งานรื่นเริง...เหรอ



     ในงานเลี้ยงสังสรรค์ปีใหม่...

     ประธานกล่าวเปิดงานและให้โอวาท  แล้วเอ่ยออกมาประโยคหนึ่ง

     "จัดงานนี้ขึ้นเพื่อขอบคุณที่ทุกคนเหนื่อยกันมาตลอดทั้งปี..."


     ว่าแต่ว่า  แล้วงานเลี้ยงมันเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการจริงๆรึเปล่า?



     ก่อนงานเลี้ยงประมาณหนึ่งอาทิตย์  บุคลากรทั้งฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายปฏิบัติงานได้รับคำเชิญชวนแกมบังคับว่า  "เราจัดงานเพื่อทุกคน  หากไปได้  กรุณาไป"

     หากไม่มีเหตุจำเป็น  ใครจะกล้าขัดใจเจ้านาย....


     ถามผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเชิงโยนหินถามทางว่าไปรึเปล่า  ได้รับคำตอบพร้อมยิ้มแหยๆว่า
     "คงต้องไป"

     ผู้ใหญ่ยังไป  ผู้น้อยคงขัดไม่ได้



     ด้วยเหตุนี้  ในวันงาน  แทบทุกคนจึงทยอยกันมาอย่าง(เกือบ)พร้อมหน้าพร้อมตา ณ ร้านอาหารที่จัดงาน

     พอนั่งเสร็จ  เสียงแรกของโต๊ะที่หลุดรอดออกมาจากปากคือ 

     "หิวแล้ว  อาหารอยู่ไหน"

     พออาหารมาจึงไม่ต้องแปลกใจที่ทุกคนจะก้มหน้าก้มตาจัดการกับ.. เอ่อ  กิจธุระที่อยู่เบื้องหน้าตนเอง
     ....ปากท้องต้องมาก่อน

   
     ขณะที่บุคลากรฝ่ายปฏิบัติการหลายท่านกำลังทำกิจเพื่อปากท้องของตน  คนที่ดูเหมือนจะสนุกอย่างจริงๆจังๆนั่นคือบุคลากรฝ่ายสนับสนุน  หลายคนสร้างธีมการแต่งตัวและเนรมิตตัวเองให้เป็นไปตามนั้น  หลายคนต่อคิวกันมาร้องคาราโอเกะหน้าเวที  และเมื่อเสียงเพลงดังขึ้น หลายคนก็ออกมาขยับแข้งขยับขากันอย่างครื้นเครง 
     มันส์เขาล่ะ

     จริงๆช่วงอาหารลงแรกๆนั้นเราอาจจะยังไม่สังเกตอะไรเท่าไหร่  เพราะหลายคนกำลังตั้งหน้าตั้งตาใส่ใจกับจาน  ช้อนส้อม  อาหาร  และแก้วน้ำที่อยู่ตรงหน้า
     เว้นแต่ผู้ซึ่งรับอาสาเป็นพิธีกรเวที  คุณเธอยังไม่ได้แตะอาหารเลยสักนิด  นับถือน้ำใจหล่อนจริงๆ
     แต่พอหนังท้องเริ่มตึง  เราก็จะเริ่มอยากรู้อยากเห็นความเป็นไปรอบตัวมากขึ้น 


     ยังคงเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสนับสนุนที่มีความสุขกับงาน  มีการขึ้นไปร้องเพลง  มีการขยับแข้งขยับขา  มีร้องเพลงคลอตามกันไป  แล้วก็มีจัดการแสดงบนเวทีจากเจ้าหน้าที่กลุ่มต่างๆ

     ยิ่งช่วงจับสลากรางวัลนะ  เห็นได้ชัดเลยว่าฝ่ายสนับสนุนทุกคนมีความสุขมาก ยิ้มแย้ม  วี้ดว้าย  พอได้รางวัลพึงใจก็ส่งเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีอื้ออึงกันไป

     ตัดภาพมาที่ฝ่ายปฏิบัติการ...


     กิน  หันไปคุยกัน  ดื่มน้ำ  ลุกไปเข้าห้องน้ำ  ถ่ายรูป  เดินออกไปโทรศัพท์  ยิ้มให้คนในโต๊ะ  นั่งเท้าคางมองเวทีอย่าง...เนือยๆ
     'เมื่อไหร่ตูจะได้กลับวะ'  ความคิดจากไหนไม่รู้ลอยมาชนกัน

     มีเพียงประธานที่ดูเหมือนจะสนุกสุด  ยิ้มอย่างเริงร่ากับการแสดงบนเวที  แล้วเดินเช็คชื่อ  อุ๊ย  ขอโทษ  เดินเยี่ยมเยือนไปตามโต๊ะต่างๆของบุคลากร
     ....ดูมีความสุขเนอะ


     อาสาเพื่อนว่า  ถ้าโดนบังคับร้องเพลง  จะอาสาไปร้องให้  ภายใต้เงื่อนไขว่า  ต้องก่อนแม่มารับนะ 
     สุดท้ายก็ไม่ได้ร้อง  เพราะเจ้าหน้าที่ยังแสดงกันอยู่บนเวทีเลย  แม่ดันมาซะก่อน
     ...ดวงกุดเรื่องงานเพราะถูกเพ่งเล็งค่อยว่ากันใหม่  ไปล่ะ



     หากจะสังเกตจากพฤติกรรมคนในงาน  เราอาจสามารถอ้างได้ว่า  ไม่ใช่ทุกคน  ที่อยากได้ "งานเลี้ยงสังสรรค์"  เป็นของขวัญปีใหม่

     มันก็มีคนกลุ่มหนึ่งจริงๆที่ชอบอะไรแบบนี้  ด้วยรู้สึกว่าเหนื่อยมาทั้งปี  ขอปลดปล่อยสักทีเถอะ(วะ)
     เข้าใจ  (มีแต่เราเข้าใจคนอื่น  ไม่เห็นมีใครเข้าใจเราบ้าง  ชีวิตโคตรมีกรรม)

     แต่มันไม่ใช่ทุกคนที่ชอบแบบนี้....รึเปล่า


     ถ้าถามกันจริงๆว่า  ทุกคนต้องการรางวัลตอบแทนการทำงานเป็นอะไร  ในขณะทึ่ใครหลายคนเลือกงานเลี้ยงแบบนี้ 
     ...บางคนอาจบอกว่า  ขอหนังสือ(ที่อยากได้)สักโหลนึง  แล้วช่วยปล่อยผม/ดิฉัน  ไว้เงียบๆคนเดียวเถอะ
     ...บางคนอาจบอกว่า  หัวหน้าช่วยพาไปเที่ยวที่...  ได้ไหมคะ/ครับ 
     ...บางคนอาจบอกว่า  ขอวันหยุดเพิ่มสักห้าวันเถอะนะครับ/คะ
     ...และบางคนก็อาจบอกว่า  ขอโบนัสสักสี่ห้าเดือนค่าา/คร้าบบ

     แล้วผู้บังคับบัญชาเอาอะไรมาตัดสินว่า  การจัดงานเลี้ยงมันตอบโจทย์ให้ทุกคนได้จริงๆ?



     นี่ไม่ใช่หน่วยงานเดียวที่มีการจัดอะไรแบบนี้  ว่ากันตามจริง  แทบทุกหน่วยงานในประเทศไทยล้วนเลือกใช้การสังสรรค์เป็นรางวัลให้พนักงาน
.....โดยไม่ถงไม่ถามคนทำงาน(ส่วนหนึ่ง)สักคำว่าเขาพอใจจะถูกล็อคตัวไว้จนดึกจนดื่นรึเปล่า

     ถ้าอยากจัดก็จัดไป  ไม่ต้องบังคับให้คนไปได้มั้ยล่ะ
     เช่นกัน  อยากมีเพลงก็มีไป  ไม่ต้องเที่ยวบังคับคนที่ไม่อยากโชว์(ร้องได้มั้ยอีกเรื่อง)  ให้ออกไปร้องเพลงได้มั้ยล่ะ
     ..ไม่ได้สินะ..

     เมื่อไหร่ประเทศไทยจะเข้าใจสักที  ว่าไม่ใช่ทุกคนจะชอบการสังสรรค์น่ะ  เอาความชอบส่วนตัวของคนกลุ่มหนึ่งมารุกรานคนอื่นมันไม่ยุติธรรมเลยนะเฮ้ย 



     ตอนที่ประธานพูดเชิงว่าจัดงานเลี้ยงเพื่อขอบคุณ  อยากจะยกมือพูดจริงๆเลยว่า  "หนูไม่อยากได้ค่ะ  อยากให้ของขวัญจริงปล่อยหนูกลับบ้านพร้อมเงินก้อนนึง(งกเสมอต้นเสมอปลาย)ได้มั้ยคะ"

     แต่แค่แวบกลับก่อนนี่ก็หนาวๆร้อนๆละ  ขืนพูดไปมีหวังหัวหลุดจากบ่าแน่ 


     ดันนิสัยไม่เหมือนประเทศบ้านเกิดตัวเอง  อยู่ๆไปมันก็อึดอัดแบบนี้แหละนะ

     เฮ้อออ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คลังศัพท์ไว้ตั้งชื่อ

เราต่างเป็นกาลีในชีวิตใครบางคน

จำหน่ายคดีหัวใจ