เสียงครวญของเรือจ้าง : ค่าของความเป็น "ครู" อยู่ที่ไหน



    วันดีคืนดี  น้องสาวคนสนิทของเราก็ทักไลน์มา  ด้วยข้อความที่แสนจะห่อเหี่ยวใจ....



  น้อง  :  พี่คะ  เบื่อจัง  เบื่องานมากเลย...  พยายามคิดอยู่ว่า  ชีวิตต้องการอะไร


  เรา  :  อ้าว  เกิดอะไรขึ้นเหรอ
 
    (เป็นเรื่องที่แปลกมาก  เพราะปกติน้องเป็นคนที่รักในงานของตัวเอง  เลือกเรียนครุเอง  ชอบสอน  บอกว่าอยู่กับเด็กแล้วมีความสุข)


  น้อง  :  ที่มาเป็นครูเพราะชอบสอน  ชอบงานในห้อง  แต่ตอนนี้ต้องทำงานนอกห้อง...

    แล้วน้องก็เล่าให้ฟังว่าการเป็นอาจารย์ในโรงเรียนยุคนี้ต้องทำงานเอกสารโน่นนี่นั่น  เพื่อประเมินคุณภาพอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะมาก....

  น้อง  :  คิดดูสิคะ  ที่ทำก็ไม่ได้ชอบ  ที่ชอบก็ไม่ได้ทำ  สู้ครูสมัยก่อนก็ไม่ได้  อยู่กับตัวเอง  สอนอย่างเดียว  เดี๋ยวนี้อย่างกับคนจัดอีเวนท์  ทุเรศตัวเองทุกครั้งที่พอเขาสั่งให้ทำก็ต้องทิ้งห้องเรียน  บอกเด็กว่า  ครูไปทำ...ก่อนนะ  เอางานอื่นมาทำก่อนแล้วกัน  อายตัวเอง  ยิ่งทำยิ่งรักงานน้อยลง


  เรา  :  เปลี่ยนโรงเรียนไม่ได้เหรอ


  น้อง  :  เหมือนกันทุกที่แหละค่ะ!!!  เว้นแต่ไปอยู่โรงเรียนที่ผอ.ไม่บ้าผลงาน  ซึ่ง.......ไม่ใช่ผอโรงเรียนหนู
              ประเมินทุกอย่าง  สอนก็ไม่ได้สอน  เวลาหาย  ความสุขไม่มี...


  เรา  :  เฮ่ย  แล้วแบบนี้เด็กจะเรียนทันเหรอ            


  น้อง  :  คือถ้ามีลูกจะส่งลูกเรียนพิเศษเลยอ่ะ  แต่ไม่โทษครูนะ  เข้าใจปัญหา

              แล้วคือ  พอเป็นแบบนี้  หนูเลยรู้สึกว่างานที่ทำมันไม่มีคุณค่า  ไม่ได้ให้ประโยชน์ที่แท้จริงกับเด็ก  สิ่งที่ทำน่ะแค่ทำตำแหน่งให้เจ้านายอย่างเดียว


  เรา  :  ควรคืนครูให้เด็กนะ....


  น้อง  :  ที่ตลกคืออะไรรู้ไหมคะ  คือคนมาประเมินก็รู้ว่าไอ้ที่ทำๆไป  มันหลอกลวง  เชื่อไม่ได้  แต่ก็หลอกโรงเรียนว่าเชื่อ  ประเมินไปตามสิ่งที่ส่งไป


  เรา  :  เฮ้ย  มันไม่มีทางแก้อะไรเลยเหรอ


  น้อง  :  ยากค่ะ  เพราะเขาประเมินครูด้วยเกณฑ์แบบนั้น  แล้วทุกคนอยากก้าวหน้า  อยากได้เงินเพิ่ม  อยากได้รางวัล  ทุกคนจึงวิ่งตามระบบประเมินแบบไม่มีใครคิดอะไร
              หนูไม่แน่ใจว่าโรงเรียนอื่นเป็นไง  คงมีทั้งโรงเรียนที่แย่และดีกว่านี้  แต่ตอนนี้เบื่อมากจริงๆ


  เรา  :  (แต่หนูคิดนี่นา-นึกในใจ)  ควรประเมินผลจากการสอนนะ


  น้อง  :  มันไม่เห็นประจักษ์แบบชิ้นงานพวกนี้ไงคะ  เอาล่ะ  ตอนนี้จะตั้งใจเรียนกฎหมายแล้ว(คือเธอเรียนนิติศาสตร์ภาคบัณฑิตเพื่อเพิ่มพูนความรู้อยู่)  และจะสอบเนติฯด้วย!!!  เผื่อเปลี่ยนสายงาน  อันที่จริง  เป็นครูดีตรงที่ตำแหน่งมันไปของมันเรื่อยๆนะคะ  แบบไม่ต้องรอใครเกษียณด้วย  แต่....
              จะลองสายกฎหมายละ


  เรา  :  เอาเลยจ้าา  มีไรให้ช่วยก็บอก  เอ้อ  พี่เอาเรื่องไปลงบล็อกนะ  จะมีใครฟ้องหมิ่น
ประมาทมั้ยเนี่ย???


  น้อง  :  อย่าใส่ชื่อสิคะ  เค้ารู้กันหมดแล้วล่ะค่ะ  ระบบนี้น่ะ  555555555


  แล้วเราก็คุยสัพเพเหระเรื่องอื่นกันต่อ



    แต่ที่อยากลง  เพราะรู้สึกไม่เห็นด้วยที่เอาระบบประเมินมาตัดโอกาสในการเรียนรู้ของเด็ก  เราไม่คิดว่าการที่ประเมินได้ดีแต่นักเรียนไม่มีความรู้อะไรเลย  จะทำให้คุณค่าของสถานศึกษาเพิ่มไปได้

   อยากได้อนาคตของชาติที่  "ฉลาด"  ไม่ใช่เหรอคะ  ถ้าไม่สอนให้ดี  แล้วเด็กจะเก่ง  จะเป็นความหวังของประเทศได้อย่างไรคะ  ไอ้กระดาษประเมินที่ทำกันน่ะ  มันเอามาป้องกันประเทศ  เอามาว่าความ  เอามารักษาคนไข้ได้รึไงคะ


    คุณค่าของ "การเป็นครู"  ควรอยู่ที่  "การสอน"  ไม่ใช่เหรอคะ?
               

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คลังศัพท์ไว้ตั้งชื่อ

เราต่างเป็นกาลีในชีวิตใครบางคน

จำหน่ายคดีหัวใจ