แพ้...
เป็นคนแพ้ที่ไม่แพ้คนหน้าตาดี
..ไม่สิ..
เป็นคนไม่แพ้ที่แพ้คนหน้าตาดี..
เอ๊ะ ยังไง
ยังไงดีล่ะ
คือ...อย่างนี้.. เอาเป็นว่า เราจะแบ่งผู้ชายออกเป็นสองประเภทใหญ่ๆ คือ "จับต้องไม่ได้" กับ "จับต้องได้"
ผู้ชายประเภทจับต้องไม่ได้ คือผู้ชายที่ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีวันเอื้อมถึง เพราะเขาไม่รู้จักเรา และไม่มีวันจะรู้จักเรา เช่น ดารา นักร้อง นักการเมือง และ ที่เรากรี๊ดที่สุด...นักบอล
ไม่ว่าเราจะดูเขาลงแข่งสักกี่ครั้ง เขาไม่มีวันจะหันกลับมา มองทะลุกล้องและทีวี แล้วเห็นว่ายายผู้หญิงธรรมดาหน้าตาบ้านๆและอ้วนๆคนนี้ กำลังเพลิดเพลินขนาดไหนเวลามองเขาแข่ง
ดังนั้น เราจะอนุญาตให้ตัวเองเพ้อถึงคนกลุ่มนี้ได้เต็มที่ เพราะรู้เงื่อนไขอยู่แล้วว่า ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีวันได้พบเจอในชีวิตจริง
บ้านักก็อาจจะเก็บรูปไว้ดูเล่น หรือยืมหน้ามาเป็นพระเอกในนิยายตัวเอง
ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น
อีกกลุ่มที่ "จับต้องได้" นั้นคือ ผู้ชายที่อยู่ในชีวิตจริงๆ เป็นเพื่อนกัน เรียนที่เดียวกัน ทำงานที่เดียวกัน
พูดง่ายๆ รู้จักกัน
ข้อจำกัดสำหรับคนกลุ่มนี้จะเยอะกว่า ทักได้ ยิ้มให้ได้ คุยด้วยได้ มือโดนกันโดยบังเอิญตอนทำงานได้(สารภาพนะ ทุกวันนี้เรายังไม่รู้เลยว่า ขอบเขตของการถูกเนื้อต้องตัวกันโดยปกติน่ะ มันมากน้อยแค่ไหน คิดเอาเองว่าถ้ามันแค่บังเอิญมาโดนกันก็น่าจะไม่เป็นไร) ยืมหน้ามาแต่งนิยายได้
แต่ ห้าม รัก
ดูเหมือนมีภูมิคุ้มกันใช่มั้ย?
น่าจะเคยเห็นหรือเคยเป็นกันมาบ้าง ที่เวลาเจอคนหน้าตาดีจะเกิดอาการขัดๆเขินๆ เงอะๆเงิ่นๆ ทำโน่นทำนี่ติดๆขัดๆ ดีไม่ดี หน้างี้...แดงแป๊ด
..อันนี้เรียกแพ้ แพ้มากด้วย
เราไม่รู้ว่าหน้าเราเคยแดงมั้ยนะ การเจอคนหน้าตาดีไม่ก่อให้เกิดความเงอะเงิ่น
ที่ว่าไม่เงอะเงิ่นนี่ ใช่ว่าไม่รู้สึกอะไร แต่มันเป็นเพราะเรามันเป็นพวก social awkward หรือ เงอะเงิ่นเป็นปกติอยู่แล้วเวลาอยู่ในที่ๆไม่คุ้นเคย หรืออยู่ในสังคมที่ไม่คุ้นเคย เพราะฉะนั้น "คนไม่คุ้นเคย" ทุกคนจะพบพฤติกรรมนี้ของเรา ประมาณว่าทุกคนเสมอภาพภายใต้ความสัมพันธ์ระดับเดียวกัน
...มีแค่คนพิเศษที่มีโอกาสเห็นมุมมากกว่านั้น...
ดังนั้น จะสวยไม่สวย จะหล่อไม่หล่อ เจอเรา เราก็เก้ๆกังๆเป็นปกติวิสัยอยู่แล้ว
นอกจากไอ้อาการเงอะๆเงิ่นๆแล้วเนี่ย เรายังเป็นพวก "นิ่ง" และ "เงียบ"
เอ้า ประโยชน์มันมีนะ ตรงที่ว่าเวลาเจออะไร ถ้าคนอื่นไม่คอยจับตาดูพฤติกรรมเราตลอดเวลา เขาก็จะคิดว่าเราไม่รู้สึกรู้สาอะไร เพราะหันกลับมาทีไร หน้าเรายังเฉยอยู่เหมือนเดิม
บางครั้ง เวลาเจอสิ่งที่กระทบจิตใจ ใจอ่ะ ไปละ กรีดร้องไปละ หน้ายังนิ่งอยู่ค่ะ คนอื่นก็แบบ นางนี่ใจด้านชาป่ะวะ
เปล่าเลย แต่ทุกความรู้สึกไม่จำเป็นต้องแสดงออกมาเสมอไปสักหน่อย
ความเป๋อความเฉยนี่ จะว่าไป มันก็มีข้อดีของมันอยู่
เหมือนจะไม่แพ้... เหรอ?
เราไม่ชอบคนหล่อ
ไม่ชอบในที่นี้ คือชอบมอง แต่ไม่ชอบเข้าใกล้ และไม่อยากเคียงข้าง เพราะรู้ตัวเองว่าเป็นคนขี้หึง
ยิ่งไปกว่านั้น เรามักอคติกับคนหล่อว่ามีสองประเภท ประเภทแรกคือเจ้าชู้ประตูดิน ใช้ความหล่อหลอกหาประโยชน์จากผู้หญิง อีกประเภทหนึ่งคือพวกทะนงตัวว่าข้าหล่อแล้วให้ความสนใจกับคนหน้าตาดีพอๆกับตัวเองเท่านั้น นอกนั้นไม่ยุ่ง
อย่างกะข้าอยากยุ่งกะเอ็งนัก...
แต่บางครั้งโชคชะตาก็ชอบเล่นตลก
เราพบว่า ทั้งที่อคติขนาดนั้น เรากลับมีเพื่อนหน้าตาดีอยู่จำนวนหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นคือ เราแทบไม่เคยเป็นฝ่ายผูกสัมพันธ์ก่อนเลยด้วย มักเป็นประเภท เรียนที่เดียวกัน ทำงานที่เดียวกัน เป็นเพื่อนของเพื่อน...
จู่ๆก็มาคุยกัน คุยไปคุยมาเริ่มมีแซว บางคนรู้ว่าดูดวงเป็นก็เอาดวงมาให้ดู ได้คุยกันเป็นคุ้งเป็นแควไป
ก็...แปลกดี
ล่าสุด สัปดาห์ที่แล้ว มีรุ่นน้อง(อาชีพเดียวกันนี่แหละ แต่สอบเข้าได้ทีหลัง)มาฝึกงานที่ทำงาน แล้วเราต้องช่วยสอนนิดหน่อย ทำๆไปเราก็นั่งอธิบายโน่นนี่นั่นไปเรื่อย แล้วจู่ๆ น้องก็ถามคำถามขึ้นมา..
เราหันไปมองเพื่อจะตอบคำถามและประสานสายตากับตาคมสองชั้นที่มองมาพอดี..
'เอ่อ' เรานิ่งไปนิดเหมือนกำลังคิดคำตอบ ก่อนละสายตากลับไปที่เอกสารแล้วตอบสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูกให้กับน้อง
ให้ตายสิ เกลียดผู้ชายตาสวยจริงๆเลย
นอกจากตาสวย คนเสียงนุ่ม ตัวสูง ผิวละเอียด และมือสวย(เออ ชอบมองมือ) ก็ควรจะถูกเกลียดด้วยเหมือนกัน โทษฐานที่ทำให้สติไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอยเวลาเผลอไปมอง
สารกระตุ้น(ให้แพ้)ชักจะเยอะแล้วไง
ที่จริงแล้ว หากตัดปัจจัยเรื่องหน้าตาออกไปแล้วเหลือไว้แค่ใจจริงๆนั้น เราอาจพบว่าจริงๆแล้ว เราต่างก็เป็นคนเหมือนๆกัน และการที่ใครสักคนอยากจะผูกสัมพันธ์กับเราหรือรู้สึกดีที่อยู่ใกล้ๆเรา มันอาจไม่มีคำตอบใดที่เหมาะไปกว่าคำว่า
"ถูกชะตา"
และบางที การถูกชะตาก็ไม่มีเรื่องของหน้าตาเข้ามาเกี่ยวข้อง
ทีคนหน้าตาธรรมดาเข้ามาผูกมิตรกับเรา เรายังรับไมตรีจากเขาได้ แล้วเราจะไปตัดรอนใครเพียงเพราะว่าเขา "หน้าตาดี" มันคงดูไม่เป็นธรรมกับอีกฝ่ายนัก
สองมาตรฐาน...
อีกอย่าง ใช่ว่าคนหน้าตาดีจะต้องนิสัยไม่ดีเสมอไป คนหน้าตาไม่ดีที่นิสัยย่ำแย่กว่าหน้าตาก็มีถม...
เฮ้ออ..
คิดอีกที ถ้านิสัยเขาดีจริง การมีคนหน้าตาดีเป็นเพื่อนก็นับเป็นกำไรชีวิตนะ เจริญใจ แถมยังเจริญตาอีก
โชคสองชั้นเลยนะเนี่ย
แต่ก็นั่นแหละ ไม่ว่าจะเพศไหน หน้าตาอย่างไร ก่อนปล่อยให้เข้ามาใกล้ควรต้องสกรีนให้ดีๆก่อนเป็นดีที่สุด
สรุปแล้ว นี่ยังหาคำตอบไม่ได้เลย ว่าตกลงแพ้หรือไม่แพ้คนหน้าตาดี
อาจจะชนะ เอ๊ย ไม่แพ้ ตรงที่ไม่ยอมให้ใจถลำไปรักใคร เพียงเพราะหน้าตาแต่อย่างเดียว
...ด้วยหลักการว่าแฟนไม่ใช่โปสเตอร์แปะห้อง 555 (ไม่รู้ว่าทำไมต้องภูมิใจกะทฤษฎีนี้นักหนา หึหึ)
แต่ก็อาจจะแพ้ ในแง่ที่ว่าถ้าเผลอไปมองพวกมีหน้าตาเป็นยาชาโดยไม่ตั้งท่านี่ก็มีเหวอๆได้อยู่....
แต่มันน่าจะเป็นอาการปกติที่หลายคนก็เป็นกัน...รึเปล่านะ?
เอาเป็นว่าไม่แพ้ไม่ชนะ แต่ไม่อยากยุ่งด้วย
เพราะฉะนั้น ใครที่รู้ตัวว่าหน้าตาดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง..ผู้ชาย ถ้านิสัยไม่ดีเท่าหน้าตา หากไม่เหลือบ่ากว่าแรงแล้ว...
ช่วยไปไกลๆเราที
...เดี๋ยวภูมิแพ้เรากำเริบ...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น