ความสวยไม่จีรัง



     โบราณมีสุภาษิตหนึ่งกล่าวไว้ว่า  "นารีมีรูปเป็นทรัพย์"

     ซึ่ง  ในยุคที่ยังนิยมให้นารีอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน "ทรัพย์" ที่นารีจะหาได้จาก "รูป" ของตัวเอง  ก็คงไม่พ้น  "ว่าที่สามี"  นั่นเอง

     จะเห็นได้ว่า  ความนิยมในตัวผู้หญิงรูปงาม  หรือเรียกสั้นๆว่า "สวย" มีมาแต่ไหนแต่ไร  ก็อย่างที่รู้ๆกันว่า  ผู้ชายนั้นนิยมผู้หญิงสวยจัดมากกว่าผู้หญิง.....สวยน้อย  ด้วยเหตุนี้  เกิดเป็นคนสวยจึงเหมือนมีอภิสิทธิ์พิเศษ  คนนั้นก็เอ็นดู  คนนี้ก็เมตตา(มักเป็นเพศตรงข้ามเสียมาก)  แถมยังมีคนรอต่อคิวให้เลือกไปเป็นแฟนเยอะแยะ

     จะว่าไป  สาวๆที่ได้แต่งงานตามที่มองๆอยู่นี่  ก็สวยทั้งนั้น  แต่ว่า....

     แล้วความสวยมันมีประโยชน์แก่ชีวิตคู่แค่ไหนกันนะ??



     อายุปูนนี้ก็มีคนรู้จักหลายคนที่แต่งงานไปแล้ว  กำลังจะแต่งงาน  ยังไม่แต่งงานแต่มีแฟนแล้ว  ไล่ไปเรื่อยๆจนถึงพวกที่.....
     อยู่มาจนป่านนี้ยังไม่รู้จักเลยว่า  แฟนคืออะไร

     พวกที่ไม่มีแฟนก็มักจะมีคำพูดติดปากกันว่า  "ก็ชั้นไม่สวย  จะมีคนมาชอบได้ยังไง"
นั่นน่ะสิ  หาข้อเถียงไม่ได้

     ใช่  มันเป็นเรื่องปกติมากที่ผู้หญิงธรรมดาหน้าตาบ้านๆอย่างเราๆท่านๆจะถูกเพศตรงข้ามมองเลยผ่านไป  บ่อยเสียจนกระทั่งบางครั้งรู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนแทนคนไม่สวยว่า  "จะค่อนขอดอะไรกันนักกันหนาฮึ  ความสวยน่ะมันสร้างไม่ได้เสียเมื่อไหร่กัน"

     คนที่ไม่สวยวันนี้  ใช่ว่าจะไม่สวยได้ทุกวันเสียเมื่อไหร่



     ผู้หญิงสวยมักมีผู้ชายมารุมรัก  มารอต่อคิวเลือกไปเป็นแฟน  หลังจากนั้นก็มีบางส่วนมาโอดครวญเมื่อพบว่า  ผู้หญิงบางคน  นิสัยกลับไม่สวยเท่าหน้าตาเอาเสียเลย

     เออ  ก็ใช่น่ะสิ!

     กระนั้นก็ยังเห็นๆกันอยู่ว่า  คนเรามักเลือกจะรักคนที่หน้าตาก่อน  ทั้งๆที่ความดูดีน่ะ  มันเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงง่ายที่สุดแล้วกว่าอะไรทั้งหมด


     ลองคิดกันดูง่ายๆ  ผู้หญิงสวยคนหนึ่งอาจหมดสวยได้ด้วยเหตุหลายประการ  เช่น  เกิดอุบัติเหตุหน้าเสียโฉม  ล้างเครื่องสำอางค์ออก  อ้วนขึ้น  เครียดอยู่  หน้าตามอมแมมจนสิวขึ้นเห่อ  ฯลฯ

     ในทางกลับกัน  คนไม่สวยคนหนึ่งอาจสวยขึ้นได้ด้วยหลายวิธีเช่นกัน  อาทิ  ทำศัลยกรรม  ตั้งใจรักษาศีล 5 ให้บริบูรณ์มาเป็นเวลานานพอ  สวดชินบัญชรเป็นประจำ  ลดน้ำหนัก  แต่งหน้าเก่ง  ฯลฯ

     เห็นได้ว่า  คนเราสามารถสวยมากขึ้นหรือน้อยลงได้อยู่เสมอ  ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง  ความสวยจึงเป็นความ "ไม่คงที่"  อย่างหนึ่งของชีวิต



     ในทางตรงข้าม  "นิสัย"  ที่หลายคนชอบมองข้ามไปโดยคิดว่า  ขอหน้าตาดีไว้ก่อน  เรื่องอื่นค่อยว่ากัน  เสียอีก ที่เป็นสิ่งเปลี่ยนกันยากเย็น

     นิสัยของคนเราเป็นสิ่งที่สั่งสมกันมาหลายปี  บางคนมีนิสัยติดตัวแบบหนึ่งๆมาตั้งแต่เล็กๆ  บางคน...ก็เคยชินกับความมีใจคออย่างใดอย่างหนึ่งกันมาแบบข้ามชาติเลยทีเดียว

     ลองถามตัวเองดูก็ได้ว่าคุณเป็นคนแบบไหน  แล้วคุณเป็นแบบที่เป็นมานานเท่าไหร่แล้ว  และถ้าจู่ๆมีคนมาบอกให้คุณเปลี่ยนสิ่งที่คุณเป็น  คุณจะยอมเปลี่ยนง่ายๆรึเปล่า
     คนทั่วไปคงตอบไม่ต่างกันหรอก

     เพราะฉะนั้น  นิสัยจึงไม่ใช่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงกันได้ง่ายๆ  เว้นแต่เจ้าตัวเองตั้งใจที่จะเปลี่ยนหรือปรับนิสัยสักอย่างในชีวิต  หาไม่แล้ว  นิสัยพวกนั้นก็คงติดตัวต่อไปเรื่อยๆ
     แล้วก็ถ้าคุณจะรักใครสักคนแล้วหวังว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อคุณได้  เหมือนละครน้ำเน่าที่นางร้ายหน้าหวานมากลับใจเป็นคนดีในตอนจบได้ล่ะก็
     ......ขอให้โชคดีกับความหวังลมๆแล้งๆละกันนะ........


     นอกจากลักษณะนิสัยแล้ว  ระดับสติปัญญาก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนกันยาก  จริงอยู่  ว่าคนเรามีศักยภาพในการเรียนรู้อย่างไม่จำกัด  แต่ต้องไม่ลืมว่า  ศักยภาพในการเรียนรู้นั้นสามารถพัฒนาได้เฉพาะคนที่มีความตั้งใจที่จะพัฒนาสติปัญญาและความสามารถของตนเองให้ยิ่งๆขึ้นไป
     ...ซึ่ง  คนที่ตั้งใจจะพัฒนาตนเอง  ส่วนใหญ่ก็มักมีระดับสติปัญญาที่อยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างโอเคระดับหนึ่งอยู่แล้วเป็นปฐม

     แล้วถามว่าความมีปัญญาคืออะไร  เอ้อออ  เอาเป็นว่า  ถ้าคนสองคนมีระดับสติปัญญาพอๆกัน  แนวโน้มคือคนคู่นั้นจะคุยกันได้รู้เรื่องในเรื่องทั่วไป  เช่น  ความรู้พื้นฐาน  เหตุการณ์รอบตัว  ทักษะการใช้ชีวิต  ฯลฯ  และคนเราน่าจะเคยผ่านใครบางคนที่ทำให้รู้สึกว่า  'ถามอะไรก็ไม่รู้สักอย่างเลยวุ้ย'
     แบบนี้ปัญญาไม่เสมอกันเสียแล้วล่ะ
     สำคัญหรือไม่  ปัญญาก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าทำให้ชีวิตคู่อยู่กันรอด( ศีล จาคะ ปัญญา และศรัทธา) ก็แล้วกัน 

     และเผื่อคุณไม่ทราบ  เร็วๆนี้มีงานวิจัยออกมาแล้วว่า  ระดับสติปัญญาของลูกนั้นมาจากผู้เป็นแม่มากกว่าผู้เป็นพ่อ(อ้างอิง : https://www.independent.co.uk/news/science/children-intelligence-iq-mother-inherit-inheritance-genetics-genes-a7345596.html?cmpid=facebook-post,  https://women.mthai.com/momandchildren/343682.html)

     แบบนี้  จะสามารถกล่าวได้หรือไม่ว่า  สติปัญญาเป็นสิ่งหนึ่งที่ควรนำมาพิจารณาหากจะเลือกใครสักคนมาเป็นคู่ชีวิต?
     คุณประสงค์จะตอบเรื่องนี้อย่างไรขอไม่ก้าวก่าย


     คราวนี้  ลองคิดเล่นๆว่า  คุณเลือกคนๆหนึ่งมาเป็นคนรักเพราะเขาหน้าตาดี  แต่โชคร้ายไปนิด  เขาเป็นคนอารมณ์ร้าย  โมโหทีไรพูดจาเสียดแทงให้เจ็บปวดทุกที  แล้วยังเจ้าชู้  นอกใจได้ไม่เว้นแต่ละวัน  ซ้ำร้าย  ยังเป็นคนเรียนรู้อะไรช้า  ไม่ถนัดอะไรเลยสักอย่าง
   
     แบบนี้  ชีวิตคู่มันจะอยู่รอดไปได้ด้วยหน้าสวยๆเพียงอย่างเดียวไหมนี่???



     จริงๆคงไม่แปลกหรอกนะที่คนเราจะมองหน้าตาก่อนเป็นลำดับแรกในการตัดสินใจ  เพราะความสวยงามของหน้าตาเป็นสิ่งที่เห็นชัดและเห็นง่ายที่สุดเวลาที่เราพบเจอใครสักคน
   
     เพียงอยากจะชี้ประเด็นว่า  การเลือกเฉพาะหน้าตาเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอสำหรับการเป็นคนรัก  เพราะหน้าตาเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงขึ้น(สวยขึ้น)และลง(ขี้เหร่ขึ้น)ได้ง่ายที่สุดในบรรดาปัจจัยต่างๆ  ดังนี้  สิ่งสำคัญที่เราควรพิจารณาด้วยก็คือว่า  คนๆนั้นที่เรารักหรือกำลังจะรักเป็นคนที่มีนิสัยเข้ากับเราได้หรือไม่  เมื่อใช้เวลาด้วยกันแล้วนิสัยของเขานำความสบายใจหรือร้อนใจมาให้เรามากกว่ากัน  เพราะที่สุดแล้ว  คนเราต้องทนกับนิสัยของคนมากกว่าหน้าตา
     อย่าลืมว่าคุณเลือกคนที่จะใช้ชีวิตด้วย  ไม่ได้เลือกโปสเตอร์แปะห้อง  ที่เอาแต่หน้าตาดีอย่างเดียวก็พอแล้วที่จะมองให้ชื่นใจ

     ถ้าคุณมีแฟนเป็นคนสวยแต่นิสัยเสีย  มีความเป็นไปได้สูงว่านิสัยนั้นจะติดตัวไปตลอดชีวิต  เว้นแต่โชคดีเขารักคุณมากหรือสำนึกผิดกลับใจเป็นคนนิสัยดีขึ้นมา
...ในขณะที่นิสัยดูจะถาวร  ความงามทางหน้าตาต่างหากที่มีแต่จะโรยลงเรื่อยๆตามกาลเวลา  บางทีไม่ต้องรอแก่  แค่ใครสักคนทำร้ายคุณมากเข้า  เผลอๆคุณมองหน้าเขาแล้วอาจรู้สึกว่าทำไมไม่สวยเหมือนเดิมแล้ว(นะ?)
     เรียกได้ว่า  รักตอนนี้  แถมฟรีตอนขี้เหร่

     ถ้าคุณเลือกคนที่นิสัยไปกันได้และสามารถรักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันไปได้เรื่อยๆ  คุณก็จะตื่นมาพบความสบายใจไปได้เรื่อยๆเช่นกัน
...ส่วนหน้าตา  ไม่แน่นา  ถ้าคนของคุณนึกสนุกอยากลดน้ำหนัก  ดูแลตัวเอง  หรือทำศัลยกรรมให้ดูดีขึ้นมา  คุณอาจรู้สึกเหมือนถูกรางวัลใหญ่  ที่มีคู่ชีวิตเป็นทั้งความสบายใจและสบายตาได้ในคนๆเดียวก็ได้
     เรียกอีกอย่างคือ  รักตอนนี้  แถมฟรีตอนสวย 

     นี่แค่ยกตัวอย่างที่ต่างกันสุดขั้วให้เห็นเท่านั้น  ชีวิตจริงยังมีอะไรกว่านี้อีกมากมายนัก 



     สุดท้ายแล้ว  คงไม่มีใครสามารถไปบังคับกะเกณฑ์คุณได้หรอกว่าจะเลือกคนรักแบบไหน  มันเป็นเรื่องของคุณล้วนๆ  ว่ากันว่า  เลือกคนแบบไหนก็รับกรรมไปแบบนั้น  คุณก็เลือกเอาเองเถอะว่าอยากได้กรรมแบบไหนมาแบกไว้

     บทความนี้เพียงเขียนขึ้นจากความรู้สึกรำคาญที่เห็นผู้ชายที่เลือกผู้หญิงสวยๆไปแล้วมาโอดครวญกับความใจร้ายของพวกหล่อน  ประกอบกับความเจ็บใจแทนผู้หญิงนิสัยน่ารักหลายคนที่ต้องค้างเติ่งอยู่บนคานเพียงเพราะหล่อน "สวยสู้คนอื่นไม่ได้"  ก็เท่านั้น 

 
     "ความสวยไม่จีรัง"  นะคุณ  อย่าลืมล่ะ 


   

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คลังศัพท์ไว้ตั้งชื่อ

เราต่างเป็นกาลีในชีวิตใครบางคน

จำหน่ายคดีหัวใจ