งานปีใหม่...ที่ไม่อยากร่วม



     จะปีใหม่แล้ว

    ด้วยเหตุนี้  ที่ทำงานของแต่ละคนก็จะเริ่มจัดงานปีใหม่ขึ้น  ของเราก็เช่นกัน  โดยที่ทำงานเราเลือกจัดในช่วงกลางคืนของวันกลางสัปดาห์ของสัปดาห์ทำงานวันสุดท้ายของเดือนธันวาคมที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง

     และด้วยการลงมติของเพื่อน  สรุปว่าเพื่อนรุ่นเราทุกคนไป  ผลคือ  เราก็ต้องไปด้วยเช่นกัน

     เฮ้อออ



     เราไม่ชอบไปงานเลี้ยง  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  งานเลี้ยงตอนเย็นถึงตอนกลางคืน  เพราะตามความคิด(เองเออเอง)ของเรา  กลางคืนเป็นยามวิกาลที่ควรซุกตัวอยู่กับบ้านมากกว่าออกไปตระเวนหรือเต้นแร้งเต้นกา

     เมื่อไหร่ก็ตามที่มีการนัดเลี้ยง  จัดเลี้ยง  หรือปาร์ตี้ยามราตรี  หรือเล็งเห็นแล้วว่า  ยาวถึงราตรีแน่ๆ  หากเลี่ยงได้  เราจะเลี่ยง  จะคิดเอารางวัลมาล่อเป็นคันรถหรือจัดอาหารที่ดีที่สุดในโลกมาให้เพื่อหวังว่าเราจะไป
     เราไม่ไป!! .... ถ้าทำได้

     แต่ดูเหมือนคราวนี้  โชคจะไม่ค่อยเข้าข้างเราเท่าไหร่



     อันที่จริงโชคเรื่องงานเลี้ยงเนี่ยไม่ค่อยเข้าข้างมานานแล้ว

     ที่ทำงานเรามีสองหน่วยใหญ่  ปลายปีที่แล้วเราอยู่หน่วยนึง(ขอเรียกว่า หน่วยหนึ่ง)  ปีนี้อยู่อีกหน่วย(เรียกหน่วยสองแล้วกัน)  ประเด็นคือ

     ปีที่แล้วหน่วยหนึ่งจัดงานปีใหม่  หน่วยสองไม่ได้จัด  ปีนี้หน่วยสองจัด  หน่วยหนึ่งจัดรึเปล่าไม่รู้

     แล้วเราดันอยู่หน่วยที่จัดงานได้สองปีติดกันเนี่ยนะ  โอ้  ใยสวรรค์ต้องกลั่นแกล้งข้าน้อย!!!

     คราวที่แล้วเลี่ยงไม่ได้เพราะจัดในสถานที่และเป็นผู้น้อย  คราวนี้จัดนอกสถานที่แต่ยังคงเป็นผู้น้อยอยู่  สรุปว่า  ต้องไปอีกแล้ว

     เฮ้อออ



     เราเข้าใจคนที่อยากไปนะ  แบบบางคนเขาชอบงานรื่นเริง  ชอบเข้าสังคม  นิยมการกินฟรี  เพลิดเพลินกับการกิน ดื่ม เที่ยว นอกบ้าน  ชอบร้องคาราโอเกะ  หรืออยากจับสลากของขวัญ

     ประเด็นคือ  มันไม่ใช่ทุกคนไง  ที่ชอบแบบนี้

     บางคน  เขาก็ชอบอยู่เงียบๆ  เขาไม่กิน  ไม่ดื่ม  ไม่เที่ยว  ไม่ชอบไปไหนกลางคืน

     ถึงเป็นคนกลุ่มน้อย  แต่เชื่อเถอะว่ามี

     เพราะฉะนั้น  การจัดงานรื่นเริงที่เหมือนจะเป็นการจ่ายโบนัสให้ทุกคน  ความเป็นจริงแล้ว  มันแค่การตบรางวัลให้คนส่วนใหญ่  และเป็นการขัดอกขัดใจคนส่วนน้อย
     ซึ่งคนทั่วไปไม่ค่อยคำนึงถึง  และอาจไม่ใส่ใจจะคำนึงถึงด้วย

     และกับคนกลุ่มนี้เนี่ย  การโดนบังคับให้ไปนั่งรวมกลุ่มกับผู้คน  ไม่ต่างอะไรกับการส่งไปสงคราม  ที่เผลอๆบางคนเลือกออกไปรบแทนด้วยซ้ำ  เพราะการรบแค่วิ่งไป  ฟันฉับ  แล้วกลับบ้าน(หรือไม่ก็ตายอยู่ตรงนั้น)  ไม่ต้องสุงสิงสนทนากับใครให้มากความ
     ไม่ต้องโดนคะยั้นคะยอให้ดื่ม  ออกไปร้องเพลง  หรือจัดการแสดงอีกด้วย



     การตอบรับไปงานปีใหม่ในอาทิตย์ข้างหน้าจึงทำให้เราเครียด

     เพราะเราไม่อยากไป!!!

    แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรในโลกใบนี้ที่สามารถหยุดยั้งการจัดงานได้  ผู้บริหารคงอยากให้เจ้าหน้าที่ได้พักผ่อนสังสรรค์กันเพื่อคลายเครียดจากการทำงาน
     ...อยากเลี้ยงเจ้าหน้าที่ก็จัดให้แค่เจ้าหน้าที่ไปเลยดิวะ  ลากตรูไปเพื่ออออ(พาล)

     แล้วก็คงไม่มีอะไรในโลกนี้มาเป็นเหตุผลที่เข้าท่าอันจะทำให้ไม่ต้องไปได้  เพราะเหตุผลแค่ว่า  "ไม่อยากไป"  มันไม่มีน้ำหนักเพียงพอ
     ...ทั้งที่จริงๆมันโคตรจะมีน้ำหนัก  ก็แหม  งานเลี้ยงควรเป็นความสมัครใจป่ะ  ไม่เห็นต้องบังคับกันเลย

    ชีวิตการงานที่ต้องอยู่ในกรอบ  มันก็แย่แบบนี้แหละนะ

     ว่าแต่  นี่ไม่มีอะไรมาขัดขวางไฟลต์บังคับนี้ได้จริงหรือนี่???  T_T



     เคยอ่านจากไหนไม่รู้  เขาบอกว่า  คนฟินแลนด์และคนยุโรปอีกหลายๆประเทศ  เป็นพวก  introvert  หรือพวกโลกส่วนตัวสูง  เป็นส่วนใหญ่

     ดีจัง  ใช้ชีวิตที่นั่นคงจะดี  ไม่ต้องมาโดนบังคับไปงานเลี้ยงให้วุ่นวาย

     โอ้สวรรค์(เอาอีกและ)  ในเมื่อท่านรู้อยู่แล้วว่าลูกเป็นคนไม่ชอบสุงสิงกับใคร  ทำไมต้องส่งลูกมาเกิดในที่ๆคนส่วนใหญ่ชอบการพบปะกันด้วยล่ะ
     นี่มันแกล้งกันชัดๆ


     ไปก่อนล่ะ  เดี๋ยวจะไปหาวิธีทำบุญยังไงก็ได้  ให้ชาติหน้าตัวเองได้ไปเกิดในประเทศที่เป็น introvert กันเกินครึ่งประเทศ  จะได้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสงบโดยไม่ต้องถูกมองว่าเป็นคนประหลาดเสียที


     อารมณ์เสีย!!!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คลังศัพท์ไว้ตั้งชื่อ

เราต่างเป็นกาลีในชีวิตใครบางคน

จำหน่ายคดีหัวใจ