ปรับวันนี้ เปลี่ยนฟรีวันหน้า
เราเป็นคนชอบแต่งนิยาย...อยู่ในหัวเงียบๆ
แต่งมาหลายเรื่องแล้ว แล้วแต่ว่าตอนนั้นกำลัง "อิน" กับอะไร เช่น กำลังบ้าเกมโปเกมอนก็แต่งเรื่องว่าตัวเองเป็นเทรนเนอร์ กำลังชอบนิยายสืบสวนก็สร้างนิยายโรงเรียนนักสืบขึ้นมา เป็นต้น
เรื่องที่แต่งๆนี่ไม่เคยเผยแพร่ออกสู่โลกภายนอกค่ะ จึงเป็นธรรมดาที่จะลืมเรื่องที่แต่งจบไปนานแล้วบางเรื่อง
วันดีคืนดี นี่ก็หยิบเรื่องที่แต่งมาเล่นใหม่ หากเป็นละครทีวี ต้องเรียกว่า หยิบมา "รีรัน" (Rerun)
และการ "Rerun" ครั้งนี้ ให้อะไรมากกว่าที่คิด
จริงๆแล้วเนี่ย เรากะจะแค่รีรันอย่างเดียวแหละ ปัญหาคือ พอนึกไปนึกมามันดันลืมว่าบางส่วนที่แต่งไปแล้วน่ะ แต่งว่าอะไร
งานนี้เลยรีรันอย่างเดียวไม่ได้ ต้องเขียนใหม่ หรือ รีไรท์ (Rewrite) ด้วย หลายส่วนเลย
ตัวละครหลักยังคงเดิม เนื้อเรื่องยังสไตล์เดิม แค่เพิ่มตัวละครสำคัญบางตัวเข้ามา เพื่อชดเชยบางสิ่งที่หายไปในใจ รวมไปถึงเพิ่มเหตุการณ์บางเหตุการณ์ขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับเนื้อเรื่องหลัก
....นี่ยังไม่รวมการใส่รายละเอียดลงไปเพิ่มในตอนเดิมที่จำได้นะ
ผลเหรอ...................สนุกมาก 555 คุ้มค่าจริงๆ
และเราก็พบว่า การปรับเปลี่ยนเนื้อเรื่องมันไม่ได้ส่งผลแค่เนื้อเรื่องตรงนี้ แต่มันยังส่งผลที่อื่นด้วย
เรื่องของเรื่องคือ เรื่องที่เราหยิบมาปัดฝุ่นเนี่ย มันเป็นนิยายหลายภาคค่ะ ซึ่งแต่ละภาคนั้นคือแต่ละชาติของตัวละครหลักที่เกี่ยวโยงกัน ซึ่งการกระทำของตัวละครในชาตินึง มันจะส่งผลโยงไปถึงชาติต่อไป ซึ่งก็คือภาคต่อไปด้วย
ทีนี้ พอหยิบภาคนึงมาปรับใหม่ ใส่รายละเอียดเพิ่มเข้าไป เมื่อมองข้ามไปยังภาคถัดไปแล้ว มันดันเกิดความรู้สึกว่า
"เฮ้ย ไม่ได้ว่ะ แต่เนื้อเรื่องเป็นงี้ ภาคต่อเป็นงั้นไม่ได้" (เว้นแต่จะไปปรับตรงไหนเพิ่มอีกให้มันลงล็อคกับที่แต่งไว้แล้ว)
ถึงยังไงก็ไม่ซีเรียสหรอก มันปรับอะไรก็ได้ ตอนไหนก็ได้อยู่แล้ว ของตัวเองทั้งหมดเลยนี่ หึหึ
กระนั้น การนำนิยายตัวเองมาฉายซ้ำและทำใหม่ในหัวก็ทำให้เราได้พบความจริงอยู่ข้อนึงนั่นคือ...
ความเปลี่ยนแปลงใดๆในปัจจุบัน ย่อมส่งผลถึงอนาคตเสมอ
หากโชคชะตาเป็นพระเจ้าของมวลมนุษย์ เพราะโชคชะตาขีดชีวิตให้มนุษย์เดินตาม
"นักเขียน" ก็คือพระเจ้าของตัวละครในนิยาย เพราะเป็นผู้ลิขิตชีวิตในนิยายให้โลดแล่นไปตามใจปรารถนา
พอวางโครงเรื่องไว้แบบนึง ชะตาชีวิตของตัวละครก็จะเป็นแบบนึง แต่พอปรับเปลี่ยนบางสิ่งไป ทางเดินของชีวิตในวรรณกรรมก็ย่อมเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย
ไม่ใช่เปลี่ยนเพียงเนื้อเรื่องในชาตินี้หรือภาคนี้ แต่ยังกระทบไปถึงเนื้อเรื่องในชาติถัดๆไปหรือภาคต่อๆไปด้วย
ชีวิตก็เป็นเฉกเช่นเดียวกัน
แท้จริงแล้ว ชีวิตคนเราอาจไม่เหมือนชีวิตในนิยายเสียทีเดียว เพราะในนิยายนั้นทุกสิ่งอย่างต้องเป็นไปตามผู้ประพันธ์ทั้งสิ้น แต่ชีวิตจริงไม่ใช่
เรามีสิทธิในการเลือกเองด้วยเหมือนกัน
ทางที่เราเลือกเดินในวันนี้ คือตัวกำหนดเรื่องราวในวันหน้า และเราก็ไม่มีทางรู้ได้เลยว่า ในแต่ละทางเลือก จะนำไปสู่จุดหมายปลายทางอย่างไร
สิ่งที่เราเลือกไม่ได้นั้นคือที่เกิด พ่อแม่ ภูมิหลัง สิ่งแวดล้อมรอบตัวตั้งแต่เด็ก แต่เมื่อเริ่มโตขึ้น หากคุณโชคดีพอที่จะเกิดในแดนที่ให้อิสระในการเลือก คุณจะรู้สึกว่า "อำนาจ" ในการเลือก อยู่ในมือตัวเองมากขึ้น
เลือกที่เรียน
เลือกที่ทำงาน
เลือกบ้านที่อยู่
เลือกเพื่อน
เลือกคนรัก
ฯลฯ
(ส่วนใครที่ในบ้านยังมี "ผู้มีอิทธิพล" อยู่ ขอแนะนำให้ "เลือก"ที่จะทำใจ และ "เลือก" ทำบุญ เอา ขอให้หลุดพ้นสภาพแบบนี้ในชาติหน้าเถอะ เพี้ยงงง)
เราเลือกได้ อย่างน้อยที่สุด ก็เลือกวิธีคิด วิธีมองชีวิต ให้เป็นไปในทางสร้างสรรค์ได้
และไม่ว่าอย่างไร เรายังเชื่อว่า ทุกคนยังสามารถเลือก "ที่จะดี" ได้ ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหน
และเมื่อ "สิทธิ" ในการเลือก อยู่ในมือเรา สิ่งที่ตามมาคือ "ความรับผิดชอบ" ต่อทางที่เราเลือก เมื่อเราเลือกแล้วว่าจะคบกับคนๆนี้ ทำงานที่นี้ ใช้ชีวิตแบบนี้ เราก็ต้องรับให้ได้กับผลลัพธ์ที่มาจากการเลือกของเรา
และหากเราไม่พอใจผลลัพธ์ เราก็ต้องเลือกต่อว่าจะ "ทน" หรือ "เปลี่ยน" และอย่าลืม เลือกแล้วก็ต้องรับให้ได้ในสิ่งที่เลือกด้วย
ไม่ใช่ว่าเลือกแล้วก็บ่นอยู่นั่น โทษคนโน้นคนนี้อยู่ได้ ไม่เอา เลิกทำตัวเป็นเด็กๆได้แล้ว
ถ้าคุณเลือกทางหนึ่ง วันข้างหน้าชีวิตคุณก็จะเป็นแบบหนึ่ง หากคุณเปลี่ยนไปอีกทางหนึ่ง สิ่งที่แถมมาคือ วันข้างหน้าชีวิตคุณก็จะไปอีกทางหนึ่ง โดยที่ไม่ต้องซื้อหาอะไรเพิ่มเลย
เลือกให้ดีก็แล้วกัน
ขอให้สนุกกับการเลือกทางเดินของตัวเอง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น