เพศนั่นแหละ...ต้นเหตุ




     เราได้รับคำสั่งให้ช่วยงานที่หน่วยงานอีกหน่วยงานหนึ่ง

     อันที่จริง  ไม่ใช่เราคนเดียว  แต่เราและเพื่อนทั้งรุ่นได้รับคำสั่งให้ทำงานสองที่

     เมื่อรับคำสั่งมา  ก็ปฏิบัติไปตามนั้น  ทีนี้  หน่วยงานที่สองนั้นเขาก็จัดผู้ใหญ่มาช่วยอบรมดูแลแก่เราและเพื่อน  ในที่นี้  ขอเรียกผู้ใหญ่เหล่านี้ว่า  ติวเตอร์
     และเราได้ติวเตอร์ผู้ชาย...

     แล้วทุกอย่างก็ดำเนินไปตามครรลองของมัน  พร้อมกับสภาพอิดโรยของพวกเราแต่ละคนที่ต้องวิ่งรอกสองที่  เพื่อความสัมฤทธิ์ของผลงาน
     ...เขาสั่งก็ต้องทำอ่ะนะ

     จนกระทั่ง



     ตอนเช้าของวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา  ขณะที่เราเข้าไปที่โต๊ะของติวเตอร์เรานั้นเอง  ผู้ใหญ่สามท่านที่อยู่บริเวณนั้น  ก็เข้ามาหาเราแล้วบอกว่า

     "อาจารย์หนูน่ะ น็อค ไปแล้ว"

     "คะ?!"

     แล้วท่านทั้งสามก็ช่วยกันเล่าว่า  เมื่อเย็นวันพุธตอนช่วงเลิกงาน  จู่ๆท่านก็สังเกตว่า  ติวเตอร์เรามีอาการโงนเงน  เหมือนหายใจไม่ออก  แล้วก็วูบไป  ท่านๆจึงช่วยกันพาติวเตอร์เราไปโรงพยาบาล  เป็นเหตุให้วันนี้ติวเตอร์ไม่มาทำงาน
....หนึ่งในนั้นกล่าวทิ้งท้ายว่า  "วันนี้มีอะไรไม่เข้าใจมาถามพี่ได้นะ"

     เนื่องจากทำงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จแล้ว  เราจึงกลับลงมาช่วยงานหัวหน้าต่อ  (สองจ๊อบก็จะยุ่งๆหน่อย)

     อย่างไรก็ดี  ด้วยความเป็นห่วงปนอยากรู้  เราเลยโทรศัพท์หาติวเตอร์เพื่อไถ่ถาม  เมื่อท่านไม่รับสายเลยฝากข้อความถามไถ่และอวยพรให้หายจากเจ็บป่วยไปด้วย
     แล้วก็ทำงานต่อ (โอย...)

     หลังจากทำงานไปเรื่อยๆ  เพื่อนเรากลับจากที่ทำงานที่สองมาที่ห้อง  เลยถามว่าเขาคุยกันถึงติวเตอร์เรามั้ย  เพื่อนเราจึงเล่าว่าเขาจะไปเยี่ยมติวเตอร์เราที่โรงพยาบาล
     หูผึ่งเลย  อยากไปเยี่ยมด้วย(ทั้งที่ไม่ได้สนิทอะไรกับท่านอื่นเล้ย)

     สุดท้ายเราเลยไปหาข้อมูลจนรู้ว่า  ติวเตอร์เรากลับไปพักผ่อนที่บ้านแล้ว
...โอเค  กลับมาทำงานที่ห้องเดิมต่อ

     อย่างไรก็ดี  ตอนเย็นวันนั้นเรากลับรู้สึกไม่สบายใจ


     สาเหตุแห่งความไม่สบายใจนั้นมีสองประการ

     หนึ่ง  เราถามตัวเองว่า  การโทรศัพท์ไปหาคนไม่สบายแบบที่เราทำนั้นถือเป็นการเสียมารยาทหรือไม่
ยังหาคำตอบไม่ได้  แต่นั่นไม่แย่เท่าข้อสอง  คือ

     สอง  การที่เราส่งข้อความไปแบบนั้น  ทั้งๆที่เราและติวเตอร์เป็นคนละเพศกัน  เป็นเรื่องที่เหมาะสมหรือไม่

     และเรายังคงคิดไม่ตกมาจนวันนี้



     พอคิดไม่จบเสียที  เราเลยพาลไปโทษว่า  เพราะว่าคนเรามี  "เพศ"  นั่นแหละ  ถึงเป็นสาเหตุของความไม่สบายใจที่เป็นอยู่

     ว่ากันตามตรง  หากติวเตอร์เราเป็นผู้หญิง  เราจะไม่รู้สึกอะไรเลยกับการส่งข้อความไปแบบนั้น  ต่อให้เราจะเพิ่มข้อความว่า "เป็นห่วง"  ไปด้วย(แต่ที่ส่งไปไม่มีคำว่าเป็นห่วงหรอกนะ)  เราก็คงจะไม่รู้สึกอะไร  เพราะเป็นเพศเดียวกัน
     แต่กับเพศตรงข้ามความรู้สึกมันไม่เป็นแบบนั้น

     แม้แต่กับเพื่อนก็เถอะ  เพื่อนเพศเดียวกันนี่  ไม่ว่าจะนั่งพิงกัน  จับมือ  เดินกอดคอกัน  หรือหยอกล้อกันด้วยข้อความหวานแหวว  เรากลับไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจอะไรมากนัก
     ในทางกลับกัน  กับเพศตรงข้ามนี่  จะส่งข้อความ  จะคุยด้วย  จะแสดงท่าทีอะไรแต่ละครั้ง  คิดแล้วคิดอีกว่า  มันเหมาะสมไหม  มันดูมากไปกว่าความเป็นเพื่อนธรรมดาหรือเปล่า  มันจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดอะไรบ้าง

     เราคิดว่าเราควรมีสิทธิ์ห่วงติวเตอร์ตัวเอง  แต่เราไม่รู้ว่าการส่งข้อความไปหามันเป็นการมากไปและไม่เหมาะสมรึเปล่า

     เราไม่รู้ว่าคนต่างเพศกันควรรักษาระดับความสัมพันธ์อยู่ที่ระดับไหน  จึงจะเหมาะสม

     เราไม่รู้  ว่ามีคนทำแบบนี้ไหม  แล้วคนที่ทำเขากลุ้มใจแบบที่เราเป็นรึเปล่า

     เรารู้แต่ว่า  ตอนนี้เราโคตรประสาทกินเลย

     โอ๊ย  ทำไมการติดต่อสื่อสารกับเพศตรงข้ามมันถึงวุ่นวายขนาดนี้นะ!?!



     เพศนั่นแหละ  เพราะเพศแท้ๆเทียว  ต้นเหตุของความวุ่นวาย  ไม่เฉพาะตัวเราเองที่วุ่นวาย  โลกนี้มันก็วุ่นวายเพราะความมีเพศหญิงเพศชายมาไม่รู้เท่าไหร่  ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความไม่เท่าเทียมกันทางเพศ  การกดขี่ทางเพศ  การทารุณกรรมทางเพศ  การชิงรักหักสวาทจนนำมาสู่โศกนาฏกรรมทั้งหลาย(ก็ยังไม่เห็นว่ามีการชิงรักหักสวาทเพศเดียวกันรุนแรงเท่า)
     เห็นมั้ย  ปัญหาจากการมีเพศมีเยอะแยะ

     ดังนั้น  มันคงจะดีนะ  ถ้าคนเราจะมีเพศเดียวกันให้หมด  เพื่อให้การติดต่อสื่อสารมันราบเรียบและไม่ต้องมีปัญหาจุกจิกให้วุ่นวายตัว  วุ่นวายใจ  เราจะได้สามารถมองทุกคนเป็นเพื่อนร่วมโลกได้อย่างเท่าเทียมกัน  แบบไม่ต้องมาแบ่งแยก  ไม่ต้องมาอคติอะไรกันให้วุ่นวายนัก

     ทั้งโลกควรมีแค่เพศเดียว!!!


     อะไรนะ  แล้วจะเพิ่มประชากรยังไงอ่ะเหรอ  เออ  ไม่รู้สิ  ว่าแต่  สมัยนี้วิทยาการก้าวหน้าจะตาย  หาเทคโนโลยีมาช่วยให้มีการเพิ่มประชากรโดยไม่ต้องให้มีสองเพศไม่ได้เหรอ???

     ....ไม่ได้สินะ....



     เรารู้ว่าความคิดนี้คงไม่มีวันเป็นจริง  และการมีเพศชายเพศหญิงก็ยังคงเป็นธรรมดาของโลกต่อไป
..ขอแสดงความยินดีด้วยกับคนที่ไม่เห็นด้วยกับเรา
     เออ  เราพาล  เรายอมรับ 

     ว่าแต่  ตกลง  สิ่งที่เราทำมันผิดมั้ยล่ะเนี่ย???


     นี่เราต้องมานั่งกลุ้มใจอะไรแบบนี้ไปตลอดชีวิตสินะ  โอ๊ย  อยากหลบไปอยู่ในหลุมที่ไม่ต้องยุ่งกับใครให้มันรู้แล้วรู้รอดไป

     เนี่ย  เห็นไหม  ตัวการที่ทำให้เครียดอยู่ทุกวันนี้เนี่ย


     เพราะ  "เพศ"  แท้ๆเลย


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คลังศัพท์ไว้ตั้งชื่อ

เราต่างเป็นกาลีในชีวิตใครบางคน

จำหน่ายคดีหัวใจ