คุณเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติรึเปล่า?
คุณเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติรึเปล่า?
คุณเชื่อไหมว่า โลกนี้ยังมีผู้ที่มีตัวตน มีความคิด มีจิตใจ แต่มองไม่เห็น อาศัยอยู่
จะเล่าอะไรให้อ่าน...
ย้อนไปเมื่อปี 2551 เรามีโอกาสไปเรียนภาษาอังกฤษช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อน ณ ต่างที่ต่างถิ่น โดยที่นักเรียนผู้เข้าร่วมโครงการทุกคนต้องไปพักที่หอพักในตัวโรงเรียนนั้นเอง
ตัวตึกเป็นอาคารเก่า ใครคนหนึ่งเล่าว่า เดิมตึกนี้เคยใช้เป็นที่รักษาคนเจ็บในช่วงสงคราม...ระหว่างอังกฤษและฝรั่งเศส
ตอนที่เราไปเรียนนั้น ตึกถูกปรับให้กลายเป็นโรงเรียนสอนภาษา มีชั้นใต้ดินเป็นห้องอาหารและห้องคอมพิวเตอร์ ชั้น1-3เป็นห้องเรียน และชั้น 3(บางส่วน) - ชั้น5 เป็นห้องพัก
...ถ้าจำไม่ผิดนะ
ห้องพักต่อชั้นแบ่งเป็นสองแถว หันหน้าชนกัน มีทางเดินอยู่ตรงกลาง แต่ละห้องมีสองเตียง ไม่มีห้องน้ำในตัว
นักเรียนผู้เข้าร่วมโครงการมี 15 คน มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ชั้นสี่ นอกนั้นอยู่ชั้นห้าในละแวกเดียวกันหมด
คืนเกิดเหตุ เพื่อนๆทุกคนยกเว้นเราและเพื่อนอีกสองคน(ซึ่งอยู่คนละห้อง) ตัดสินใจไปทานอาหารเย็นกันในเมือง ส่วนเราซึ่งไม่สบาย ตั้งใจว่า ทานยาเสร็จแล้วจะนอนเลย
หลังยาเข้าท้อง เราจึงปีนขึ้นเตียงและตัดสินใจจะหลับเลย
........โดยไม่ได้แปรงฟัน
แต่แล้ว ขณะพยายามนอนนั่นเอง เรารู้สึกได้ว่าตรงทางเดินนั้น เหมือนกับมีเสียงคน เดินไป เดินมา ไม่ได้ดังมากขนาดรบกวนคนอื่น แต่ก็ดังไม่หยุด
และดังพอที่จะทำให้นอนไม่หลับ
เหตุการณ์จบลงที่เราลุกพรวดขึ้นจากเตียงด้วยความตั้งใจว่า "โอเค ชั้นไปแปรงฟันก็ได้!"
เชื่อไหม ตั้งแต่ตัดสินใจแบบนั้น จนกระทั่งเข้านอนหลังแปรงฟันเสร็จ เราไม่ได้ยินเสียงอะไรแม้นิดเดียว
.......และเราก็หลับได้ในที่สุด
วันต่อมาเราเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนๆฟัง หลายคนดูกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น
แต่เราไม่กลัว เรารู้สึกว่า เขาไม่ได้มาทำร้าย
เขาแค่มาเตือนให้แปรงฟัน...เท่านั้นเอง
ล่าสุด เมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว
เรามีเรียนพิเศษทุกวันอาทิตย์ช่วงบ่าย สถานที่เรียนคืออาคารเล็กๆแห่งหนึ่งย่านใจกลางเมือง อาคารนี้เป็นอาคารที่แบ่งห้องให้เช่าเพื่อเปิดกิจการ และหนึ่งในห้องนั้นก็คือห้องเรียนของเรา และมีที่จอดรถอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งด้านข้างของที่จอดรถมีศาลพระภูมิตั้งอยู่
...และสาบานได้ว่าเราไหว้ท่านทุกครั้งที่จำได้
วันเกิดเหตุ ขณะนั่งเรียนๆอยู่นั้น เราเกิดรู้สึกง่วงขึ้นมา ง่วงมากด้วย จึงนั่งจดๆหลับๆอยู่อย่างนั้น จนมาถึงจุดหนึ่ง ซึ่งเรารู้สึกว่า ไม่ไหวแล้ว เราจึงตัดสินใจที่จะหลับตานิ่งๆ
...ใช่ เรากะจะงีบนั่นแหละ
พอหลับไปสักพัก เรารู้สึกได้ว่าเราฝัน ในฝันนั้น เรากำลังเดินไปในที่ซึ่งไม่คุ้นตาเลย แล้วจู่ๆ ด้านขวาของเรา ก็มีคนๆหนึ่งยืนอยู่และหันหน้ามาทางเรา
...และทุกสิ่งก็ดูเหมือนจะปกติดี เว้นเสียแต่ว่า
หน้าของคนๆนั้นช่างดูยาวผิดรูป และตาก็ถมึงทึงน่ากลัว จมูกก็ยาวราวกับแม่มด
และที่ติดตาที่สุดนั่นคือ..
ปากแดงที่แสยะยิ้มขึ้นราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แทนที่จะยิ้มทักทายกัน!!
เท่านั้นแหละ ลืมตาโพลงขึ้นมาเรียนต่อ ราวกับไม่เคยง่วงมาก่อนเลยในคาบนั้น
..........พร้อมกับคำถามในใจว่า ตะกี้มันอะไรวะ???
อันที่จริงก็อยากจะบอกว่าถูกหลอกนะ แต่คิดๆไป หาก "เขา" คิดร้ายต่อเราจริง เขาคงจะกลั่นแกล้งเราตั้งแต่ก้าวย่างแรกที่เราเหยียบที่นี่แล้ว
อีกอย่าง ผลของสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้เราหายง่วงและมีสมาธิในการเรียนไปจนจบคาบ นับว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ส่งผลดีมากกว่าผลเสีย
สรุปว่า เขาแค่มาเตือนให้ตั้งใจเรียนเฉยๆ แค่นั้นเอง
ถ้าถามเรา เราเชื่อว่าโลกนี้มี "บุคคลบางกลุ่ม" อาศัยอยู่รวมๆกันกับเรานี่แหละ เพียงแค่เราไม่เห็นเขาเท่านั้น
เหตุผลหนึ่งนั้นเพราะเราอ่านหนังสือชื่อ "ภูมิวิลาสินี" และหนังสือนี้เองที่บอกว่า โลกนี้นั้น นอกจากมนุษย์และเดียรัจฉาน(สัตว์) แล้ว ยังเป็นที่อยู่ของเหล่าเทวดาในสวรรค์ชั้นแรก อสุรกาย และเปรตอีกด้วย
เทวดาในสวรรค์ชั้นที่หนึ่งที่ชื่อว่า จาตุมหาราชิกา นั้น บ้างมีที่พำนักอยู่ในโลกมนุษย์ ตามสถานที่ต่างๆ เช่นเหล่ารุกเทวดาตามป่าเขา หรือพระภูมิเจ้าที่ทั้งหลาย
ส่วนอสุรกายนั้น สารภาพว่าไม่มีข้อมูลจริงๆ แต่รู้สึกว่าจะอยู่ระดับเดียวกับเปรด
สำหรับเปรตในที่นี้นั้น ไม่ได้จำกัดเฉพาะผีที่ตัวสูงๆ ขายาวๆ หรือปากเท่ารูเข็มเท่านั้น คำว่า "เปรด" ในทางพุทธศาสนานั้น คือภพภูมิหนึ่งในการชดใช้กรรม ซึ่งท่านเหล่านี้อาจมาจากสิ่งมีชีวิตระดับอื่น เช่น คน สัตว์ หรือสัตว์นรก ซึ่งตายจากภพภูมิตัวเอง แล้วมาใช้กรรมที่นี่ หรือมาจากกรรมส่งมาเสวยชาติเป็นเปรตโดยตรงก็ได้ ซึ่งมีรูปร่างหลากหลายกว่า "เปรต" ที่เราจินตนาการกันได้มากมายนัก
.......อธิบายให้เข้าใจง่าย ภพ "เปรต" นั้นก็คือ บุคคลซึ่งคนทั่วไปเรียกว่า "ผี" นั่นแหละ
และภูมิวิลาสินีนั้นก็ไม่ได้เขียนลอยๆขึ้นมา หากแต่มาจากพระไตรปิฎก และเท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับเรา ที่จะเชื่อว่า มันมีมูล
นั่นคือเหตุผลแรกที่เราเชื่อ ส่วนเหตุผลที่สองนั้น คงปรากฎตามสองเหตุการณ์ข้างบนนั้นแล
ว่ากันตามตรง มันก็พิสูจน์ไม่ได้ดอก บางที เราอาจอุปาทานไปเองก็ได้
แต่เราก็เลือกที่จะเชื่อแหละ ว่ามันคือสาส์นจาก "ผู้ที่เรามองไม่เห็น" ที่ต้องการจะเตือนสติเรา ให้เราใช้ชีวิตอย่างเข้ารูปเข้ารอย
เพราะไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร การได้รับรู้ว่ามีเขาเหล่านั้นห่วงใย ย่อมก่อให้เกิดความอบอุ่นใจกว่ามาก
ขอบคุณนะคะ ที่เป็นห่วง
แล้วคุณล่ะ เชื่อหรือเปล่า?
55555 งานผู้หญิงคิดบวกก็มาค่ะ ชอบตรงที่เชื่อว่าเค้ามาเตือนให้แปรงฟันเฉยๆมาก 555555 ส่วนตัวเชื่อว่าโลกนี้ซับซ้อนเกินกว่าที่เราจะสามารถมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้ได้
ตอบลบยากนะ เอาแค่ไวรัส เรายังมองไม่เห็นเลย เป็นไปได้น้อยมากที่จะมองเห็นสิ่งมีชีวิตในภพภูมิอื่นเช่น เปรตภูมิ(ภพผี) หรือภพเทวดา ที่มีชีวิตแบบคู่ขนานไปกับภพภูมิมนุษย์
ลบ