ชะตากรรมเดียวกัน : Single & Introvert



     รู้สึกมั้ยว่าการเป็นโสดกับการมีโลกส่วนตัวสูงนั้นมักโดนเขม่นจากโลกรอบตัวพอๆกัน

     นึกไม่ออกเหรอ..ไม่เป็นไร  เดี๋ยวจะสาธยายให้อ่านว่า  ที่โดนๆมาน่ะ  มีอะไรบ้าง 



     "พยายามไม่เพียงพอ"

     หลายครั้งที่คนโสดถูกกล่าวหาว่าโสดด้วยเหตุผลข้างต้น  ซึ่งไม่ต่างอะไรกับคนเงียบๆที่ชอบถูกกระตุกว่า  ควรพยายามพูดมากกว่านี้เพื่อผูกมิตรกับคนรอบข้าง 
   
     อะไรคือพยายามไม่มากพอ  ก่อนที่คุณจะกล่าวหาคำนี้  คุณเคยแจงรายละเอียดมั้ย

     สำหรับคนโสด  มันอาจหมายถึงเราไม่ดูแลตัวเองมากพอ  แต่  ขอโทษเถอะนะ  เราก็เป็นของเรามาแบบนี้นานแล้ว  แล้วเพื่อนเรามันก็เป็นของมันแบบนี้นานแล้วเหมือนกัน  ต่างกันแค่ว่า  "แบบนี้"  ของมัน  ดันต้องตาเพศตรงข้ามมากกว่า  หรือไม่  มันหน้าตาดีกว่า  ถามว่า  เราผิดเหรอ? 
     อย่าบอกว่าให้ทำแบบเพื่อน  เพราะเราทำไม่ได้ 
     ดีไม่ดี  เพื่อนบางคนก็เป็นแบบเราเลย  แต่ดันมีคนชอบ  อันนี้แสดงว่า  มันไม่ได้อยู่ที่การกระทำอย่างเดียวแล้วล่ะ  บางที  เพื่อนอาจมีคู่ที่ตามกันมาแต่ปางก่อน  แต่เราไม่มีก็ได้

     คนโลกส่วนตัวสูงก็เหมือนกัน  ชอบโดนเค้นให้หาเรื่องพูดอยู่เรื่อย  ไม่รู้รึไงว่าอยู่ท่ามกลางมนุษย์มากๆเนี่ย  มันสิ้นเปลืองพลังงานชีวิตมากเลยนะ  และขอโทษเถอะ  เราไม่รู้สึกว่าการเงียบเป็นความผิดสักนิด  เราแค่ไม่อยากคุยเฉยๆ  แล้วคอยดูเถอะ  พอเราจะพูดบ้าง  เราก็พูดไม่เคยทันใครเลย  พวกคุณเปลี่ยนเรื่องไปแล้ว  เดินไปแล้ว  หรือพอพูดคุณก็ไม่ฟังเราบ้างล่ะ  เห็นเราเป็นตัวประหลาดบ้างล่ะ  แล้วยังมีหน้ามากระตุกให้เราพูด  ขอผ่านดีกว่า 
     และการที่คุณพบเจอคนโลกส่วนตัวสูงในงานสังคมหรือวงสนทนา  ขอให้รับรู้ว่านั่นคือ  "การพยายาม"  ของพวกเราแล้ว  เพราะหากเราไม่พยายามจริงๆแล้วน่ะ  เราจะไม่ออกไปปะหน้าปะตาตามงานสังสรรค์ให้เสียพลังงานหรอก  และคุณก็ควรขอบคุณที่มีใครสักคนอาสารับฟังคุณจริงๆในโลกที่มีแต่คนอยากอ้าปากส่งเสียงแบบนี้ด้วย 
     หัดเคารพและเห็นคุณค่ากันเสียบ้างสิ
   



     "น่าสงสาร"

     เคยได้ยินมั้ย  'น่าสงสารจังเลยไม่มีแฟน'  หรือ  'น่าสงสารจังเลยไม่มีเพื่อน' 

     สติค่ะ!!

     คุณไม่รู้หรือว่าบางทีการไม่มีใครนั้นไม่ใช่  "โอกาส"  แต่คือ  "ทางเลือก"  ของคนบางคน  ซึ่งเล็งเห็นแล้วว่า  การอยู่คนเดียวนั้นมีข้อดีสารพัดสารพัน  หากเอาความรู้สึกสงสารออกไปจากสายตา  คุณอาจพบว่าบุคคลที่คุณสงสารอยู่นั้นเขากำลังมีความสุขอยู่ในโลกของตัวเองโดยไม่ได้แคร์กับสายตาของคุณสักนิด
     คิดว่าคนเงินเดือนครึ่งแสนและสามารถอยู่ด้วยตนเองได้เขาทุกข์ทรมานกับการไม่มีคนคุยด้วยเนี่ยนะ...อ่ะจิงดิ
   
     เอาเวลาสงสารไปหาความสุขให้ตัวเองเถอะนะ  ก่อนที่คุณจะน่าสงสารกว่าเขาเสียเอง



     "หยิ่งล่ะสิ"

     ดูสิ  หาเรื่องกันชัดๆเลย  ไม่เคยคบ  ไม่เคยคุยด้วยสักคำ  อยู่ๆก็มากล่าวหากันแบบนี้  อยากโดนฟ้องหมิ่นประมาทมะ ฮะ?

     พูดดีๆก็ได้  การที่ใครสักคนไม่มีแฟน  หรือการที่ใครสักคนไม่คุยไปทั่วเนี่ยนะ  มันไม่ได้แปลว่าเขาหยิ่ง  หัวสูง  หรือไม่เห็นหัวใครเสมอไปสักหน่อย  แยกวรรคหน่อยละกันนะ  สองประเภทนี้รายละเอียดต่างกันนิดหน่อย

     การไม่มีแฟนมันเกิดได้จากหลายสาเหตุนะคุณ  บางคนอาจรักฝังใจอยู่กับคนๆหนึ่งจนไม่สามารถรักคนอื่นได้  บางคนก็ยุ่งกับงานจนไม่เคยมองใคร  บางคนยังช้ำใจกับรักเก่าจนไม่กล้ารัก  ฯลฯ  และบางคน  อาจเกิดมาเพื่อตายไปเพียงลำพังก็ได้ 
     คนสวยๆที่หยิ่งๆยังมีผู้ชายตามเป็นพรวนได้เลย  เพราะฉะนั้น  คุณไม่ควรสรุปว่าการหยิ่งเป็นสาเหตุของความโสดมะ?

     ส่วนพวกโลกส่วนตัวสูงเนี่ยส่วนใหญ่เขาช่างเลือก  เขาจะไม่สุ่มสี่สุ่มห้าเดินเข้าไปแล้วคุยกับใครก็ได้  เพราะเขาไม่ชอบการสนทนาแบบผิวเผินประเภทนินทาคนโน้นคนนี้  เขาอยากคุยกับคนที่สามารถพูดจาลงรายละเอียดเชิงลึกได้  ซึ่งไม่ใช่ทุกคนแน่นอน 
     อีกประการหนึ่ง  คุณควรรู้ความแตกต่างของการหยิ่งและช่างเลือก  หยิ่งคือไม่เคยเห็นหัวใครเลยไม่ว่าจะรู้จักหรือไม่รู้จัก  ส่วนช่างเลือกคือเห็นหัวเฉพาะคนที่เลือกแล้วว่าอยากรู้จักด้วย  นอกนั้นไม่ใช่ไม่เห็นหัวนะ  เรียกว่าไม่สนใจจะดีกว่า 

     สุดท้าย  หากคุณทำให้เราเมินใส่คุณได้ทั้งที่เราไม่หยิ่งเนี่ย  คนที่ควรพิจารณาตัวเอง  ควรเป็นคุณมากกว่านะ 



     "เพราะเธอขี้อาย"

     อะไรคือแขวะว่าหยิ่งไม่ได้ก็มาแขวะเรื่องขี้อายต่อ?  หรือควรดีใจเพราะคำนี้มัน soft กว่า? 

     คิดๆไป  อายกับหยิ่งนี่เหมือนเหรียญคนละด้านที่มีตอนจบประมาณเดียวกัน  คือ  ไม่ได้ปะทะสัมพันธ์กับใคร 

     โอเค  การโสดอาจเกิดขึ้นเพราะความขี้อายก็ได้  แต่การไม่มีใครชอบนี่น่าจะเป็นเพราะ  "หนังหน้า"  มากกว่า  โอ๊ยไม่เอาสิ  ไม่ทับถมพวกเดียวกัน  เอาใหม่  คือ  ความขี้อายก็ไม่ใช่ต้นเหตุทั้งหมดของการไม่มีใครสักหน่อย  บางทีเราก็ไม่ได้มองใครเราเลยไม่มีใคร  และการไม่มองใครนี่ไม่ได้เกิดจาก "ขี้อาย" นะ  เกิดจากการไม่ให้ความสำคัญมากกว่า 
     คนโลกส่วนตัวสูงก็ไม่ได้ขี้อายเสมอไป  เราอาจแค่พอใจที่จะอยู่เงียบๆกับงานอดิเรกของเรามากกว่าการออกไปชวนคนนั้นคนนี้คุย 

     สรุปว่าเราไม่ได้ขี้อายนะ  เราแค่ไม่เลือกคุณ  โอเคนะ 



     "เพราะเธอช่างเลือกมากเกินไป"

     ขอบคุณที่ชม 

    รู้มั้ย  ตั้งแต่โดนกล่าวหามาเนี่ย  นี่เป็นคำที่ไพเราะมากที่สุดเลยนะ  และเป็นคำเดียวที่เรายีดอกรับอย่างหน้าชื่นตาบานด้วย 

     ใช่  เราช่างเลือก  แต่เรามีเหตุุผล 

     ลองนึกถึงใครคนหนึ่ง  คนที่มีหน้าที่การงานที่มั่นคง  มีเงินเดือนมากพอจะเลี้ยงตัวเองได้  ทำอะไรเองได้  มีเพื่อนที่ดีหรือเป็นเพื่อนที่ดีให้ตัวเอง  มีงานอดิเรก  มีชีวิตของตัวเอง  คุณว่าเขาจะไปคว้าใครก็ได้ที่ทำให้เขามีภาระในชีวิตเพิ่มขึ้นมาอยู่ข้างๆมั้ย
     ไม่หรอก!  จะบ้าเหรอ  อยู่ดีๆไม่ว่าดี 
     เห็นไหมล่ะ  ยิ่งคนเราพอใจกับชีวิตตัวเองมากเท่าไหร่  เราก็ยิ่งจู้จี้กับการเลือกคู่ชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ  เพราะเราอยากเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง  ยิ่งสมัยนี้ที่คนเราสามารถยืนด้วยตัวเองได้  คนเรายิ่งโสดแบบ "by choice" มากกว่า "by chance"  ยิ่งขึ้น  ด้วยยึดคติที่ว่า  หากมีคู่แล้วต้อง "ดีกว่า"  อยู่คนเดียวจริงๆ  ไม่งั้นก็โสดดีกว่า 
   
     โลกส่วนตัวสูงก็เหมือนกัน  เรามีความสุขอยู่กับตัวเอง  เพราะฉะนั้น  ถ้าเราจะรับใครเข้ามาในชีวิต  เราต้องแน่ใจว่าเขารับได้ในสิ่งที่เราเป็น  และพร้อมเป็นกัลยาณมิตรให้กับเราได้  เพราะเวลาให้ใจใครเราให้เต็มร้อย  หากเราเปิดรับเพื่อนสุ่มสี่สุ่มห้าก็เท่ากับยื่นดาบให้พาลมาแทงเราเท่านั้นเอง
     จริงๆแล้ว  พวกเราก็มีเพื่อนนะ  เพื่อนที่พวกเราเลือกแล้ว  ลองถกปัญหากันมาระยะหนึ่งแล้วพบว่า  เออ  อยู่ด้วยกันได้ว่ะ  ไม่อึดอัดว่ะ  รับในตัวตนของกันและกันได้ว่ะ  และคนพวกนี้แหละที่เราเปิดให้เข้ามาในชีวิตของเรา 
     ไม่ใช่ใครก็ได้  นี่พูดเลย  ต้องพิเศษระดับหนึ่งเลยล่ะ 
     แล้วถ้าคุณยังรู้สึกว่าเราเลือกมากที่เราไม่เลือกคุณ  ก็ค่อนข้างชัดเจนล่ะนะ  ว่าคุณไม่ได้รับเลือกน่ะ  เสียใจด้วย  เรายังคลิกกันไม่พอค่ะ 



     นี่แค่ตัวอย่างเบาะๆของการถูกกระทำ  อันเนื่องมาจากการเป็นคนไม่มีแฟน  และ  การเป็นคนไม่ค่อยพูด 

     จริงๆแล้ว  สิ่งที่คนทั่วไปควรตระหนัก  ก็คือ  เราควรเคารพในการตัดสินใจของกันและกัน  ตราบใดที่การตัดสินใจนั้น  ไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่เรา

     เมื่อ  "การเป็นโสด"  และ  "การมีโลกส่วนตัวสูง"  เกิดขึ้นจากการตัดสินใจของคนๆหนึ่ง  แม้มันจะผิดไปจากวิถีชีวิตหรือความคิดอ่านของเรา  เราก็ควรจะเคารพในการตัดสินใจของคนเหล่านั้นด้วย

     หรือหากคุณเดือดร้อนจาก "ปัจเจกชน"  คนใด  คุณก็ควรแก้ที่คนๆนั้นเอง...
     -  ชอบใคร  เขายังสุขกับการการโสด  ก็ไปจีบเขาสิ
     -  อยากเป็นเพื่อนกับใคร  เขานิ่งๆ  ก็ไปเปิดใจคุยกับเขาสิ 

     อย่าเที่ยวเอาความรู้สึกหรืออคติส่วนตัวไปลงกับทุกคนที่ต่างจากคุณ  เพราะมันเป็นพฤติกรรมที่ไม่น่ารัก 



     กลับมาที่คนโสด  และคนโลกส่วนตัวสูง 

     แปลกเนาะ  ทั้งๆที่เราอยู่ของเราดีๆแท้ๆ  ดันมีคนมาเดือดร้อนแทนเราเสียได้ 

     และทั้งๆที่คนสองกลุ่มนี้เหมือนจะไม่เกี่ยวกัน  แต่ก็กลับโดนอะไรที่คล้ายๆกันได้อย่างไม่น่าเชื่ออีกเช่นกัน

    จะว่าไป  ไม่เกี่ยวเลยก็อาจไม่ใช่  เพราะคนโสดบางคนก็โสดเพราะมีโลกส่วนตัวสูงเกินไป...
แต่โลกส่วนตัวสูงก็ไม่ใช่สาเหตุหลักของการโสดอยู่ดีน่ะแหละ  เราไม่ควรเหมาอะไรแบบนั้น


     จะเพราะอะไรก็แล้วแต่  ดูเหมือนว่า  เราทั้งสองกลุ่มจะมีชะตากรรมบางอย่างที่เหมือนกันซะแล้ว  ดังนั้น  ทั้งสองกลุ่มควรเป็นมิตรกันไว้  เพราะโดนอะไรเหมือนๆกัน 

     เนื่องในโอกาสปีใหม่  มาฉลองกันเงียบๆ  ให้กับการไม่มีแฟน  หรือ  ไม่ค่อยคุย  กันเถอะ 

     เริ่มเลย  เชิญฉลองตามสไตล์ที่ตัวเองถนัดเลยนะ 

    ...เย่...

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คลังศัพท์ไว้ตั้งชื่อ

เราต่างเป็นกาลีในชีวิตใครบางคน

จำหน่ายคดีหัวใจ