คนหัวโบราณ 2



     ไม่ว่าโลกนี้จะพัฒนาไปมากเพียงใด  แต่ความจริงอย่างหนึ่งก็ไม่เคยที่จะเปลี่ยนไป

      และความจริงนั้นก็คือ...

      เราเป็นคนหัวโบราณ



     ความเป็นคนหัวโบราณของเรานั้น  คือความคิดที่ว่า

     "ผู้หญิงกับผู้ชายไม่ควรถูกเนื้อต้องตัวกัน"

     ด้วยเหตุนี้เอง  เราจึงระมัดระวังตัวเองมากเวลาติดต่อคบหากับเพศตรงข้าม  เพราะเราก็รู้สึกอยู่ลึกๆว่า  ความสัมพันธ์ระหว่างผู้หญิงกับผู้ชาย  มันมีอะไรที่แตกต่างจากความสัมพันธ์ระหว่างผู้หญิงกับผู้หญิง


      โอเค  คนเรา  เวลาสนิทจริงๆอ่ะ  ตอนมองไม่ค่อยรู้สึกความแตกต่างหรอก

     แต่ลองนึกดูเถอะ  เวลาเราคบเพศเดียวกัน  เอาเฉพาะผู้หญิงก่อนเลย(เผอิญไม่เคยเป็นผู้ชายนะฮะ  ขอโทษด้วย)  มันจะมีโมเม้นท์ที่สามารถเดินจับมือกัน  นอนคุยกันทั้งวัน  ไลน์ถึงกันทุกวัน  กินข้าวจานเดียวกัน  ฯลฯ

     สารพัดสารพันสิ่งมุ้งมิ้งที่ทำร่วมกันได้  โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดความรู้สึกอะไรระหว่างกันขึ้นมา
     ....ต่อให้พูดจาแบบแฟนใส่กันทุกวันก็เถอะ


     แต่....ถ้าเป็นคนละเพศ  เราว่า  มันทำแบบนั้นไม่ได้อ่ะ  คือมันสนิทกันได้ในระดับหนึ่งก็จริง  แต่ก็ต้องระวังไม่ให้ใกล้กันมากเกินไป
     ....ไม่งั้นความรู้สึกต้องมีการสปาร์คกันขึ้นมามั่งล่ะ  ไม่ว่าจะจากทั้งสองฝ่ายหรือคิดไปเองฝ่ายเดียวก็ตาม

     แล้วถ้ามันสนิทกัน  ความรู้สึกมันจะเหมือนค่อยๆซึมไปเรื่อยๆ  และไอ้ซึมเรื่อยๆนี่  อันตรายนะคู้ณณณณ  ทำเป็นเล่นไป
     ....เว้นแต่ต่างคนต่างโสด  แล้วใจตรงกัน  นั่นอีกเรื่องนึง


     ด้วยเหตุนี้แหละ  เราจึงรู้สึกว่า  การคบเพื่อนต่างเพศนั้น  เป็นเรื่องที่ต้องระวังตัวมากกว่าการคบเพื่อนเพศเดียวกันมากนัก



     อย่างไรก็ดี  เมื่ออายุมากขึ้น  และผ่านเรื่องราวต่างๆมามากขึ้น  เราได้ค้นพบว่า

     ในสังคมทุกวันนี้  การไม่โดนตัวเพศตรงข้ามเลยนั้น
     ....เป็นเรื่องที่  แทบจะเป็นไปไม่ได้


     ว่ากันตั้งแต่เล็กๆน้อยๆ  เช่น  เบียดกันในลิฟต์หรือขนส่งสาธารณะ  คุณสามารถบอกผู้ชายทุกคนได้หรือว่า  คุณถูกตัวพวกเขาไม่ได้นะ  ไปไกลๆ
     ....แค่คิดก็ตลกแล้ว

     ยิ่งเมื่อมีสังคมมากขึ้น  เรายิ่งพบว่าการสนิทกันระหว่างหญิงกับชายนั้นเป็นเรื่องธรรมดามาก  และเมื่อคนเราสนิทกันถึงขนาดนั้น  การกอดคอกันดูจะเป็นเรื่องธรรมดาไปเลย
     ....เออ  แต่เราไม่เคยนะ  เราไม่เคยสนิทกะผู้ชายขนาดนั้น

     แล้วลองคิดถึงชั่วโมงเต้นรำ  มันไม่สามารถบอกว่า  หนูไม่จับมือผู้ชายค่ะอาจารย์  ได้อ่ะค่ะ  คือมันต้องเต้นมั้ยล่ะ
     ....เต้นให้มันจบๆไปละกัน....

     ยิ่งพอมาทำงานร่วมกับผู้ชายมากๆ  เราพบเลยว่า  การโดนตัวกัน  แบบจับแฟ้มพร้อมกัน  เดินชนกัน  ทำงานแขนชนกันนี่  เรื่องปกติมาก
     ...ปล.  ไว้ก่อนว่า  เราพยายามระวังตัวแล้วนะ

     และ...ท้ายที่สุดของเรา  การมาทำงานที่ใหม่นี้  วันที่เขาพาไปละลายพฤติกรรม  คือ  ทุกคนต้องจับมือแสดงความรู้จักกันหมดค่ะ  แถมด้วยกิจกรรมแรลลี่ที่ต้องจับมือกันเป็นวงกลมด้วย!
     เราลองมองมือตัวเองด้วยสายตาแบบผู้ชาย  ประหนึ่งว่าเราเป็นแฟนตัวเอง  เรายังรู้สึกว่า  เป็นเรา..เราก็หึงอ่ะ(เพิ่งรู้ว่าเราขี้หึงนะเนี่ย  หุหุ)
     แต่มันเป็นไฟล์ทบังคับที่ดูจะไม่มีใครถือสากันแล้ว  และถามว่ารังเกียจมั้ย  ไม่เลย  เพื่อนกันทั้งนั้น  ตอนนี้รู้สึกแบบนี้จริงๆ



     เพราะฉะนั้น  เดี๋ยวนี้  เราจึงรู้สึกว่า  การโดนตัวกันเล็กๆน้อยๆ  เช่น  หยิบของให้แล้วมือชนกัน  อะไรแบบนี่
     เป็นเรื่องที่พอรับได้

     ถามว่าเรายังระวังตัวอยู่รึเปล่า  ระวังนะ  ว่ากันตามตรงคือเราพยายามมากที่จะไปโดนตัวเพศตรงข้ามให้น้อยที่สุด

     แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ  หากมันเป็นแค่เรื่องบังเอิญเล็กน้อยที่ไปถูกกัน  เราก็จะไม่อะไรกับมันมากนัก  เพราะเราคิดว่าเราเองไม่ได้ตั้งใจ  และอีกฝ่ายหนึ่งก็คงไม่ได้ตั้งใจเช่นเดียวกัน

     และตราบใดที่การโดนกันไม่มีสัญญาณแห่งการ  sexual  attempt  หรือแปลว่า....อะไรหว่า  อ่อ  จงใจถูกเนื้อต้องตัวแบบมีเลศนัย  เราคงปล่อยผ่านแบบไม่คิดอะไร


     เพราะ  พูดก็พูดเถอะ  เราว่า  ชาตินี้  คงไม่มีใครอยากจะมามีเลศนัยอะไรกับเราอยู่แล้วล่ะ

     มีโลกส่วนตัวเป็นอาวุธซะขนาดนี้  5555  ;)

 

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คลังศัพท์ไว้ตั้งชื่อ

เราต่างเป็นกาลีในชีวิตใครบางคน

จำหน่ายคดีหัวใจ