกับปฏิกิริยาคนรอบข้างมากนัก  ด้วยคิดว่า  ช่างเถอะ  เจอกันแป๊บเดียวเอง
     ....ในกรณีที่เกิดไปเขม่นใครหรือโดนใครเขม่นน่ะนะ(พูดเผื่อไว้เฉยๆ)

     ส่วนข้อเสียที่เห็นได้ชัดคือ  ต้องจากกับเพื่อนที่สนิทกัน  แบบนานๆเลยจึงจะเจอกันที  (ร่วมรุ่นแต่ละที  อาการนกกระจอกแตกรังจึงไม่ใช่เรื่องแปลก) 
     ....อีกอย่างคือการต้องไกลกันสำหรับเพื่อนในรุ่นที่เป็นแฟนกันแล้วดันต้องอยู่คนละที่  อันนี้  ถ้าไม่พยายามขอแลกจังหวัดที่ลง  ก็คงต้องพยายามหาเวลาเจอกันแทน 

     ดูเหมือนว่าการมีแฟน(ในรุ่น)ทำให้ชีวิตลำบากกว่าเดิม...



     ตอนนี้รุ่นของเราอยู่ในช่วงโดนเรียกมาอบรม....เป็นสัปดาห์สุดท้าย  หรือกล่าวให้ชัดคือ  เหลือเวลาอีกสองวัน 

     นับจากนี้  กรณีที่ไม่ได้ปฏิบัติงานที่เดียวกัน  กว่าจะเจอกันอีกทีก็ต้องรอโดนเรียกมาอบรมใหม่ซึ่ง.........

     ประมาณอีกห้าปีเห็นจะได้  (เอ....ทำไมมันลงเลข 5 ทุกทีนะ???)

     รักใครชอบใครไม่บอกคราวนี้  เห็นทีจะชวด  (ไม่เกี่ยวกับเรา  เราถวายใจให้ ธ บนสวรรค์ไปสักพักแล้ว)



     มันก็ตลกดี  ที่หน่วยงานหล่อหลอมให้พวกเราสนิทกันในระดับหนึ่ง  แล้วค่อยจับพวกเราแยกจากกันไป  พอชักจะชินกับการแยกจากกัน  ก็เรียกให้เรามาสนิทกันใหม่
     ....แล้วก็จับแยกอีกรอบนึง (วนลูปไป)


     แต่คิดอีกที  การพบและการพรากมันก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เราต้องประสบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

     ...จะสนิทกันแค่ไหน  พอจบมัธยม  เราก็ต้องจากกับเพื่อนที่กอดคอเรียนกันมา

     ...หลังจากสี่ปีในรั้วมหาวิทยาลัยผ่านไป  เพื่อนที่เคยเข้าห้องเชียร์  เข้าชมรม  ฟังเลคเชอร์มาด้วยกัน  ก็กระจัดกระจายกันไปคนละทิศคนละทาง 

     ...สุดท้าย  ไม่ว่าจะรักสักเพียงใด  เราก็ต้องมีชีวิตอยู่เพื่อพบเห็นคนที่รักลาจากโลกนี้ไปอยู่ดี

     ไม่มีใครอยู่กับเราตลอดชีวิต  มันคือธรรมดาโลก  มันคือสัจธรรม 


     งานที่ทำไม่เคยพรากเพื่อนของเราไป  งานแค่ทำให้เราเข้าใจในสัจธรรมข้อนี้มากขึ้น  เร็วขึ้น  และเห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น 



     ถึงกระนั้น  เรายังคงรู้สึกว่า  การสร้างสัมพันธภาพกับเพื่อนในรุ่นไว้เป็นสิ่งที่ดี 

     เพราะการมีเพื่อนที่ดี  เป็นของขวัญชั้นเลิศอย่างหนึ่งของชีวิต  ทั้งยังทำให้การพบกันแต่ละครั้งมีความหมาย 
     และเพราะมันทำให้เรารู้ว่า  ยังมีคนที่รักเรา  และรอคอยที่จะได้พบเราอีกครั้ง 

     การอยู่ห่างไกล  ไม่ทำให้เลิกรักกัน  (แต่จะสนิทเท่าเดิมรึเปล่าก็อีกเรื่อง) 

     แต่ก็นั่นแหละ  อย่างไรเสีย  รักกันก็ดีกว่าเกลียดกันอยู่ดี 



     ในเส้นทางของชีวิต  เราต่างเดินทางมาพบใครสักคนเพื่อจะลาจากเขาไป  แล้วเราก็ลาจากกันไปเพื่อจะกลับมาพบกันใหม่อีกครั้ง

     ความรักอาจหล่นหายได้จากระยะทาง  แต่สายใยและมิตรภาพที่แท้จริงจะยังคงอยู่  ไม่ว่าตัวจะไกลแค่ไหน 

     และการพบและพลัดพราก  ต่างเป็นทั้งจุดเริ่มต้นและจุดจบได้ทั้งนั้น 

     ดังที่ตัวละครในการ์ตูนเรื่องซามูไรพเนจรกล่าวไว้ว่า...


     "มีพบก็ต้องมีพราก  การจากเป็นจุดเริ่มต้น" 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คลังศัพท์ไว้ตั้งชื่อ

เราต่างเป็นกาลีในชีวิตใครบางคน

จำหน่ายคดีหัวใจ