เกลียดใครมาก อ่านทางนี้




     กำลังเบื่อหน้าใครสักคนอยู่บ้างไหม

     กำลังรู้สึกเกลียดใครสักคนมากจนไม่อยากเจออีกแล้วบ้างรึเปล่า


    แน่  กำลังตั้งใจว่าต่อไปนี้หลังสวดมนต์จะอธิษฐานว่าต่อแต่นี้ขออย่าได้เจอะได้เจอคนนั้นคนนี้  เพื่อหวังว่าผลบุญจะทำให้แคล้วคลาดกับคนที่เกลียดอยู่ล่ะสิ


         หยุด!!!


     ทำแบบนั้นน่ะ  นอกจากจะหลบไม่ได้แล้ว  ยังมีแนวโน้มสูงมากด้วยว่าจะไปพบเจอกันอีกในชาติต่อๆไปเป็นแน่

     ทำไมน่ะรึ??



     รู้หรือเปล่าว่า  การที่คนเราได้มารู้จัก  มารัก  มาอยู่ในวงจรชีวิตของกันและกันได้นั้น  เพราะมีสายใยบางอย่างเชื่อมกันอยู่


     สายใยแบบแรกคือความสัมพันธ์ที่เคยมีต่อกันมาในชาติก่อนๆ  ในทางดีก็เช่น  เคยรัก  เคยผูกพันกันมาไม่ว่าในสถานะใด  เคยร่วมกันทำบุญทำกุศลต่อกันหรือต่อบุคคลอื่นมาเป็นระยะเวลาหนึ่งๆ  พอมาเจอหน้ากัน  จึงรู้สึกรัก  ผูกพัน  และเข้ากันได้ง่ายกว่าคนอื่นๆ

     ส่วนในทางลบ  ที่เจอกันนี่แฮ่ใส่กันมาเลย  หรือไม่ก็อยู่ๆกันไปแล้วทุกข์นี่  ต้นเหตุที่เห็นชัดแจ้งที่สุดเลยคือ  เคยเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันมาก่อน  เคยฆ่ากันตายมาก่อนในชาติใดชาติหนึ่ง  หรือแม้แต่เคยรักกันแล้วฆ่ากันตาย  แล้วยังตัดกันไม่ขาด  จึงโคจรมาเจอกันอีกในชาตินี้
     เป็นความสัมพันธ์รักไปเจ็บไปดีแท้

     หรือไม่  ก็เคยร่วมกันก่อกรรมทำชั่วกันมาก่อน  เคยรู้เห็นเป็นใจในการสร้างความเดือดร้อนของกันและกันมาก่อน  เมื่อโคจรมาเจอกันอีกก็เป็นไปได้ที่จะประสบทุกข์ยากบางประการตามที่ตนเคยทำไว้
     เราเคยอ่านเจอนะว่า  มีพ่อแม่คู่หนึ่งมีลูกพิการพูดไม่ได้  ทำให้พ่อแม่เป็นทุกข์มาก  พอไปสแกนกรรม(ที่ใดไม่แน่ใจ)  ปรากฎว่า  ชาติก่อนน่ะ  สามีภริยาคู่นี้เป็นคนใช้ในบ้านเศรษฐี  แล้วร่วมมือกันฆ่าเจ้านายตายด้วยการใช้ผ้าอุดปากอุดจมูกจนขาดอากาศหายใจ  และก็ชิงสมบัติมาเป็นของตน  ชาตินี้คนคู่นี้จึงต้องมาชดใช้กรรมด้วยการเลี้ยงดูคนพูดไม่ได้  ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน  เจ้านายที่ตนฆ่าน่ะแหละ  ที่มาเกิดเป็นลูกในชาตินี้


     สายใยแบบที่สองคือแรงอธิษฐาน  เป็นต้นว่ารักใครสักคนมากๆแล้วอธิษฐานขอเกิดเป็นคู่กับเขาทุกชาติ  ซึ่งเป็นการอธิษฐานที่เสี่ยงมาก  เพราะหากชาติต่อมาเกิดมาคนละเพศแล้วมาเจอกันตอนโสดคงไม่กระไร  ขืนมาเจอกันตอนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีคู่อยู่แล้วนี่สิ  เกิดเรื่องตามมาแน่ๆ  ยิ่งถ้ามาเกิดเพศเดียวกันด้วยแล้วล่ะก็...
     ....ลองนึกผลกันดูเอาเถอะ

     ในทางกลับกัน  แรงอธิษฐานในทางลบว่าขอไม่เจอะไม่เจอกันอีกเลยนี่  ก็เป็นแรงอธิษฐานที่ทำให้ต้องกลับมาพบกันอีกด้วยเช่นกัน  ส่วนสาเหตุน่ะหรือ....

     เคยได้ยินประโยคประมาณว่า  สิ่งที่เหมือนกันระหว่างการรักและการเกลียดคือ  คนที่ถูกเรารักและเกลียดจะคงอยู่ในใจเราได้มากพอๆกันไหมล่ะ  เรื่องนี้เป็นความจริงทั้งในทางจิตใจ  และทางกรรม

     ในทางจิตใจ  เมื่อเรารู้สึกอะไรกับใครสักคนมากๆ  ความเป็นไปได้ที่เกิดขึ้นคือเรามีแนวโน้มที่จะคิดวกกลับไปหาคนๆนั้นบ่อยๆ  ไม่ว่าจะในทางดีหรือร้าย
     จึงเกิดคำคมหลายประโยคมาก  ว่าหากยังเกลียดนี่  แสดงว่ายังตัดไม่ขาดนะ  เพราะยังคิดไปถึงอยู่

     ในทางกรรมก็เช่นกัน  เมื่อเราเกลียดใครสักคน  และอธิษฐานซ้ำๆว่า  ขอไม่เจออีกแล้ว  เราอาจรู้สึกว่า  นี่ไง  เราขอพรแล้วให้สิ้นสุดกันที  โดยที่เราลืมนึกไปว่า  ทุกครั้งที่เราขอแบบนี้  นั่นคือเรากำลังย้ำคิดว่า  คนนั้นยังสำคัญกับเราในความรู้สึก  แม้จะเป็นความสำคัญในแง่ว่าเราไม่อยากเจอก็ตาม
     และความรู้สึกนึกไปถึงอีกฝ่ายอยู่ร่ำไปนี่แหละ  ที่ทำให้ตัดกันไม่ขาด  ต้องโคจรมาเจอกันอีกทางใดทางหนึ่ง


     อ่านมาถึงตรงนี้เริ่มรู้สึกอยากคร่ำครวญโวยวาย  โธ่  ไม่มีทางไหนที่เราจะหลบหลีกคนที่ทำร้ายเราได้บ้างเลยหรือนี่....

     ....โถ  มีสิคะ  ทำไมจะไม่มี



     ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่าคนเราจะพบกันอีกได้ก็ด้วยปัจจัยทางกรรมและ/หรือแรงอธิษฐาน  ดังนั้น  เพื่อตัดการเชื่อมต่อ  เราก็ต้องเปลี่ยนปัจจัยทางกรรม  หรือไม่  ก็ต้องทำลายแรงอธิษฐาน


     ทางเลือกที่หนึ่งที่จะนำเสนอคือ  เปลี่ยนเส้นทางกรรม  คือ  ตราบใดที่คุณไม่ใช่วายร้ายที่ไม่มีอะไรดี  และอีกฝ่ายก็ไม่ใช่พระโพธิสัตว์ผู้หาความเลวไม่ได้  นั่นแสดงว่าต่างฝ่ายต่างเป็นปุถุชนคนธรรมดาที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย  และการที่ตนสองคนจะมาพบกันได้นั่นหมายถึงต่างฝ่ายต่างมีข้อดีข้อเสียที่เข้ากันได้หรือรับกันพอดีอยู่

     วิธีหนีของทางเลือกนี้คือให้หาข้อเสียของอีกฝ่ายสักข้อสองข้อ  เป็นต้นว่า  เขาอาจเป็นคนใจดีที่มีแต่ให้  แต่เอาตัวรอดเก่งสามารถโกหกได้ตาไม่กะพริบ  หรือเขาเป็นคนทำงานเก่งและลูกน้องที่ดี  แต่ชอบใช้อำนาจและใช้วาจาเชือดเฉือนผู้ด้อยกว่าเป็นประจำ

     นั่นแหละ  เลือกมาสักอย่างหรือสองอย่าง  แล้วตั้งใจไว้เลยว่า  ชาตินี้ทั้งชาติ  ฉันจะไม่ตัวแบบนั้นตลอดชีวิต  

     เมื่อคุณสามารถละเลิกกรรมร้ายกรรมนั้นได้ตลอดชีวิตจริงๆ  นั่นคือคุณได้สร้างความแตกต่างระหว่างคุณกับเขาได้หนึ่งหรือสองอย่างแล้ว  และโดยทั่วไป  สิ่งที่เหมือนกันมักดึงดูดกันเอง  เมื่อคุณทำให้ปัจจัยความเหมือนมันหายไปได้หนึ่งหรือสองอย่างแล้ว  ก็เป็นไปได้สูงว่าชีวิตจะจัดสรรคุณไปเจอกับผู้คนอื่นที่มีความเหมือนกับคุณมากกว่า

     ........ซึ่งไม่ใช่คนๆเดิมที่คุณเกลียดหนักหนาแน่นอน



     อีกทางเลือกหนึ่ง  แรงอธิษฐาน  การที่เรามาเจอกันได้  นั่นเพราะเราเคยมีกรรมต่อกันไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง  และมีอย่างน้อยหนึ่งฝ่ายยังรู้สึก  "ไม่จบ"  กับเรื่องราวที่เกิดขึ้น  การไม่จบนี่แหละคือที่มาแห่งการอธิษฐาน  หรือการอาฆาตต่างๆ

     เราไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะจบรึยัง  แต่เรารู้สึกอยากพอ  งั้นฝ่ายเรานี่แหละ  ที่ต้อง  "จบ"

     การจบให้ได้อย่างหนึ่งในชาตินี้  คือการที่เราต้อง  "อภัย"  ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างกันในชาตินี้ให้ได้  เมื่อเรา  "อภัย"  ได้  หมายความว่าเราตั้งใจว่าจะไม่ "จองเวร" กับอีกฝ่ายอีกต่อไป  ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหนๆ  ดังนี้  เมื่อใดก็ตามที่เส้นทางกรรมเห็นว่าเราตั้งใจจะงดเว้นระหว่างกันแล้วจริงๆ  และกรรมที่เราต้องชดใช้ระหว่างกันหมดแล้ว  คราวนี้  เรามีสิทธิจะได้หลุดพ้นจากคนๆนั้นได้แล้วจริงๆ

     ส่วนอีกฝ่ายจะอภัยหรือไม่ก็ปล่อยเขาไป  มันไม่ใช่เรื่องของเราแล้วล่ะ  แล้วหากเขายังได้ใจทำร้ายคนที่อภัยเขาได้เนี่ยนะ  ผลกรรมที่เขาได้จะหนักกว่าทำร้ายคนที่คิดร้ายต่อเขา  และเมื่อใดก็ตามที่กรรมผลิตผล  เขาจะไปสู่ๆที่ๆกรรมจะตามทันเขาเองแหละ  

     การอภัยเป็นการตัดการอธิษฐาน  เพราะเมื่อเราอภัยนั่นหมายถึงว่าเราตั้งใจว่าจะไม่เอาสิ่งที่ผ่านมา  มาเป็นอารมณ์อีกต่อไป  เมื่อเราไม่เอามันมาเป็นอารมณ์  เราจะไม่อธิษฐาน  และไม่คิดถึงสิ่งๆนั้นหรือคนๆนั้นไปด้วย

     เมื่อไม่นึกถึง  สายใยแห่งความคิดที่จะดึงดูดกันก็หมดไป  โอกาสจะมาพัวพันในชีวิตของกันและกันก็ลดลง



     เรื่องแบบนี้อาจจะดูยากและเลื่อนลอยสักหน่อย  และไม่สามารถหวังผลได้ในวันนี้พรุ่งนี้  แต่เชื่อไหมล่ะว่าทุกสิ่งอย่างบนโลกนี้มีกรรมอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น  เมื่อใดก็ตามที่เรารู้เท่าทันกฎแห่งกรรม  และมีจิตใจมั่นคงมากพอ  เราจะสามารถเปลี่ยนเส้นทางกรรมของตนเองให้ได้ดังต้องการได้

     เป็นกำลังใจให้ทุกคนหลบคนที่เกลียดได้พ้นนะคะ


     หมายเหตุ  :  บทความนี้เขียนขึ้นโดยอาศัยหลักธรรมอ้างอิงจากหนังสือของคุณดังตฤณเป็นหลัก  ผู้สนใจจะศึกษาเพิ่มเติมสามารถเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์  www.dungtrin.com

ความคิดเห็น

  1. เกลียดคนดี คนเก่ง คนหล่อ คนฉลาด มากๆค่ะ ขออย่าได้เจอะได้เจอกันเลยในทุกภพทุกชาติ


    รอผลลัพท์ 5555

    ตอบลบ
  2. อย่าเกลียดแบบมีนัยสำคัญแบบนั้นนน..

    อยากได้ดีจงทำดี

    อยากเก่งและฉลาด จงใช้ความสามารถเพื่อช่วยคนอื่น และเผยแพร่ทักษะที่ตนมี

    อยากหน้าตาดี จงควบคุมอารมณ์ให้เป็น และหัดทำทานด้วยศรัทธาที่แรงกล้า

    แถม อยากมีทรัพย์ จงให้ทาน

    จบ

    ตอบลบ
  3. อะไรๆก็กรรม น่าเบื่อ

    ตอบลบ
  4. ขอบคุณนะคะ ช่วยได้มากๆ

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คลังศัพท์ไว้ตั้งชื่อ

เราต่างเป็นกาลีในชีวิตใครบางคน

จำหน่ายคดีหัวใจ