ไม่มีแฟนมันน่าห่วงตรงไหน???
อยู่ดีดีก็มีเรื่องกวนใจตั้งแต่เช้า
คือ มีคนๆนึงมาบอกแม่เราว่า เขาหมดห่วงกับลูกเขามากกว่าแม่เรา
เมื่อลองมาคิดๆดู ตอนแรกไม่เห็นความแตกต่าง งานก็มีทำแล้วทั้งคู่ แม่ก็เลี้ยงแบบประคบประหงมมาทั้งคู่ ดูแล้วโคตรจะคล้ายกัน แล้วมันต่างกันตรงไหน??
คิดๆไป....อ๋อ ลูกเขามีแฟนแล้ว และใกล้จะแต่งงานแล้ว ส่วนลูกของแม่เรา(ซึ่งก็คือเรา)
....ยังไม่มีแนวโน้มจะหาแฟนได้
แค่เนี้ย????
แวบแรกที่ได้ยิน เรานี่แทบอยากแช่งให้ลูกเขาเลิกกับแฟนให้มันรู้แล้วรู้รอดไป ดูดิ๊จะแขวะอะไรได้อีก
...อันที่จริงตอนนี้ยังคงอาฆาตอยู่เหมือนกัน จริงๆตัวลูกไม่มีอะไรหรอก แต่แม่พูดจาไม่ค่อยรื่นหูเสียเลย
แต่คิดแล้วก็ได้แต่บ่นแบบแค้นๆ ไม่กล้าลงปากแช่งแบบจริงจัง รู้ว่าบาป ท่าทางจะบาปหนักด้วย
...ประเดี๋ยวเทวดาประจำตัวกริ้ว ตัดญาติขาดมิตรขึ้้นมา ชีวิตอาจลำบากกว่าเดิม ช่วงนี้ยิ่งสามวันดีสี่วันไข้อยู่
แล้วเลยเริ่มเกิดคำถามขึ้้นมาว่า
มีคู่มันดูแกร่งมากกว่าโสดตรงไหน???
ลองมาคิดกันเล่นๆดูนะ
สมมติว่าเราได้เงินเดือนๆละสามหมื่น(จริงๆเราจะได้เท่าไหร่ก็ช่างเถอะ เอาแบบประมาณใกล้เคียงสุด) ปีนึง ถ้าไม่หักอะไรเลย เราจะมีเงินทั้งสิ้น
...360,000 บาท
แต่ถ้าหักโน่นหักนี่ เอาแบบหรูสุด เราน่าจะมีเงินเก็บประมาณ...
....ปีละสามแสน....
ปีละสามแสน สิบปีก็สามล้าน เรามีอายุงานสี่สิบปี(ใช่ งานเราเกษียณเจ็ดสิบ) ก็คูณสี่เข้าไป
...เกินสิบล้านอยู่เหมือนกัน...
เราว่า เงินเท่านี้ ให้อยู่ทั้งชีวิต เราอยู่ได้นะ เพราะเราไม่ใช้อะไรฟุ่มเฟือยอยู่แล้ว อาจจะใช้ซื้ออาหารบ้าง เที่ยวบ้าง ค่าต่างๆจิปาถะบ้าง แต่เรามั่นใจว่าเราเก็บเงินพอสำหรับใช้ตอนแก่ได้แน่นอน
และข้อเท็จจริงมีอยู่ว่า นั่นน่ะแค่ขั้นต่ำ เราค่อนข้างมั่นใจว่าอยู่ๆไปเงินเดือนมันไม่หยุดแค่นั้น
และเนื่องจากเป็นข้าราชการ ค่ารักษาพยาบาลทั่วไปจึงเบิกได้ หรือถ้าไม่ชัวร์จริงๆ ย่อมสามารถทำประกันชีวิตเพื่อเพิ่มความคุ้มครองได้
ยิ่งไปกว่านั้น การเป็นข้าราชการนั้นยังมีสิทธิ์อีกอย่าง นั่นคือ สิทธิในการรับบำนาญ และเราเชื่อว่าเราสามารถเก็บเงินเพิ่มจากตรงนั้นได้อีก
เหนือสิ่งอื่นใด บุคคลผู้คิดถึงความโสดทุกลมหายใจเข้าออกอย่างเรา ย่อมมีการวางแผนไว้อย่างคร่าวๆแล้วว่า จะใช้ชีวิตอย่างไรบ้าง เมื่อต้องอยู่ตามลำพังในอนาคต
โอเค ยอมรับว่ากังวลเรื่องรถอยู่นิดหน่อย แต่ถึงเวลามันคงอยู่ได้เองน่ะแหละ และถ้าโชคดี ในอนาคตเราอาจทีเพื่อนสนิทผู้ชายไว้ถามเรื่องเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นก็ได้ ใครจะรู้
ส่วนสุขภาพ นี่ตั้งใจไว้ว่าถ้าแก่แล้วป่วยบ่อย จะย้ายนิวาสสถานไปอยู่บ้านพักคนชราให้รู้แล้วรู้รอดไป ส่วนร่างกายก็ไปบริจาคให้คณะแพทย์ จะได้ไม่ต้องห่วงว่าไม่มีคนเผาศพให้
เห็นมั้ย นี่วางแผนไว้เป็นฉากๆแล้วนะ
อยู่คนเดียวมันน่าห่วงตรงไหนเนี่ย??
ตัดกลับมาที่การมีคู่ครอง โอเค เธอคนนั้นอาจโชคดีที่ได้แฟนดี ได้แฟนมีฐานะ มีชาติตระกูลที่ดี แต่งงานแล้วเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูล บลาๆๆๆ
คำถามคือ....แล้วไง?
ใช่ มีกันสองคน รายได้มันก็เพิ่มขึ้นคูณสอง แต่รายจ่ายก็เพิ่มเหมือนกันนะ
...ยิ่งถ้ามีลูก คงได้เอาเงินไปลงที่ลูกเยอะแน่นอน
จริงๆหากได้คู่ดีและมีชีวิตแต่งงานที่มั่นคงมันก็ดี
...แต่อาจแลกด้วนศักยภาพในการทุ่มเทกับงานที่ลดลง แถมยังแลกด้วยอิสระในการทำสิ่งต่างๆที่ลดลงด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฝ่ายหญิง
ว่ากันตามตรง ถ้ามีคู่ดีมันก็ดีแหละ แต่มันไม่มีอะไรน่าห่วงจริงๆเหรอ...
เราว่าไม่นะ
การมีแฟนยังมีอะไรให้ห่วงตั้งเยอะ เช่น
หนึ่ง เอาแบบร้ายระดับหนึ่ง ถ้าลูกคุณทะเลาะกับแฟน หรือเลิกกับแฟนขึ้นมา นั่งร้องไห้เสียใจ
...คุณไม่ทุกข์เหรอ?
สอง เกิดแฟนที่แสนดีกลายร่างเป็นแฟนที่ชั่วร้าย ทำให้ลูกคุณเสียใจ แต่แย่กว่าแบบที่หนึ่ง ตรงที่ยังไงก็ไม่ยอมเลิกกับลูกคุณ
....กล้าสาบานมั้้ยว่าจะไม่ห่วงลูกถ้าเจอแบบนี้
สาม ทุกอย่างดีหมด(ข้อเท็จจริงมีอยู่ว่า พ่อแม่แฟนของน้องนางเธอเอ็นดูว่าที่สะใภ้มาก ดังนั้นเราจะตัดประเด็นขัดแย้งออกไป) แต่พอแต่งไปแล้ว เกิดปัญหาเช่น เข้ากันไม่ได้ นอกใจ หรืออะไรก็แล้วแต่
...พ่อแม่จะมีความสุขดีมั้ยน้าาาา
จริงๆแย่กว่านี้ก็มีนะ เชิญหาตัวอย่างจากหน้าหนังสือพิมพ์เอาเองเลย
ปล นี่ไม่ได้แช่งใครนะ แค่พูดถึงความเป็นไปได้เฉยๆ
นั่นแค่ตัวอย่าง จะเห็นได้ว่าถ้าลูกโสดน่ะ จะห่วงอยู่อย่างเดียวคือลูกจะอยู่ยังไง แต่ลูกมีแฟนนี่ปัญหามันช่างล้านแปดยังไงชอบกล
ดูแล้วการมีคู่ไม่เห็นจะน่าหมดห่วงอย่างสมบูรณ์แบบดังที่ใครบางคนอ้างสิทธิเลยแฮะ
ตามความเห็นเรานะ จะมีแฟนหรือไม่มีมันก็มีความสุขได้ มันอยู่ที่ว่าคนๆนั้นพอใจกับสถานะตัวเองแค่ไหน
ดังนั้น การที่ลูกคุณได้แฟนดีนั้นคงเป็นเรื่องดีแน่ แต่มันไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาข่มกันว่า เพราะแบบนี้ฉันเลยนอนตายตาหลับได้มากกว่าเธอ อย่างนั้นอย่างนี้
การมีคู่ไม่ใช่เรื่องที่ไม่มีอะไรต้องกังวล ในทางกลับกัน การอยู่คนเดียวก็ไม่ใช่เรื่องน่าห่วงอะไร ตราบใดที่คนเราสามารถดูแลตัวเองได้ และมีความสุขกับชีวิต จะสถานะอะไร ไม่น่าจะใช่เรื่องสำคัญ
จำบทความเรื่องก่อนของเราได้มั้ย กับถ้อยคำที่ว่า "เพราะชั้นไม่มีปัญญาหาแฟนเป็นผู้พิพากษาได้ ชั้นเลยเป็นผู้พิพากษามันเองซะเลย.."
การหาเขยหรือสะใภ้เป็นผู้พิพากษาได้อาจเป็นเรื่องที่ประเสริฐ แต่ถามตัวคุณดูเถิด ว่าระหว่างหาแฟนเป็นผู้พิพากษาได้ กับเป็นผู้พิพากษาได้เองนั้นน่ะ
ถ้ามองแค่ตัวคุณอย่างเดียวแบบไม่เกี่ยวกับใคร แบบไหนมันเท่ห์กว่ากัน
ปัจจุบันมีผู้พิพากษาเป็นโสดเยอะมากเลยนะ แล้วคุณคิดว่าท่านๆทั้งหลายผู้มีเงินเดือนเป็นแสนๆอ่ะ เค้าแคร์เหรอกับการไม่มีคู่? ถามจริง?
.........นี่ไม่ได้ชี้ช่องให้ใครหาเรื่องไปเยี่ยมศาลจะเจ้าคะ และที่สำคัญ ที่โสดส่วนใหญ๋อ่ะ ผู้หญิง สาวๆกรุณาอยู่ในความสงบ
เออ เรายอมรับว่าบทความนี้มันไม่ได้โลกสวย แถมยังเขียนขึ้นจากความไม่พอใจ แต่เราเองก็อยากชี้ช่องว่า การเป็นโสดมันไม่ได้น่าเป็นห่วงอะไรขนาดนั้น(ป่าววะ)
เราว่ามีคนโสดหลายคนนะที่มีความสุขมากกว่าคนมีคู่บางคนเสียอีก เพราะเราเชื่อว่า ถ้าเจอไม่ดี ไม่มีซะดีกว่า
ที่สำคัญ ถ้าลูกใครสักคนเตรียมการเพื่อการโสดของตนเองอย่างขยันขันแข็ง คนเป็นพ่อแม่ควรอนุโมทนา เอ๊ย ไม่ใช่ ควรดีใจและหมดห่วงนะ เพราะนั่นหมายถึงลูกคุณเข้มแข็งมากพอที่จะยืนหยัดด้วยตนเอง โดยไม่ต้องพึ่งพิงใครหรืออะไรทั้งสิ้น
และตามความเห็นเรา เราว่าคนโสดนี่แข็งแกร่งกว่าคนมีคู่อีกนะ เพราะเขาต้องทำทุกอย่างด้วยตนเองและอยู่ได้โดยไม่ต้องอาศัยมือของใครเข้าช่วย
คุณควรภูมิใจเสียมากกว่า!!!
สุดท้ายนี้ ขอบพระคุณทุกท่านมากที่อ่านจนจบ และไม่ว่าคุณจะอยู่ในสถานะใด หากคุณมีความสุข จงยิ้มให้กับตัวเองและภูมิใจในตัวเองซะ เพราะคุณได้ยืนยันให้คนใกล้ชิดได้รับทราบแล้วว่า คุณเข้มแข็งมากพอที่จะอยู่ได้
.....แม้ไม่มีพวกเขา
อ่อ เราหวังว่าน้องคนนั้นคงจะมีความสุขในชีวิตคู่ของเธอนะ แม่เธอจะได้หมดห่วงจริงๆดังที่พูด คนเขียนไม่อยากจะเกิดความคิดอกุศลเวลาเกิดอะไรขึ้นดอกนะ เหอๆๆๆ
ให้แม่บอกไปเลยว่า ไม่เผือกนะคะ แล้วส่งยิ้มนางงาม
ตอบลบร้ายกาจ 555
ลบ