ส่วนไหน(ควร)ชัด ส่วนไหน(ควร)เบลอ


     ช่วงนี้เทรนด์ถ่ายรูปกำลังมาแรง..

     และการถ่ายรูปแบบหนึ่งที่ฮิตกันมากนั้นคือ  การถ่ายให้แต่ละส่วนของภาพ  ชัด-เบลอ  ไม่เท่ากัน

     ในฐานะคนที่ไม่ค่อยถ่ายรูปตัวเอง  ตอนแรกก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกว่าทำไปทำไม  แต่พอเห็นรูปชาวบ้านแล้วต้องยอมรับว่า...
    ....สวยดีเหมือนกัน



     ผลของการฮิตถ่ายรูปแบบเบลอไม่เท่ากันนี่  ส่งผลกระทบต่อสิ่งที่ถ่ายรูปได้อยู่ไม่น้อย  เพราะแต่ละผลิตภัณฑ์ต้องงัดกลยุทธ์ออกมาเพื่อให้ตนเป็นที่นิยมในหมู่นักถ่ายภาพให้ได้  ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ  กล้องถ่ายรูปชนิดต่างๆ  แม้แต่บรรดาแทปเลตทั้งหลายก็ไม่เว้น

     บ้างก็ว่าตนมีเลนส์ที่สามารถละลายหลัง  หรือทำเบลอหลังเพื่อการหน้าชัดหลังเบลอได้ดี

      บ้างมีโปรแกรมที่สามารถถ่ายก่อนแล้วค่อยเบลอทีหลังได้

     บ้างก็โฆษณาว่าสามารถเลือกได้ด้วยว่า  จะให้ส่วนไหนเบลอประมาณไหน

     หรือแม้แต่  post stack focus photo  หรืออะไรสักอย่างของกล้องยี่ห้อหนึ่ง  ที่ถ่ายปุ๊บสามารถเลือกจุดโฟกัสได้  ที่เหลือจากนั้นกล้องจะทำการเบลอให้


     โว้  ไฮเทคแท้  ดูเหมือนเทรนด์การโฟกัสแต่บางส่วนนี่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นทุกทีๆ



     อันที่จริง  ดวงตาของเราก็สามารถทำแบบกล้องได้เหมือนกันนะ

     เวลาเรามองไปรอบๆ  เราอาจจะรู้สึกว่า  สิ่งที่เรามองนั้นชัดไปหมดเลย
     ...ถ้าจะเถียงว่ามันเบลอทุกอย่าง  กรุณาใส่แว่นก่อน  เราจะไม่กล่าวถึงอาการเบลออันเกิดจากความผิดปกติของตา...


      แต่  เราลองเพ่งมองไปที่วัตถุใดวัตถุหนึ่งดูสิ  ถ้าเราสังเกตสักนิด  เราจะพบว่าสิ่งรอบๆนั้นจะเบลอลงโดยอัติโนมัติ

     ถ้าเราเลือกมองสิ่งที่อยู่ใกล้ๆ  ขณะนั้นเลนส์ตาเราจะให้ภาพหน้าชัดหลังเบลอ
      ในทางกลับกัน  ถ้าเราเลือกมองสิ่งที่อยู่ไกลๆ  ณ  ตอนนั้นเลนส์ส่วนตัวเราจะอยู่ในฟังก์ชั่น  หน้าเบลอหลังชัด


     ถ้าอะไรสักอย่างจะเป็นต้นแบบของเลนส์ถ่ายรูปขึ้นมาแล้วล่ะก็  เราว่า  เลนส์ของตาเรานี่แหละ  เป็นเลนส์ต้นแบบที่มหัศจรรย์ที่สุดแล้ว



     จะว่าไป  ชีวิตคนเรา  บางทีก็ควรใช้ระบบโฟกัสบางจุดเหมือนกันนะ

     ชีวิตเรามีอะไรบ้างที่เราสนใจอยู่  การเรียน  การงาน  ความรัก  สุขภาพ  ครอบครัว  ฯลฯ

     ถามว่า  เราสามารถโฟกัสทุกเรื่องได้พร้อมกันหรือเปล่า?
     บางครั้งได้  บางครั้ง...ก็ไม่

     ถ้าชีวิตมันโอเคในระดับหนึ่ง  หน้าที่การงานไปได้สวย  ชีวิตอาจพอมีเวลาในการโฟกัสหลายๆเรื่องไปพร้อมๆกันได้

     แต่  บางครั้ง  เวลาที่เราต้องใส่ใจกับบางสิ่งมากเป็นพิเศษ  เช่น
     -  กำลังสอบ
     -  ไม่สบายอยู่
     -   เพิ่งอกหัก
     -   คนในครอบครัวเพิ่งจากไป
     เชื่อสิ  เวลาที่ใจกำลังโดนบีบคั้นมากๆน่ะ  เราโฟกัสกับทุกเรื่องไม่ได้หรอก  แม้ว่าบางครั้ง  มันดูเหมือนจะวางอยู่ในเฟรมเดียวกันใจชีวิตของเราเหมือนเวลาเราถ่ายภาพก็ตาม

     ในตอนนั้น  เราคงต้องใช้โปรแกรมเบลอบางส่วนของชีวิต  แล้วเลือกโฟกัสเฉพาะสิ่งที่ต้องทำ  ต้องตัดสินใจ  ในตอนนั้นก่อนเป็นลำดับแรก

     เวลาถ่ายรูป  เรามักถ่ายภาพนั้นได้ช่วงเดียว  คือ ณ ตอนนั้น  เพราะหากหันไปอีกครั้ง  ทุกสิ่งอาจไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว
      แต่ในชีวิตจริง  บางเรื่องที่ถูกเบลอไปอาจยังรออยู่ตรงนั้น  เพื่อให้เรากลับไปโฟกัสใหม่  ยามที่เราต้องการและมีโอกาส

     และการถ่ายภาพนั้น  เราไม่สามารถจะถ่ายก่อน  แล้วเลือกโฟกัสทีหลังได้  เว้นแต่ใช้กล้องที่มีลูกเล่นนั้น
     แต่เฟรมในชีวิตจริงสามารถเลือกโฟกัสได้เสมอ  และเปลี่ยนโฟกัสได้ตลอดเวลา  อยู่ที่เราว่าจะเลือกโฟกัสตรงไหน

     บางครั้งชีวิตก็คล้ายกับการถ่ายรูป  แต่จะต่างกันตรงที่ว่า  เราสามารถเลือกโปรแกรมตัวเองได้หลากหลายกว่ากล้องมากนัก



     เพราะชีวิตโฟกัสทุกอย่างพร้อมกันไม่ได้

     เราต้องเลือก  ว่าขณะนั้น  อะไรสำคัญที่สุดในเฟรมชีวิตของเรา

     ถ้าถ่ายรูปเป็น  เราก็จะมีความสุขกับการถ่ายรูป

     และถ้าเลือกใช้ชีวิตเป็น  เราก็จะมีความสุขกับการใช้ชีวิต


     ขอให้มีความสุขกับการใช้ตัวเองในการเก็บภาพชีวิต  :)

ความคิดเห็น

  1. โฟกัสทุกอย่างมันเหนื่อย นอนเล่นเปื่อยๆดีกว่า 55555 เขียนดีค่ะ ชอบ มีความรุ้สีกว่าท่านพี่เขียนบทความที่มีการเปรียบเทียเปรียบเปรยได้ดีมาก มันชัด มันคม ดีต่อใจต่อความรุ้สึกศิษย์น้องจริงๆ

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คลังศัพท์ไว้ตั้งชื่อ

เราต่างเป็นกาลีในชีวิตใครบางคน

จำหน่ายคดีหัวใจ