งานกาชาดกับฉัน

                    สวัสดีค่ะ คุณผู้อ่าน

                    ขณะนี้อยู่ในช่วงจัดงานกาชาดอยู่นะคะ คือระหว่างวันที่ 8 ธันวาคม ถึง 18 ธันวาคม 2566 เราจึงอยากเขียนถึงความทรงจำของเราเกี่ยวกับงานกาชาด และสิ่งที่เราคิดเห็นอีกครั้งเมื่อได้กลับไปงานกาชาดค่ะ

                   เราเคยไปงานกาชาดเมื่อเด็กมากๆ เพราะฉะนั้น ความทรงจำส่วนนึงจึงต้องมาจากคำบอกเล่าของแม่ แม่เล่าว่า สมัยเราเด็กๆประมาณ 5-8 ขวบ นั้น

        - งานกาชาดจัดที่สวนอัมพร คือแถวๆพระบรมรูปทรงม้า และจัดช่วงใกล้ๆกับงานหนังสือในเดือนมีนาคม

        - เราชอบไปงานกาชาด ชอบไปเดินตอนกลางคืน ไปเดินจับสลาก สอยดาว ตักไข่ และก็สนุกกับกิจกรรมเล่านั้นมากๆ

        - แต่เราไม่ชอบช้อปปิ้ง เราโวยวายว่าทำไมผู้ใหญ่ต้องไปเดินตามซุ้มขายของด้วย (นี่ก็จะสอยดาวอย่างเดียว ว่างั้น 555)

        พอโตกว่านั้นสักสี่ห้าปี แม่ก็เล่าว่าพอพาไปงานกาชาดเราไม่สนุกแล้ว ซึ่งแม่คิดว่าคงเพราะเราเริ่มมีความคาดหวังมากขึ้นในของรางวัลจากการสอยดาว พอไม่ได้ดั่งใจก็ไม่สนุก แล้วเราก็แทบไม่ได้ไปงานกาชาดอีกเลยนับแต่นั้น 


                    ธันวาคม 2566

                    เราเปิดไปเจอช่องยูทูปที่พาเที่ยวงานกาชาด ได้รู้ว่าเขาย้ายที่จัดจากสวนอัมพร มาเป็น สวนลุมพินี ความคิดแวบแรกของเราคือ

                    "ทำไมไม่จัดที่นี่ตั้งแต่ตอนอยู่จุฬาฯ จะได้ชวนเพื่อนไปเดิน" (นั่นก็สิบกว่าปีแล้วนะป้า อุ๊บส์) 

                    เรารับชมช่องๆนั้นไปเรื่อย เกิดความตื่นตาตื่นใจในอาหารหลากชนิดที่นำมาจัดจำหน่าย(โตมากลายเป็นสายกิน เอิ้ก) แล้วเราจึงอยากไปเดินงานกาชาดอีกครั้ง...ในรอบกว่าสิบปี นับแต่เดินงานกาชาดครั้งสุดท้าย 

                    แล้วเราก็ชวนแม่ไป 


                    เราเลือกเดินทางโดยรถไฟใต้ดิน ไปลงสถานีลุมพินี พบว่าต้องข้ามถนนจึงจะถึงสวนลุมฯ ขณะที่เรากำลังสงสัยว่า มันมีสถานีที่ไม่ต้องข้ามถนนไหม คู่พ่อลูกที่เดินอยู่เยื้องๆเราก็ตอบคำถามนั้น

                    ลูก - เอ๊ะมันต้องข้ามถนนด้วยเหรอ

                    พ่อ - ก็พ่อบอกแกแล้วว่าให้ลงสีลมๆมันถึงเลย แกก็จะลงลุมพินี

                    ลูก - อ้าว ก็สวนลุมมันก็ควรจะลงลุุมพินีมั้ยอ่ะพ่อ 

                    เราแอบหัวเราะกับบทสนทนาที่ได้ฟัง พร้อมกับได้ความรู้ว่า หากจะมาสวนลุมฯแบบไม่ต้องข้ามถนน ต้องลงสถานีสีลม 


                    เป็นเวลานานมากจริงๆที่เราไม่ได้มางานกาชาด พอกลับมาอีกครั้ง ก็พบว่าความน่าตื่นเต้นของตัวเองไม่ได้อยู่ที่การสอยดาวอีกต่อไป และเราก็ไม่ได้โวยวายกับการช้อปปิ้ง ก็ยังเดินเข้าซุ้มนั้นออกซุ้มนี้กับแม่ได้อย่างชิวๆ(แต่ก็ไม่ได้ซื้ออะไรมาก) มีช่วยทำบุญบ้างในบางที่..ที่เห็นแล้วอยากช่วย(บางซุ้มคือแทบไม่มีคนเลย ฉันก็เลยแบบ ป่ะช่วยซื้อสลากสอยดาวเขาดีกว่าแม่) ได้เข้าไปอุดหนุนโครงการในพระราชกุศลบางโครงการ ชมแพะและไก่ทรงเลี้ยงของสมเด็จพระเทพฯ เดินดูของกิน แต่ซื้อของกินไม่เยอะนัก เพราะไปหลังอิ่มข้าว(อิ่มมาก อิ่มอ้วน) ได้ของราคาถูกบางอย่างแบบไม่คิดว่าจะได้ เดินชมข้อมูลประวัติต่างๆตามแต่หน่วยราชการจะจัดมา และอื่นๆ อีกหลากหลาย

                    เราได้ค้นพบว่า การไปงานกาชาดในวัยสามทศวรรษกว่าๆนั้น ให้ความรู้สึกนึกคิดที่แตกต่างจากวัยเยาว์ เราไม่ได้ตื่นเต้นกับการจับสลาก..เท่าตอนเด็กๆ และ โอเคเราหวังกับรางวัล แต่เราก็ไม่ได้ผิดหวังอะไรนักเมื่อจับได้รางวัลเล็กๆ(โตพอจะรู้ว่าตัวเองไม่มีดวงกับการเสี่ยงโชค) เราซื้อสลากเพื่อเน้นการทำบุญ รางวัลที่ได้คือของแถม ความตื่นตาตื่นใจที่เพิ่มขึ้นมาคือการได้เห็นความสวยงามและความคิดสร้างสรรค์ในการจัดบูธของหน่วยงานราชการต่างๆ สนุกกับการลองกินสิ่งที่ไม่เคยกิน เอ๊ะอังเมื่อเห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น(กาแดง หรือกาชาดลาว นี่เพิ่งเคยเห็น) สนุกกับการ..ซื้อของราคาถูก(เริ่มช้อปปิ้งเป็นละ 55) 

                    กล่าวโดยสรุป มันก็ดีเหมือนกัน เปลี่ยนบรรยากาศและเปิดหูเปิดตา :) 


                    มาดูสิ่งที่ชอบบ้าง

                    1. แสตมป์ - หนึ่งในหน่วยงานที่มาเปิดบูธในงานกาชาดคือไปรษณีย์ไทย และสิ่งที่ไปรษณีย์ไทยนำมาลดราคาก็คือ แสตมป์ ซึ่งเราสะสมแสตมป์มานานแล้ว ได้เลยโอกาสช้อปปิ้งเก็บแสตมป์ที่น่าสะสมในราคาจับต้องได้ ซื้อมาแล้วรู้สึกว่า โคตรคุ้มค่า ^_^ นี่เริ่มสงสัยละว่ามาทุกปีไหม ถ้ามาทุกปีและขนแสตมป์ใหม่มา sale ทุกปี มันก็จะเป็นแรงบันดาลใจที่ดีในการไปงานกาชาดมาก อิอิ 

                    ว่าแล้วก็ มาอวดของ(บางส่วน) กันดีกว่า  

                                              เซตนี้ 40 บาท เป็นเซตที่รู้สึกว่า ล้ำค่า ที่สุดแล้ว 

                                                                  เซตนี้ 15 บาท สวยเนอะ

 ซองนี้ 6 บาท เธอ มันดีมาก     


                    2. สาระ - ตอนไปเยือนซุ้มของหน่วยงานจะเห็นว่านอกจากสินค้าและการสอยดาวยังมีข้อมูลหรือประวัติของเรื่องต่างๆ ซึ่งเราว่าหน่วยงานราชการแต่ละองค์กรทำซุ้มออกมาได้สวยนะ มีการลงประวัติความเป็นมาและรายละเอียดต่างได้ดี มีมุมถ่ายรูปสำหรับคนรุ่นใหม่ที่เน้นการอัพโซเชียล ส่วนเราๆก็เดินดูได้เพลินๆ 


                    3. บรรยากาศ - นอกจากไม่ได้ไปงานกาชาดมานาน นี่เพิ่งตระหนักว่าไม่ได้ไปสวนลุมมานานแล้วเหมือนกัน พอไปก็ โอ้ ใหญ่โตโอฬาร เดินกันไม่ทั่ว แถมมีมุมสวยๆ สงบๆ ด้วย ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมหลายคนชอบมาออกกำลังที่นี่ ละก็ พลาดจากงานดอกไม้ที่สวนแถวซีคอน มาดูที่สวนลุมก็ได้เด้อ มีมากไม่เท่าแต่ก็มี

                    ว่าแล้วก็ มาชมภาพที่เก็บมากันเถอะค่ะ :)








                    สำหรับใครที่ลังเลว่าควรจะไปงานกาชาดดีไหม ขอให้คำแนะนำตรงนี้ว่า ถ้าคุณ

                - ชอบหาของอร่อยกิน ชอบลิ้มรสอาหารหลากหลาย 

                - ชอบช้อปปิ้งของถูก

                - อยากร่วมทำบุญกับสภากาชาดไทย ไม่ว่าด้วยการบริจาคเงิน หรือ บริจาคเลือด 

                - มีดวงในการเสี่ยงโชค จับสลากทีไรได้รางวัลใหญ่ทุกที (ระวังโดนหมายหัวนะ 555) 

                - (สำหรับสาวๆ) ชอบไปที่คนเยอะๆเพื่อไปเหล่หนุ่ม มีหลายเชื้อชาตินะ หรือ (สำหรับหนุ่มๆ) ชอบไปเหล่สาว โดยเฉพาะสาวหลายคนสมัยนี้ที่แต่งตัวกันแบบ เปิดไหล่ เน้นหน้าอก โชว์สะดือ โชว์สะโพก อวดเรียวขา ขนาดตูเป็นผู้หญิงยังมองเพลิน ผู้ชายนี่...แม่บอกว่า ตาน่าจะเป็นกุ้งยิงกันไปเลยล่ะ 

                - ชอบไปไหนมาไหนตอนกลางคือ หรือ ชอบดูไฟยามค่ำคืน

                - สุดท้ายและท้ายสุด ชอบบรรยากาศในสวนลุมฯ 

                    ลองไปเดินเล่นชิวๆดูก็ได้นะคะ

                    อย่างไรก็ดี ถ้าคุณผู้อ่านไม่ชอบเรื่องข้างต้น เดินไกลๆ/นานๆไม่ไหว ไม่ชอบคนเยอะ หรือแม้แต่มีภูมิลำเนาไกลจากสีลมและสวนลุม รู้สึกว่าการมาสวนลุมเป็นการ "ได้ไม่คุ้มเสีย" แล้วล่ะก็ อยู่บ้านนั่งดูยูทูปเที่ยวงานกาชาดแทนก็ได้ค่ะ


                    สำหรับคนที่จะไปงานกาชาด ขอให้สนุกนะคะ

                    ช่วงนี้อากาศเปลี่ยน ฝุ่นเยอะด้วย เมื่อวานเราก็ปวดหัวหนักอยู่ คุณผู้อ่านดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ ด้วยความปรารถนาดี 

        

                    สวัสดีค่ะ 

                    

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คลังศัพท์ไว้ตั้งชื่อ

เราต่างเป็นกาลีในชีวิตใครบางคน

จำหน่ายคดีหัวใจ