เที่ยวแล้วเล่า : พิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยา

                  

                    สวัสดีวันศุกร์สุดท้ายของปี 2566 ค่ะ คุณผู้อ่าน

                    สารภาพ เราลืมไปเลยว่าวันจันทร์เป็นวันคริสต์มาส แหะ อย่าว่าเราเลย แต่ไหนแต่ไรมา ความทรงจำเกี่ยวกับวันที่ 25 ธันวา ของเรา คือมันเป็นวันสอบกลางภาคสมัยเรียนง่ะ (ชีวิตเด็กสถาบันรัฐที่เป็นสถาบันพุทธก็จะประมาณนี้)

                    ปีเถาะกำลังจะผ่านไป มีมะโรงกำลังจะเข้ามา(พร้อมๆกับการก้าวเข้าอายุสามรอบของใครบางคนแถวๆนี้) แล้วนะคะ ปีหน้าคนเกิดปีจอชง 100% นะคะ (นอกจากจอก็ฉลู มะโรง และมะแม ชงด้วย แต่ไม่แรงเท่า) ใครเชื่อเรื่องนี้ก็ไปแก้ชงกันได้ 

                    ปีใหม่มักเป็นเทศกาลแห่งการท่องเที่ยว วันนี้เราก็เลยนำสถานที่ท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวมาเล่าให้อ่านค่ะ


                    คุณผู้อ่านเคยไปจังหวัดพระนครศรีอยุธยาไหมคะ หากเคยไป ไปไหนมาแล้วบ้างเอ่ย

                    ช่วงนี้กระแสอยุธยาฟีเวอร์เพิ่งกลับมา อันเนื่องจากละคร "พรหมลิขิต" ภาคต่อของ "บุพเพสันนิวาส" เพิ่งจะลาจอไปไม่นาน ได้ยินว่าคนกลับไปเที่ยวจังหวัดพระนครศรีอยุธยากันมากมาย

                    ว่าแต่ เคยไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ประจำจังหวัด กันหรือยังคะ? 

                    พิพิธภัณฑ์ที่กล่าวข้างต้นก็คือ "พิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยา" ค่ะ สาเหตุที่เราไปเที่ยวชมก็เนื่องมาจากดูรายการ "เปิดตำนานกับเผ่าทอง ทองเจือ" ซึ่งตอนหนึ่งอาจารย์เผ่าทองแกพาไปชมที่นี่ บ้านเราก็เลยไปตามรอยอาจารย์เธอสักหน่อย


                    ณ ตอนที่เราไปนั้น พิพิธภัณฑ์แห่งนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงซ่อมแซมอยู่หลายจุด คงเหลือห้องในตึกๆหนึ่ง คาดว่าเป็นตึกหลัก จัดแสดงอยู่ ซึ่งนิทรรศการที่ให้บริการนักท่องเที่ยวนั้นมาในธีม “เครื่องทอง” 

            ใช่ค่ะ ทองอร่ามทีเดียว 


            พอขับรถผ่านรั้วเข้าไปเราก็เลี้ยวขวา จะมีคุณเจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งคอยช่วยโบกรถอย่างอารีอารอบ จากนั้นก็เข้าสู่ตัวอาคาร จะมีเจ้าหน้าที่นั่งดักหน้าประตูคอยแจ้งว่า “บัตรเข้าชมท่านละสามสิบบาทนะคะ แต่หากอายุตั้งแต่ 60 ขึ้นไปเข้าชมฟรีค่ะ” 

            แม่เราเข้าฟรี

            บุคคลที่ไม่ต้องเสียค่าเข้าชมจะต้องลงชื่อในสมุดเล่มใหญ่ที่วางอยู่หน้าประตูทางเข้าก่อน 

            ส่วนเรานั้นก็ซื้อบัตร รับเอกสารประกอบ แล้วเดินขึ้นชั้นบนเข้าชมห้องจัดแสดง 


            ตอนที่ไปเที่ยว เขาเปิดให้เข้าชมแค่อาคารเดียว และทุกอย่างถูกวางไว้ที่ชั้นบนของอาคาร เมื่อขึ้นบันไดแล้วให้เราเลี้ยวขวาเข้าประตูไป

            ในห้องจะมืดมากถึงมากที่สุด แต่ข้อดีของการจัดไฟแบบนี้คือ มันตัดกับวัตถุและสิ่งของต่างๆที่นำมาปรากฏแก่สายตานักท่องเที่ยว ความมืดของห้องทำให้ดาบ พระพุทธรูป เครื่องประดับ และของสีทองต่างๆ ดูอร่ามตายิ่งไปอีก 

            พวกเราก็เดินชมตามทางไปเรื่อยๆ มีห้องที่จัดแสดงทั้งสิ้น 8 ห้อง ของแต่ละอย่างที่จัดแสดงนั้น เท่าที่ศึกษาข้อมูล เป็นของแต่ครั้งสมัยอโยธยานั้นแล แต่ละชิ้นคือแกะสลัก ทำขึ้น อย่างวิจิตรบรรจง สีทองนั้นดูอร่ามตา ให้นึกสงสัยว่า ครั้งกระโน้นแร่ทองคงหาได้ง่ายกระมัง 

            นอกจากข้าวของเครื่องใช้ พระพุทธรูป แล้ว มีบางห้องที่มีรูปจำลองตัวเมืองอยุธยาครั้งก่อน และมีห้องหนึ่งจัดแสดงรูปจำลองของสถานที่ซึ่งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าไว้ ซึ่งแต่ละห้องก็จะมีข้อมูลกำกับไว้พอให้นึกตามได้บ้าง 


            มีสิ่งหนึ่งที่เราพึ่งนึกขึ้นได้ตอนนั่งเขียนบทความอยู่นี่ จำได้ว่าตอนชมรายการเปิดตำนานฯ จะมีวิดีทัศน์หนึ่งที่ ให้นักท่องเที่ยวไปยืนที่กล้องให้ถ่ายรูป แล้วเครื่องจะประมวลผลบอกมาว่า นักท่องเที่ยวหน้าเหมือนคนโบราณแบบไหนหรือคนไหนสักอย่างหนึ่ง ทำไมตอนไปเราไม่เจอหว่า?? 


            ก็ดีค่ะ การชมพิพิธภัณฑ์เป็นการเปิดหูเปิดตา เปิดโลก และได้ความรู้ แต่ความสนุกอย่างหนึ่งของเราในวันนี้ที่เพิ่มขึ้นมาคือ เราเริ่มตั้งโจทย์ให้ตัวเองต้องถ่ายรูปโดยปรับกล้องมือถือเป็นโหมดโปร คือ สามารถตั้งค่ารูรับแสง สปีดชัตเตอร์ได้ คราวนี้ก็หมุนสนุกเลยทีเดียว (กล้องเรามันปรับชดเชยแสงไม่ได้ง่ะ ไม่รู้ทำไม) แล้วก็ลองถ่ายนั่นถ่ายนี่ไปเรื่อย ดีค่ะ ได้เรียนรู้การใช้กล้องแบบมืออาชีพมากขึ้น แม้ฝีมือจะยังไม่มืออาชีพเลยก็ตาม 


            เมื่อชมครบทั้งแปดห้องเราก็กลับลงมาที่ชั้นหนึ่ง แม่ตรงเข้าไปดูของที่ระลึกเพราะอยากช่วยอุดหนุนทางพิพิธภัณฑ์ พวกเราช้อปปิ้งกันพอหอมปากหอมคอ ผู้ดูแลบอกว่า เดี๋ยวปรับปรุงเสร็จจะเปิดอาคารด้านหน้าให้ชมดังเดิม 

            “มีโอกาสแวะมาใหม่นะคะ” 

            ได้ค่ะ มีโอกาสจะแวะมาใหม่ค่ะ 😉


            หากคุณผู้อ่านชอบไปพิพิธภัณฑ์ ชอบประวัติศาสตร์ และสนใจในวัฒนธรรมของประเทศเรา พิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยาก็เป็นอีกที่หนึ่งที่เติมความรู้ให้แก่คุณผู้อ่านได้ไม่น้อยไปกว่าที่ท่องเที่ยวแห่งอื่นเลยค่ะ แถมค่าชมก็ไม่แพงด้วย 

            แม่บอกว่า ของที่ระลึกก็ไม่แพงอีกด้วย ^_^ 

            อ่อ สำหรับหนอนหนังสือประเภทถ้าชอบเล่มไหนแล้ว เท่าไหร่ก็จ่าย ที่นี่มีหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์น่าสนใจหลายเล่มนะคะ (แต่ราคาสูงอยู่ค่ะ)


            หากคุณผู้อ่านมีโอกาสไปจังหวัดอยุธยาในครั้งหน้า เก็บ “พิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยา” เป็นหนึ่งทางเลือกในการท่องเที่ยว ดูสิคะ 


                    สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด มาชมภาพบางส่วนที่เราถ่ายมาจากพิพิธภัณฑ์กันเถอะค่ะ

            

ด้านนอกค่ะ


สวยเนอะ
                                                                          


ทองอร่ามเชียว



                    บทความนี้คงเป็นบทความสุดท้ายในปี 2566 ขอใช้โอกาสนี้ในการอวยพรปีใหม่ล่วงหน้า ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลกที่คุณผู้อ่านนับถือ จงดลบันดาลให้ปี 2567 เป็นปีที่สดใส ให้คุณผู้อ่านมีสุขภาพแข็งแรง คิดสิ่งใดสมหวัง ประสบแต่ความราบรื่นในการทำงาน แวดล้อมไปด้วยกัลยาณมิตร รื่นรมย์กับสถานะตัวเองไม่ว่าจะโสดหรือมีคู่ครอง และมีความสุขมากๆนะคะ
                    


            สวัสดีปีใหม่ค่ะ 😊 


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คลังศัพท์ไว้ตั้งชื่อ

เราต่างเป็นกาลีในชีวิตใครบางคน

จำหน่ายคดีหัวใจ