เรื่องเล่าหนังสืออ่านเล่น : ฮิ ซ่างไห่ เสี่ยวหลงทาง

 ผู้เขียน : ทีมงานฮิกาซีน  

สำนักพิมพ์ : มังกรกินหมู

จำนวนหน้า : 296 หน้า

ราคา : 269 บาท 



                    สวัสดีวันศุกร์ค่ะคุณผู้อ่าน วันนี้อากาศเริ่มเย็นลง(อย่างน้อยก็แถวที่เราอยู่เนี่ย) ดูแลร่างกายให้อบอุ่นกันด้วยนะคะ ได้โอกาสใส่เสื้อหนาวแล้วค่ะ ลุย 555
                    สัปดาห์หน้าก็ได้หยุดวันส่งท้ายปีแล้ว ครื้มอกครื้มใจช่วงเทศกาลปีใหม่แบบนี้ มาอ่านหนังสือเบาสมองท่องเที่ยวกันดีกว่าค่ะ 

            ขอถามสักข้อก่อนแนะนำหนังสือ คุณผู้อ่านเคยไปเที่ยวงาน World Expo ไหมคะ หรือเคยไปเที่ยวที่เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน มาบ้างหรือยังคะ
           ค่ะ เราก็ไม่เคยไปเหมือนกัน (หาพวกซะเลย ฮ่า)
            วันดีคืนดีเราก็ไปเจอหนังสือ “ฮิ ซ่างไห่ เสี่ยวหลงทาง” ในกองหนังสือลดราคาค่ะ เห็นปกว่าเกี่ยวกับเซี่ยงไฮ้ เปิดดูในเล่มแบบลวกๆ เห็นว่าสี่สีทั้งเล่ม แล้วเลยรับกลับมาบ้าน
            วันนี้ฤกษ์ดี(หะ??) ได้โอกาสเปิดอ่าน อ่านแล้วก็มาเล่าต่อตามระเบียบ 
                    ใช่แล้วค่ะ วันนี้จะแนะนำหนังสือที่ชื่อ "ฮิ ซ่างไห่ เสี่ยวหลงทาง" นั่นเอง


            สรุปได้ว่า หนังสือเล่มนี้เกิดขึ้นเพราะผู้เขียนของ “ฮิกาซีน” (คือใครก็ไม่รู้นะไม่รู้จัก) อยากไปเซี่ยงไฮ้เพราะ ณ ขณะนั้น เซี่ยงไฮ้เป็นเจ้าภาพในการจัดงาน World Expo เขาจึงรวบรวมสมัครพรรคพวกเฮละโลไปเซี่ยงไฮ้กัน เพื่อเยี่ยมชมงาน World Expo และเที่ยวที่เมืองเซี่ยงไฮ้
                    สาระ - ชื่อภาษาจีนจริงๆของเซี่ยงไฮ้ คือ ซ่างไห่ และถ้าดูตัวสะกดเนี่ย แปลตรงตัวจะได้ความหมายว่า เหนือ(ซ่าง)ทะเล(ไห่) เรื่องพวกนี้เพิ่งมาสังเกตเห็นตอนเรียนภาษาจีนค่ะ รู้แล้วก็เล่าสู่กันฟังต่อไป 
                    แล้วถ้าสังเกต "ซ่างไห่" ก็คือชื่อหนังสือด้วย เห็นไหมคะ :) 
            แค่อ่านจุดเริ่มต้นก็น่าสนุกแล้ว 


            และหนังสือทั้งเล่มที่อยู่ในมือเรานี้ก็เปรียบประหนึ่งบันทึกการเดินทางของทีมงานฮิกาซีนทั้งหกคน ตั้งแต่เริ่มตั้งใจที่จะไป การไปขอวีซ่า เรื่องราวที่สนามบินสุวรรณภูมิ วีรกรรมของพวกเขาในเซี่ยงไฮ้ ไปจนถึงความประทับใจที่สัมผัสได้จากการเยือนเซี่ยงไฮ้ทั้ง 9 วัน 
            เป็นบันทึกที่โหด มัน ฮา มากจริงๆ 


            เมื่ออ่านแล้วต้องบอกว่าเป็นอะไรที่ผิดคาดมากๆเลยค่ะ มันไม่ใช่หนังสือท่องเที่ยวซะทีเดียว เพราะไม่ได้มีรายละเอียดว่า ที่แห่งนี้ต้องไปอย่างนี้ๆๆ นะ แต่อย่างที่บอก มันเป็นบันทึกการเดินทางว่า ตอนพวกเขาไปสถานที่นี้ เขาไปกันยังไง แล้วมีอะไรที่เขาพลาดไปไหม เขาเพิ่งรู้อะไรทีหลังรึเปล่า 
            มองในมุมเนื้อหาที่อาจนำมาใช้ได้บ้าง มันก็อาจจะอ้างว่ามีสาระได้ แต่ถ้ามองภาพรวมจริง ต้องบอกว่า ออกแนวไร้สาระ 
            เป็นหนังสือที่นำความมีสาระกับความไร้สาระมาบรรจุอยู่ในเล่มเดียวกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ


            ส่วนที่มีสาระก็เช่นที่พวกเขา(เหมือนหนังสือเล่มนี้ช่วยกันเขียนอย่างน้อยสามคน ซึ่งถ้าไม่ดูชื่อคนเขียนแต่ละตอนบนหัวกระดาษก่อนคงไม่รู้ว่าใครเขียน เพราะภาษาแต่ละคนถอดแบบกันออกมาอย่างแยกไม่ค่อยออก) ไปดูงาน World Expo แล้วเล่าว่างานของแต่ละประเทศมีจุดที่น่าสนใจอย่างไรบ้าง จีนจัดนี้ๆๆ นะ ญี่ปุ่นมีนี้ๆๆ นะ ทำเอาคนอ่านอ่านแล้วเกิดแรงบันดาลใจว่า ฉันก็อยากไปดูงาน World Expo บ้าง (รู้สึกว่าครั้งต่อไปจัดที่โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่นนะ) หรือตอนที่อธิบายรายละเอียดสถานที่ต่างๆที่เขาไปเยี่ยมชม อ่านแล้วก็แบบ เออ น่าสนใจ
            ส่วนช่วงไร้สาระคือตอนที่พวกนางเม้าท์กันเองบ้าง เล่าถึงตอนที่นางไปเมาที่บาร์บ้าง เล่าถึงตอนที่นางนั่งดูฝรั่งกินพิซซาในร้านอาหาร หรือรูปภาพที่นางโพสต์ท่าแบบเกรียนๆ อะไรแบบนี้ คือแบบ ฉันต้องรู้ไหม? หืม? (ใครเป็นแฟนพวกนางคงปวดหัวนะ)


            แต่ที่ต้องชม(รึเปล่า?) คือความครีเอทีฟของพวกนางในการเขียนหนังสือออกมาให้ตลก(เออคือเราไม่ได้อ่านหนังสือไปหัวเราะไปแบบนี้มานานละ) น่าอ่านต่อ และการจัดรูปเล่มที่เสริมรูปภาพเข้ามาทำให้หนังสือไม่น่าเบื่อ(ถึงแม้บางรูปมันจะทำให้คนอ่านอุทานว่า บ้าเอ๊ย) (คณะ)สถาปัตย์จุฬาไม่เคยทำให้ผิดหวังในเรื่องความคิดสร้างสรรค์จริงๆ 555
            อ๋อ ใช่ค่ะ คณะนักเขียนหนังสือเล่มนี้ ถ้าจับใจความไม่พลาด เป็นชาวสถาปัตย์จุฬาฯทั้งนั้น
                    ไม่รู้ทำไม แต่เราชื่นชมความเป็นสถาปัตย์ฯมากๆเลย อาจเพราะแม่เคยโฆษณาว่าพวกสถาปัตย์ฯเนี่ยมีครีเอทีฟสูง ละครสถาปัตย์ฯสนุกมาก ประกอบกับพอมองจากมุมของเรา คือเราเรียนนิติฯ คณะเราเนี่ยอยู่แต่กับหนังสือและตัวบทกฎหมาย ต้องทำอะไรตามขั้นตอน แบบแผน และต้องเดินตามกรอบที่วางไว้ ชีวิตจึงดูจืดชีดน่าเบื่อ พอมองไปที่สถาปัตย์ฯที่แบบ วาดรูปก็สวย(ซึ่งฉันทำไม่ได้) ความคิดสร้างสรรค์เป็นเลิศ(ซึ่งต่างจากชีวิตฉันลิบลับ) มันก็เลยเป็นอะไรที่มีชีวิตชีวาดีมากๆเลยสำหรับเรา หลังจากนั้นพอเจออะไรที่เป็นผลงานของชาวสถาปัตย์ฯ ฉันก็จะแบบ วู้ /จริงเหรอ/เออแนวเนอะ ไรงี้ ล่าสุดก็เมื่อวานเห็นข่าวน้องสถาปัตย์คนหนึ่งออกแบบให้พื้นที่แคบๆที่หนึ่งกลายเป็นอะไรสักอย่างที่สร้างสรรค์ได้ เราก็แบบ เออ มันเริด
                    ...ก็ขนาดเด็กสถาปัตย์เป็นผู้ประกาศข่าว(มีมุมมองทางการเมืองและมุมมองต่อประเทศไปในทำนองเดียวกันด้วยแหละ จริงๆแล้ว ไม่ใช่แค่เพราะคณะหรอก) ฉันยังติดตามและแอบให้กำลังใจให้(อาจารย์)เธอจัดรายการต่อไปเรื่อยๆ เลยนะนี่นะ...


            อีกสิ่งหนึ่งที่ชอบในหนังสือเล่มนี้คือ เนื้อหาแต่ละบรรทัดนั้นจบในหน้าเดียว เคยอ่านหนังสือที่แบบ ย่อหน้าหนึ่งๆจะยาวเกินหนึ่งหน้ากระดาษ เริ่มต้นที่หน้าหนึ่ง ต้องพลิกไปอ่านอีกหน้าจึงจะจบความ พออ่านหนังสือแบบนี้ ถ้ามีรูป เราจะโดนบังคับว่าต้องเบนสายตาไปดูรูปก่อนนะค่อยกลับมาอ่านเนื้อหา เพราะถ้าอ่านปุ๊บแล้วจะอ่านให้จบย่อหน้ามันต้องพลิกไปอีกหน้านึง แต่หนังสือเล่มนี้คือ อ่านเนื้อความจบก่อนค่อยดูรูปก็ได้ มันจบในหน้านั้นอยู่แล้ว คือดี 

            แต่สิ่งที่แอบตะหงิดๆนิดหน่อย คือความพยายามในการจิกกัดการเมืองและความเป็นอยู่ในประเทศตัวเองเป็นระยะๆของผู้เขียนแต่ละคน คือ มัน...ไม่ค่อยสนุกเท่าไรพออ่านถึงน่ะ ไม่รู้สิ

            แต่โดยรวมก็เบาสมองดีค่ะ อย่างที่บอก เราไม่ได้อ่านหนังสือไปหัวเราะไปแบบนี้มานานมากจริงๆ การอ่านหนังสือเล่มนี้จึงช่วยคลายเครียดให้เรา ในยามที่ชีวิตต้องพบเจอแต่เรื่องหนักๆ ได้เป็นอย่างดี 


            หนังสือเล่มนี้เหมาะกับคนที่ชอบหนังสือรูปภาพเยอะๆ และมีเนื้อหาเบาสมอง คุณอาจอ่านไปหัวเราะไปตลอดเล่มเลยก็ได้ แต่ไม่เหมาะกับคนที่ชอบอยู่กับสาระจัดๆ ไม่เหมาะกับคนที่อยากได้ข้อมูลเมืองเซี่ยงไฮ้แบบเนื้อๆไม่ต้องการน้ำ(อันนี้น้ำท่วมทุ่ง 555) และไม่เหมาะกับคนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือที่มีคำหยาบหรือไม่ชอบอ่านเรื่องราวของผู้ชายที่กินเหล้าสูบบุหรี่ อ่านแล้วอาจจะหงุดหงิดได้
            เอออ ใช่ เหมาะกับคนที่เป็นแฟนผลงานของ “ฮิกาซีน” ถ้าคุณชินกับการอ่านงานของพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว เล่มนี้น่าจะถูกจริตของคุณ 


            สำหรับผู้ที่สนใจหนังสือเล่มนี้ เราไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะว่าตอนนี้ยังวางขายตามร้านหนังสือทั่วไปอยู่รึเปล่า แต่จำได้ว่า ตามเทศกาลงานหนังสือน่ะ ผลงานของ “ฮิกาซีน” มักวางอยู่ในกองหนังสือลดราคาอยู่บ่อยๆ ลองไปค้นๆตามงานหนังสือดูนะคะ
            ส่วนคุณผู้อ่านที่รู้จักเราเป็นการส่วนตัว จะบอกว่าเรามีหนังสือเล่มนี้อยู่สองเล่ม(น่าจะซื้อมาซ้ำกัน) สนใจหลังไมค์มา
ทักมาคนแรกเดี๋ยวยกให้เลยเล่มนึง ทักมาคนถัดๆไปเดี๋ยวเอาไปให้ยืม(ทำหยั่งกับเกมส์ชิงรางวัล) 555


           ขอให้สนุกกับการอ่านหนังสือค่ะ

            สวัสดีค่ะ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คลังศัพท์ไว้ตั้งชื่อ

เราต่างเป็นกาลีในชีวิตใครบางคน

จำหน่ายคดีหัวใจ