เรื่องแต่ง กับ เรื่องจริง

                    สวัสดีวันศุกร์ในปีที่กุมภามี 29 วัน ค่ะ คุณผู้อ่าน

                    ปีนี้ทำงานหนักหน่อยนะคะ ไปอ่านจากไหนไม่รู้ เขาบอกว่า เดือนทุกเดือนในปีนี้กินเวลา 5 สัปดาห์ เป็นอย่างน้อย ทุกเดือนเลย แม้แต่กุมภาพันธ์ยังมี 5 สัปดาห์เลย(สลบแปบ) บางเดือนมี 6 สัปดาห์ด้วย(กรี๊ด) อะไรคะเนี่ย มะโรงปีนี้เป็นปีแห่งการทำงานเหรอคะ??? 


                    จู่ๆก็อยากเขียนหัวข้อนี้ค่ะ อันเนื่องมาจากเห็นนวนิยาย หนัง ละคร หลายๆเรื่อง แล้วเผลอเอามาเทียบกับชีวิตจริงแล้วแบบว่า เอ๊อ มันก็ไม่ใช่อย่างที่นิยายว่าเสมอไป...รึเปล่า?

                    ออกตัวก่อนว่าเขียนจากความรู้และประสบการณ์ที่มีในตัวนะคะ ไม่ได้ค้นจากที่ไหนเป็นพิเศษ ถ้าไม่ถูกใจใครก็ขอโทษไว้ด้วยล่วงหน้า      


                    ว่ากันด้วยเรื่องประเด็นทางกฎหมายก่อน ที่นึกออกเช่น

        เรื่องแต่ง : เป็นน้าไม่มีสิทธิเลี้ยงดูหลาน ต้องส่งมอบหลานให้ย่า

                    จำได้ว่ามีละครเรื่องนึงค่ะ มีชายหญิงคู่นึงแต่งงานกัน มีลูก แล้วทั้งพ่อทั้งแม่ตาย ตัวนางเอกเป็นน้องสาวผู้หญิง(แม่ที่ตาย) เลี้ยงหลานแทนพี่สาวมา ส่วนพระเอกเป็นน้องชายผู้ชาย(พ่อที่ตาย) แม่ของพระเอกสั่งว่าให้ลากหลานกลับมาอยู่ในครอบครอง ก็เลยมาบังคับนางเอกว่าเธอไม่มีสิทธิ คืนหลานให้แม่ฉัน(ย่าของเด็ก)ซะ 

                    ฉันคงไม่อะไรกับเรื่องนี้ถ้าฉันไม่ได้เรียนกฎหมาย แต่ตูจบนิติฯเฟ้ย!

        เรื่องจริง : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1585 วรรคหนึ่ง (รู้สึกเหมือนตูกะลังทำข้อสอบอยู่เลยง่ะ) "บุคคลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะและไม่มีบิดามารดา จะจัดให้มีผู้ปกครองขึ้นในระหว่างที่เป็นผู้เยาว์ก็ได้.."

                    ตีความตามตัวบทคือ ผู้ปกครองเป็นใครก็ได้ค่ะ ไม่จำกัดว่าต้องเป็นอะไรกับเด็ก ในทางปฏิบัติ ใครเลี้ยงมา คนนั้นแหละผู้ปกครอง พระเอกแกจะมาแย่งเด็กแบบนี้ไม่ได้โว้ย นี่ถือว่านางเอกเป็นสไตล์นางเอกหนังไทยทั่วไปสินะ เลยมาข่มแบบบ้าๆบอๆ มาทรงนี้ใส่เด็กนิติเดี๋ยวฟ้องศาลแม่งเลย!!! แต่คือเข้าใจว่าด้วยความละครไทย นางเอกคงไม่ได้ร้องต่อศาลให้ตัวเองเป็นผู้ปกครองให้ถูกต้องตามกฎหมายแหงๆ แล้วความนางเอกไทย ไม่ได้ฉลาดอะไรนัก เลยโดนฝ่ายพระเอกขู่เข็ญได้ต่างๆนานา คนดูถอนใจแล้ว 1 

                    ...ก็ไม่แปลกใจที่ยายคนเขียนเป็นนางเอกนิยายไทยไม่ได้...         

     

        เรื่องแต่ง : พ่อแม่มีหนี้สิน ลูกก็เลยต้องทำทุกอย่างเพื่อใช้หนี้ทั้งหมด อันนี้พล็อตน้ำเน่านานาชาติมาก แต่เราจะไม่ก้าวก่ายเรื่องของชาติอื่น เรามาว่ากันด้วย กฎหมายแห่งราชอาณาจักรไทย 

        เรื่องจริง : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1601 กล่าวว่า "ทายาทไม่จำต้องรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดกที่ตกได้แก่ตน" แปลให้เข้าใจได้ว่า สมมติพ่อแม่เรามีหนี้สิน พอพ่อแม่ตาย ถามว่าเจ้าหนี้ฟ้องให้เราจ่ายเงินแทนพ่อแม่ได้ไหม ตอบว่าได้ แต่เรารับผิดแค่ไม่เกินทรัพย์สินของพ่อแม่(มรดกของพ่อแม่)ที่เราได้หลังจากพ่อแม่ตาย

                    สมมติว่าพ่อแม่เรารวยมาก(แล้วเป็นหนี้ได้ไงวะ//อย่าเพิ่งขัดตัวเองสิเฮ้ย!) หลังพ่อแม่ตายเราได้มรดกมาร้อยล้าน เจ้าหนี้ของพ่อแม่ก็เรียกจากเราได้แค่ร้อยล้านเท่าที่ได้มรดกมา         

                    หรือ ถ้าหลังพ่อแม่ตาย ทรัพย์สินอย่างเดียวที่ได้มา คือที่นา 1 แปลง เจ้าหนี้ก็มีสิทธิยึดแค่ที่นาแปลงนั้นแหละ จะมายึดรถยึดบ้านเราไม่ได้ เพราะมันไม่ใช่ของพ่อแม่เรา 

                    หรือ อีกที หลังตายไม่มีมรดกอะไรให้เราสักแดงเดียว อันนี้เจ้าหนี้อยากฟ้องก็ฟ้องไป แต่บังคับอะไรไม่ได้เลยจ้ะ เพราะพ่อแม่ไม่เหลือทรัพย์อะไรให้บังคับเลยจ้ะ

                    ทำไมละครทั่วไปไม่กำหนดให้นางเอกจบกฎหมายและฉลาดๆมั่งนะ เวลาเจออะไรแบบนี้จะได้เอากฎหมายไปสู้กับเขาหน่อย เออ เข้ามาสิไอ้กร๊วก ฟ้องเท็จเจอฟ้องกลับ จะมาทวงหนี้แบบถือมีดมา ประเดี๋ยวฟ้องทวงหนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ติดคุกนะเฟ้ย! 

                    ...ผู้เขียนหนังสือเรื่อง "ความสวยไม่จีรัง แต่ความงั่งสิถาวร" กล่าวในหนังสือว่าเป็นผู้หญิงไม่ควรเรียนกฎหมายเพราะจะหาแฟนยาก สรณะของละครทั่วไปคงอยากให้ผู้หญิงมีแฟนล่ะมั้ง...

                    แต่ๆๆ ในความเป็นจริง ผู้ชายเดินจากเราไปได้ทุกเมื่อ แต่ถ้าก้มหน้าก้มตาเรียนนิติจนสอบผู้พิพากษาได้ จะมีเงินเดือนที่โดนบังคับเสียภาษี(เพราะเกินหนึ่งแสนห้าหมื่นบาทต่อปี)ให้ใช้ไปตลอดชีวิตนะคะ แน่ใจแล้วเหรอจะฝากชีวิตกับผู้ชายอย่างเดียวอ่ะ? (ไม่น่าแปลกใจที่ผู้พิพากษาสาวๆเป็นโสดกันเยอะมาก)

                    นี่ก็เป็นประเด็นที่ไม่ตรงกับข้อกฎหมายที่หาได้ในละคร จริงๆน่าจะมีอีกหลายเรื่องแต่นึกไม่ออก เดี๋ยวนึกออกจะมาเขียนบอกใหม่ละกัน 


                    สารพัดสารพันเท่าที่จะนึกออก

        เรื่องแต่ง : การย้อนเวลาและการเกิดใหม่ เออ สังเกตมะ ช่วงหลังๆเรื่องแบบนี้เยอะมากเลยนะ 

        เรื่องจริง : เป็นไปได้ แต่ไม่มีข้อมูลตัวอย่างให้เห็นจริง ยกเว้นการกลับชาติมาเกิดของบางคนและบางกรณี

                    เหตุที่บอกว่าเป็นไปได้ เพราะเคยอ่านจากไหนไม่รู้ เขาบอกประมาณว่า การย้อนหรือข้ามเวลาเป็นสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ เพราะเวลาเดินทางเป็นเส้นตรง ถ้าเกิดเราออกจากจุดของเวลาที่พอเหมาะพอดี เราอาจสามารถเดินกลับไปเวลาเบื้องหลัง(อดีต) หรือ เดินข้ามไปเวลาเบื้องหน้า(อนาคต) ได้ อย่างไรก็ดี เราก็ไม่เคยเห็นข่าวหรือประสบกับตัวเองนะว่า มีใครข้ามเวลามาจากอดีตหรือจากอนาคตแล้วบ้างจริงๆ

                    ส่วนการเกิดใหม่แล้วระลึกชาติ เคยอ่านหนังสือของคุณดังตฤณ เธอเคยพูดประมาณว่า เกิดขึ้นได้กรณีที่ตายจากความเป็นปุ๊บแล้วมาเกิดเป็นคนอีกรอบแทบจะทันทีหลังจากตาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามาเกิดกับคนใกล้ชิดเดิมหรือใกล้กับสถานที่เดิม โอกาสจำได้มี แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่ตายแล้วจะกลับมาเกิดเป็นคนอีกทันทีล่ะนะ นานๆจะออกข่าวสักรอบกระมัง 

                    ได้ยินคนที่ดูละครบุพเพสันนิวาสแล้วเพ้อพกว่า เหตุที่ฉันไม่มีแฟน เพราะเนื้อคู่ฉันอยู่คนละช่วงเวลา อะไรแบบนั้น คือ แบบว่า อยากเชื่ออย่างนั้นก็ไม่ผิดนะ(ก็ถ้าคนบางคนยังเชื่อว่าคู่ตัวเองไม่ลงมาเกิดได้ การที่ใครหลายๆคนจะเชื่อว่าคู่อยู่คนละภพ ก็ไม่ผิดป่ะ) แต่อย่าหมกมุ่นถึงขนาดไม่เป็นอันกินอันนอนจนเดือดร้อนคนรอบข้างละกัน ใช้ชีวิตของเราไปค่ะ ถ้ามีวาสนาต่อกันเดี๋ยวก็ได้เจอกันเองแหละ

                    สุดท้ายที่อยากฝากสำหรับหัวข้อนี้ พึงสังวรณ์ว่าในชีวิตจริง โอกาสตายแล้วฟื้นโดยเฉพาะฟื้นแบบย้อนกลับไปในอดีตก่อนปัญหาเกิดนั้น น้อยมากจนแทบไม่มี ฉะนั้น ในขณะที่มีชีวิต จงเลือกคนรักให้ถูกคน เลือกคบเพื่อนให้ถูกคน และดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขมากที่สุด อย่ารอให้ชีวิตแหลกเหลวแล้วค่อยคิดจะแก้ไข เพราะบางที โอกาสนั้นอาจไม่มีวันมาถึง


        เรื่องแต่ง : ความรัก กับ การมีอะไรกัน เป็นเรื่องเดียวกัน

                    เรารู้ว่าการเขียนเรื่องนี้นั้นหมิ่นเหม่มาก แต่คุณผู้ใหญ่ทั้งหลาย คุณลองไปดูการ์ตูนตาหวานที่เป็นการ์ตูนโรแมนติกหลายๆเรื่องดูสิ แม่งโคตรปลูกฝังเรื่องนี้เลยว่า ถ้าผู้หญิงรักแต่ไม่ยอมผู้ชาย เท่ากับไม่รักจริง

                    ซึ่งแม่งโคตรไม่จริง!!

                    แล้วมันเป็นแนวคิดที่อันตรายมากเลยนะ ถ้าเด็กผู้หญิงอ่านแล้วเชื่อ มันจะกลายเป็นช่องทางให้ผู้ชายหลายคนเอาเปรียบสตรีที่ไร้สติได้ง่ายๆ ทางการควรเข้มงวดกับการ์ตูนพวกนี้และอย่าให้มันมาล้างสมองเด็กเป็นอันขาด อันตรายมากเลยทีเดียวล่ะ

        เรื่องจริง : คนละเรื่องโว้ย!! รักกันต้องให้เกียรติกันและไม่เอาเปรียบกันสิวะ หัดทำให้ได้แบบพระเอกเรื่อง marry my husband บ้างสิวะ!!  


        เรื่องแต่ง : พระเอกคลั่งรัก แสนดี เพอร์เฟค 

                    สืบเนื่องจากฟีดที่ขึ้นมาคับคั่งของเรื่อง marry my husband ทำให้คนที่ไม่เคยอ่าน(เพิ่งไปแอบอ่านตอนจบหลังจากเห็นกระแส)ไม่เคยดูอย่างฉันพลอยรู้เรื่องไปด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้ พอค้นข้อมูลไปดันรู้สึกได้ถึงความรักอันท่วมท้นที่พระเอกมีให้นางเอกตลอดเรื่อง แล้วเกิดความอบอุ่นใจอย่างแปลกประหลาด

                    สังเกตไหม นิยายต่างๆเนี่ย สิ่งที่เห็นกันดาษดื่นคือพระเอกคลั่งรัก เราจะไม่ค่อยเห็นนวนิยายที่ชูความคลั่งรักของนางเอก เดาเอาเองว่าคนแต่งเป็นผู้หญิง หรือไม่ ก็แต่งเพื่อให้ผู้หญิงอ่าน(เสพ) แล้วสิ่งที่ผู้หญิงต้องการคืออะไร ก็คือคนรักที่รักเรามากยังไงล่ะ มันเลยกลายเป็นสิ่งจำเป็นในนิยายหลายเรื่อง โน่นก็พระเอกรักนางเอกมาก นี่ก็พระเอกรักนางเอกมาก (กินยาลดน้ำตาลในกระแสเลือดแปบ) เสริมความช่างฝันเพิ่มขึ้นด้วยการให้พระเอกรวยล้นฟ้า อำนาจมากเหลือ ฉลาดเฉลียว แล้วยอมสยบแก่นางเอกคนเดียว เปย์ให้นางเอกทุกอย่าง เออออ มันเป็นสิ่งที่ลึกๆแล้วผู้หญิงหลายคนใฝ่ฝันจริงๆน่ะแหละ 

                    ส่วนชีวิตจริง... ก็คงมีค่ะ มีทุกอย่างทุกรูปแบบ ตั้งแต่ผู้ชายโคตรเลวที่ทำร้ายผู้หญิงสารพัด ผู้ชายกึ่งดีกึ่งร้าย ผู้ชายธรรมดาทั่วไป และผู้ชายที่รัก..แฟนมาก ก็คงมีอยู่..จริงๆ ถ้าตามความเห็นของเรา ผู้ชายในนิยายเหล่านั้น...ไม่มีตัวตนในชีวิตจริง (หยุดมโนก่อนนะสาว) แต่เราเชื่อว่าผู้ชายที่รักแฟนมากและทำทุกอย่างให้แฟนมีความสุข มีอยู่จริง..ที่ไหนสักแห่ง เพราะฉะนั้น ไม่ผิดถ้าคุณผู้หญิงจะหวัง จริงๆมันควรเป็นมาตรฐานในการหาคู่ซะด้วยซ้ำว่า ไม่ว่าคุณจะหล่อได้โล่ห์ รวยล้นฟ้า หรืออะไรก็ตาม ถ้านายไม่สามารถเป็นแฟนที่ดี รักเราในทางที่เหมาะสม(เจอโรคจิตประเภทขี้หึงเกินไป อะไรงี้ ก็ไม่ไหวนะ) เป็นแฟนแล้วทำให้เรามีความสุขมากกว่าตอนอยู่คนเดียว นายออกจากชีวิตเราไปเลยนะ อะไรแบบนี้ แต่ในทางกลับกัน คุณผู้หญิงเองก็ต้องเป็นแฟนที่ดีที่ทำให้แฟนมีความสุขมากกว่าตอนโสดด้วยเช่นกันนะคะ เรื่องแบบนี้ต้อง reciprocal ค่ะ (หาคำจำกัดความเป็นภาษาไทยไม่ได้จริงๆ) 

        เรื่องจริง : มี แค่มีจำกัด(เป็น limited edition 555) และอยู่ที่ว่า จะหากันเจอรึเปล่า(สุดแท้แต่ดวงชะตาและความสามารถในการเลือก)


                    ก็นึกออกเท่านี้ ว่าแล้วตัดจบเลยดีกว่า อย่าหลงเพ้อกับละครจนลืมโลกแห่งความเป็นจริงนะคะ ใช้ชีวิตให้มีความสุข รักษาสุขภาพ มีความรู้รอบตัวให้มาก หาเงินใช้ด้วยตัวเองให้ได้ พาตัวเองเข้าไปอยู่กับเพื่อนดีๆและรักษาคนเหล่านั้นไว้ แค่นี้ชีวิตก็โอเคระดับหนึ่งแล้วล่ะค่ะ


                    สวัสดีค่ะ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คลังศัพท์ไว้ตั้งชื่อ

เราต่างเป็นกาลีในชีวิตใครบางคน

จำหน่ายคดีหัวใจ