สงครามกระดาษ
เป็นคนชอบขีดๆเขียนๆค่ะ
ด้วยความที่ชอบเขียนไปเรื่อย สิ่งที่ซื้อมาอย่างฟุ่มเฟือยอย่างหนึ่งนั้นคือ สมุด ซื้อถี่ขนาดที่ว่าทั้งที่บ้านทั้งตัวเองต้องคอยพูดกรอกหู(ตัวเอง)อยู่บ่อยๆว่า ต่อไปนี้ห้ามซื้อสมุดละนะ
...แต่ก็ไม่วาย...
จุดเริ่มต้นของการเขียนมาจากความต้องการในการบันทึกช่วงเวลาประทับใจ จากนั้นจึงต่อยอดเป็นการเขียนบันทึกประจำวัน โดยเริ่มบันทึกข้อความในหัวลงในสมุดริมลวดธรรมดาๆก่อน เขียนๆไปปรากฏว่า...ความลับรั่วไหล เพราะมีคนเข้ามาจัดของให้แล้วหยิบไปอ่านโดยถือวิสาสะ
หลังจากนั้นเลยเริ่มยับยั้งชั่งใจในการเขียนมากขึ้น
แรกๆก็ยังฮึดนะ คือไปซื้อสมุดประเภทที่มีกุญแจล็อคอ่ะ แล้วบันทึกใส่สมุดแบบนั้น เขียนเสร็จก็ล็อคกุญแจ สบายใจ รู้ตัวอีกที อ้าว...สมุดหมดไปประมาณสามเล่ม
....รื้อบ้านแล้วเจอสมุดบันทึกเก่า กลับไปอ่านทีแทบกุมขมับ ตูเขียนอะไรลงไป (ไม่รู้ว่าตัวเราในอนาคตจะกลับมาอ่านงานเขียนในปัจจุบันแล้วมีอาการเดียวกับเราตอนนี้ที่กลับไปอ่านบันทึกสมัยเรียนรึเปล่า)
แต่แล้วความขวนขวายในการเขียนก็หายไปตามกาลเวลา...
จนกระทั่งเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น เราเริ่มเขียนโน่นเขียนนี่ลงในสังคมออนไลน์ ยิ่งพอมารู้จักวิธีการเขียนบล็อก เหมือนแรงบันดาลใจในการเขียนมันเริ่มกลับมา
....มีอยู่ช่วงหนึ่งที่พยายามหาวิธีเขียนไดอารี่ด้วยสมุดดิจิตอลเหล่านี้อย่างเอาเป็นเอาตาย
เราเริ่มสนใจพวกมือถือหรือแทบเลตที่มีปากกา ด้วยความหวังว่า มันจะทำให้เรากลับมาเขียนบันทึกได้อีกครั้ง ด้วยรู้สึกว่าเทคโนโลยีพวกนี้อำนวยความสะดวกในการเขียน เช่น มีรหัสตั้งไว้ทำให้คนอื่นไม่สามารถเข้ามาอ่านได้ง่ายๆ สามารถพกพาไปได้ทุกที่ทุกเวลา เครื่องเดียวเก็บเรื่องที่เราโม้ได้เยอะโดยไม่ต้องเปลี่ยนเล่มใหม่หรือเปลี่ยนปากกาด้ามใหม่ แถมไม่ต้องกลัวว่าปากกาจะหมึกหมดเวลาใช้ ฯลฯ
แต่พอลองใช้จริงๆกลับรู้สึกว่า การเขียนด้วยโทรศัพท์มือถือ แท็บเลต หรือแม้แต่คอมพิวเตอร์ มันก็ไม่ได้ไร้ที่ติอะไรขนาดนั้น
แต่ครั้นจะเขียนด้วยสมุดเป็นหลักเหมือนเดิม มันก็ยังมีที่ติอยู่เช่นกัน
เหมือนกับว่า เรากำลังอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างวัฒนธรรมเดิมๆกับนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ชูจุดเด่นกันคนละอย่าง
การจดบันทึกลงในโทรศัพท์ แทบเลต หรือคอมพิวเตอร์ มีข้อดีตรงที่สามารถพกพาไปได้ทุกที่ ลดจำนวนของที่ต้องพกเพื่อการเขียนจากสมุด+ปากกา เหลือแค่อุปกรณ์เพียงเครื่องเดียว เวลาพิมพ์ใส่คอมฯนั้นเร็วและใช้มือทั้งสองข้างพอๆกัน ไม่ได้เมื่อยแค่มือข้างเดียวแบบสมุด และข้อดีที่รู้สึกว่าดีที่สุดคือ สมุดอิเล็กทรอนิกส์พวกนี้เหมือนสมุดที่ไม่มีวันหมดเล่ม ไม่ต้องเปลี่ยนเล่มใหม่
แต่ มันก็ต้องแลกมาด้วยเวลาจดที่จำกัด คือจดได้เท่าที่แบตฯยังพอมี แบตหมดนี่จบข่าว แถมยังเป็นสมุดราคาแพงที่มีความเสี่ยงจะถูกโจรกรรมสูงกว่าสมุดธรรมดาทั่วๆไป ทั้งการเขียนโดยใช้มือข้างเดียวจิ้มแป้นโทรศัพท์นี่บางทีมันก็รำคาญเวลาจิ้มผิดจิ้มถูกหรือโดนแก้คำให้เอง(โธ่ ไอ้แสนรู้) ที่แย่ที่สุดคือ ถ้าเครื่องเรามีอันเป็นไปเมื่อไหร่ เรื่องที่เขียนก็อาจหายวับไปกับสายลมได้
โดนแฮ็คก็ได้อีก แม้จะไม่มีใครบันทึกผู้หญิงตัวกะเปี๊ยกแบบเราก็ตาม
ในทางกลับกัน สมุดธรรมดาหน้าตาแล้วแต่คนทำนี้ เวลาพกไปไหนมาไหนช่างกินเนื้อที่ในกระเป๋าเพิ่มเสียเหลือเกิน แถมพกแค่สมุดอย่างเดียวก็ไม่ได้ต้องติดปากกาไปด้วย ปากกาเขียนไม่ออกคือจบเห่ เวลาเขียนนี่ก็ต้องหาที่ทางดีๆ ต้องมีพื้นราบให้วาง ต้องใช้สองมือจับ เขียนๆไปก็ปวดมือ พอยกมือขึ้นมา โห้...สันมือสีน้ำเงินเชียว แล้วต้องดูแลไม่ให้สมุดโดนน้ำเพราะถ้าเปียกน้ำก็ใช้ไม่ได้อีก
ปัญหาเยอะ
แต่สิ่งที่ได้มาจากการเขียนลงสมุด คือความได้อารมณ์ในการจดบันทึก เพราะในความรู้สึกเรา คำว่า "เขียน" มันคือการต้อง "จด" ด้วยปากกา และปากกาที่ว่าก็ต้องจดลง "กระดาษ" เท่านั้น แม้มือถือหรือแทบเลตที่มีปากกาก็ไม่สามารถแทนความรู้สึกตรงนี้ได้ มันคือความคลาสสิคที่ควรค่าแก่การรักษาไว้
และแม้สมุดจะหมดเล่มได้ แต่ตราบในที่สมุดยังไม่หมด จะนั่งเขียน นอนเขียน ยืนเขียน กี่วันกี่คืนผ่านไปก็สามารถทำได้ตลอดโดยไม่ต้องกลัวว่าแบตฯจะหมด ส่วนปากกาน่ะหายห่วง ถ้าใช้สม่ำเสมอไม่ปล่อยให้หมึกแห้ง เชื่อเถอะว่าเขียนได้อย่างน้อยก็เป็นเดือนล่ะ
แถมท่าจดใส่สมุดเล่มเล็กก็ยังเท่ห์กว่าจดใส่มือถือ ดูลึกลับและเชี่ยวชาญเหมือนนักสืบเลย 555 (ความเห็นส่วนตัว)
คิดๆไป มันก็เหมือน "สงคราม(ของ)กระดาษ" ที่กระดาษแต่ละแบบกำลังแข่งขันกันเพื่อชิงมวลชนผู้นิยมการเขียนว่า ให้มาใช้ฉันสิ ฉันดีกว่า
และสงครามนี้คงยังไม่จบง่ายๆ เห็นได้จากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีปากกา และสมุดเล่มๆ ที่ต่างฝ่ายต่างเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างไม่มีวันหยุด
ทุกวันนี้เรายังคงจดโน่นนี่ใส่สมุดเล่มๆอยู่ และในขณะเดียวกันเราก็ใช้การบันทึกความคิดลงอุปกรณ์ควบคู่กันไปด้วย ตามแต่โอกาสและสถานการณ์จะเอื้ออำนวย เช่นว่า เราจะมีสมุดจดโน้ตเพลง(ที่แกะเอง) จดร้อยกรอง(ที่แต่งเอง) จดร้อยแก้ว(ที่คิดเอง) จดงาน จด..สิ่งที่อยากจด จด...บ้าบอคอแตกไปเรื่อย และสมุดเหล่านี้จะกระจายตัวกันอยู่ตามที่ๆเราชอบอยู่
ในขณะเดียวกัน เราก็ยังเขียนบล็อก(ใช่ค่ะ แบบที่เขียนอยู่นี่แหละ) และเวลาที่อยู่นอกบ้านหรือนอกที่ทำงานแล้วเกิดคิดอะไรได้ สิ่งที่เราจะทำคือหยิบมือถือขึ้นมาแล้วบันทึกมันลงไป ถ้ามีเวลาก็อาจกลับมาจดใส่สมุดอีกที แต่ถ้าขี้เกียจก็ไว้ในอุปกรณ์นั่นแหละ หรือในกรณีที่เราอยากบันทึกอะไรแบบที่กลับมาแก้ได้ไม่ยากหรือเพิ่มโน่นเพิ่มนี่ได้อิสระ เราก็เลือกจะบันทึกมันลงผ่านคอมฯหรือแทบเลตมากกว่า เพราะมันแก้ง่ายดี
เราไม่รู้หรอกนะ ว่าสงครามกระดาษระหว่างสมุดจริงๆกับสมุดดิจิตอลเนี่ย มันจะไปจบลงตรงไหน
เรารู้แค่ว่า ไม่ว่ายังไง เราก็ยังจะจดบันทึกอยู่ดี ไม่ว่าจะจดใส่อะไรก็ตาม
(แต่ทุกวันนี้สมุดจริงๆเยอะกว่านะ หาซื้อง่ายกว่าและมีหลายแบบมากกว่า เป็นพวกบ้าสมุดน่ะ 555)
ปล ขอโทษด้วยนะคะ สัปดาห์นี้เรายุ่งจริงๆ แทบไม่มีเวลาว่างจะมาเขียนเลย เรื่องที่สองเลยช้าไป...เยอะทีเดียวล่ะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น