สุขสันต์วันเกิดนะแก

 

                    สวัสดีวันศุกร์ค่ะคุณผู้อ่าน


                    ขอแสดงความยินดีกับทีมแมนเชสเตอร์ซิตี้และสาวกเรือใบสีฟ้าด้วยนะคะ ได้สองแชมป์แล้ว มาลุ้นดีกว่าว่า ปีนี้จะได้ทริปเปิ้ลแชมป์หรือเปล่า

                    เป็นกำลังใจให้นะ กวาดิโอล่า :)


                    ส่วนเรื่องของเรา 

                    เนื่องจากวันนี้(9 มิถุนายน) เป็นวันเกิดของเพื่อนสนิทเรา เราจึงอยากใช้พื้นที่ตรงนี้ เขียนถึงเธอ


                    เรากับเพื่อนรู้จักกันครั้งแรกตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาตรี ตั้งแต่ปีหนึ่งเลยล่ะ แต่ตอนปีหนึ่งนั้นเราอยู่กันคนละกลุ่ม และเธอก็ดูน่ากลัวมากๆสำหรับเรา เราสองคนจึงไม่ได้คุยกันเท่าใดนัก

                    จนกระทั่งประมาณปีสอง..น่าจะปลายๆเทอม ที่เรามีโอกาสได้นั่งข้างๆกัน แล้วเธอก็ทักพวงกุญแจโปเกมอนของเรา ทำให้ได้รู้ว่าเราชอบโปเกมอนและเล่นเกมโปเกมอนเหมือนกัน แล้วเราก็คุยกันมาเรื่อยๆ

                    ...คุณูปการของโปเกมอนคือทำให้เราได้เพื่อน(อย่างน้อย)สามคน...


                    เราเริ่มคุ้นเคยกันมากขึ้น จากสรรพนามว่า "เธอ" ก็กลายเป็น "แก" และคุยไปคุยมาก็กลายเป็น "มึง" เวลาอยากจะเรียก ในที่สุด

                    ...ไม่เป็นไรฮ่ะ กูไม่ถือ 555


                    แล้วเราก็คบกันมาเรื่อยๆ ผ่านเรื่องต่างๆมาร่วมกัน ดีกันบ้าง ด่ากันบ้าง ผลัดกันห้ามทัพในกลุ่มบ้างอะไรบ้าง จนเรียนจบปริญญาตรี แล้วเราก็เรียนเนติบัณฑิตต่อ จบเนติฯรุ่นเดียวกันมา

                    สอบปากเปล่าเนติฯเสร็จแม่เรายังขับรถไปส่งเธอเลย 


                    แล้วเราก็ไปเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศ ตอนแรกเธอเลือกไปประเทศสหรัฐอเมริกา ตอนหลังย้ายมาเรียนอังกฤษ พอถามว่าอ้าวแกย้ายประเทศแล้วเหรอ

เธอ : ก็แกสองคน(เรากับเพื่อนในกลุ่มอีกคนหนึ่ง)ไปอังกฤษ แล้วชั้นจะไปเมกาทำไม


                    ปริญญาโทใบแรกพวกเราอยู่คนละมหาวิทยาลัย แต่ใบที่สองเธอย้ายมาเรียนที่เดียวกับเราด้วยเหตุผลว่า เรียนง่าย ไม่ต้องสอบ เขียนงานส่งอย่างเดียว ตามสโลแกนประจำตัวว่า "กูขี้เกียจ ขออยู่อย่างสบายๆเถอะ" 

                    ...เห็นอย่างนี้นางเรียนเก่งนะฮะ เก่งขนาดเข้าออกฟอร์ด/เคมบริดได้อ่ะ(เพื่อนเชื่อ!) 

                    เรียนปริญญากันแบบหัวหกก้นขวิด พากันไปหาหมอ พากันขึ้นรถลงเครื่อง(บิน)ไปเที่ยว จนจบกลับมา


                    เรียนจบ กลับมา แยกย้ายกันไปประกอบอาชีพ 

                    อยู่มาวันหนึ่ง แม่เราเผอิญไปเจอเพื่อนคนนี้กับคุณพ่อของเธอที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง แม่ท้กทายและบอกว่าเป็นแม่ของเรา(บอกชื่อเรา) เพื่อนคนหนึ่งของเธอ 

คุณพ่อเพื่อน : เพื่อนชื่อ...เหรอ(ชื่อเรา) นี่เป็นเพื่อนสนิทที่สุดของลูกเขาเลยนะ!

                    เราถามแม่ว่าแล้วเพื่อนคนนี้ว่ายังไงบ้างที่พ่อเขาพูดอย่างนั้น แม่บอกว่า ก็ไม่เห็นว่าอะไร

                    เราก็แอบไม่เชื่อว่าแบบ เอ เขาสนิทกับเพื่อนอีกคนในกลุ่มมาก่อนเรา เขาจึงน่าจะสนิทกับเพื่อนคนนั้นมากกว่าเราหรือเปล่า?


                    ถ้าดูจากลัคนาราศี(คนสนิททุกคนแม่หมอจับผูกดวงหมดฮ่ะ ไม่ต้องกลัว) เราสองคนมีราศีที่อยู่ติดกัน เราไม่น่าจะสนิทกันได้ เราน่าจะมีเรื่องที่ต่างฝ่ายต่างชอบไม่ตรงกัน

                    ใช่ เราต่างกันหลายเรื่อง ความถนัดก็ต่างกัน กลับกลายเป็นว่าเราชื่นชมในความสามารถที่อีกคนไม่มี อย่างเราชมที่เธอทำอาหารและทำขนมได้ ส่วนเธอก็ชอบอ่านงานร้อยแก้วและร้อยกรองของเรา เรายังเคยเถียงกันว่าความสามารถใครดีกว่ากัน เธอบอกว่าความสามารถเราดีกว่าเพราะงานเขียนเก็บไว้ได้นาน ส่วนเราแย้งว่าความสามารถเธอดีกว่าเพราะอาหารเป็นปัจจัยสี่ที่จำเป็นในชีวิต (เรื่องอย่างนี้ก็ยังเถียงกันได้ คิดแล้วตลก) 

                    แต่...น่าแปลก ตั้งแต่วันที่สนิทกันจนวันนี้ เวลาเรามีเรื่องทุกข์ใจทีไร มักเป็นเพื่อนคนนี้ที่ล่วงรู้ ทักมา โทรมา เข้ามาหาเพื่อปลอบประโลมเราอยู่เนืองๆ 

                    รวมถึงวิกฤติการณ์ครั้งล่าสุดในชีวิตของเราด้วย


                    ตั้งแต่ตุลาคม 2565 เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งตั้งแง่กับเราทุกเรื่อง และเธอก็พ่นพิษ เอ๊ย เล่นงานเราโดยการใส่ไคล้เกินจริงจนเราถูกตรวจสอบ 

                    เหตุการณ์ตั้งแต่วันนั้น จนวันนี้ เพื่อนคนนี้รู้เรื่องตลอดมา 

                    เธอไม่เพียงรับฟังปัญหาของเรา แต่ยังอินไปกับเรา เผลอๆ เราว่าเธอโมโหคู่กรณีของเราตลอดจนทุกคนที่เป็นปัญหากับเรามากกว่าเราเสียอีก เรารู้ว่าเพื่อนเรามีหลักการอยู่ว่า "ถ้าเพื่อนกูไม่ผิด มึงไม่มีสิทธิทำอะไรเพื่อนกู และถ้ามึงจะเป็นศัตรูกับเพื่อนกู เท่ากับมึงเป็นศัตรูกับกูด้วย" และจากประสบการณ์ เราว่าหลักการเสริมของเพื่อนเราก็คือ "ต่อให้เพื่อนกู(มีส่วน)ผิด ถ้ามึงเหี้ยใส่เพื่อนกู กูก็ไม่ทนค่ะ!" แล้วเธอก็อยู่ข้างเราและคอยเอาใจช่วยตลอดมา ประหนึ่งว่า เราไม่เคยห่างกัน   

                    วันนี้ปัญหาของเรายังไม่จบ เราคิดว่าควรปล่อยให้มันเป็นไปตามยถากรรม เพราะเราทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้แล้ว ควรหันกลับมาให้ความสำคัญกับคนที่เลือกจะอยู่ข้างเรา มากกว่าเอาความสุขไปถมให้คนเวรตะไลที่ไหนก็ไม่รู้ที่มาจองเวรกับชีวิต 

                    

                    เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่า เราสองคนกลายมาเป็นเพื่อนกัน มาสนิทกันได้ยังไง (โปเกมอนรึเปล่า 555) แต่เราว่าเราโชคดีมากจริงๆที่มีเพื่อนแนวนี้อย่างน้อยสักคนหนึ่งในชีวิต 

                    เพื่อน ที่อาจจะไม่ได้พูดจารื่นหูจ๊ะจ๋า ตัวติดกันตลอดเวลา 

                    แต่คือเพื่อน ที่ยอมรับและเข้าใจในตัวตนของเรา และยินดีรับฟังเราเสมอเมื่อเรามีปัญหา แม้จะไม่ได้เห็นด้วยกับทุกสิ่งที่เราพูดก็ตาม


                    อันที่จริง เรากลัวที่จะเขียนเรื่องนี้อย่างบอกไม่ถูก กลัวว่าถ้าเขียนออกไปแล้ว จะมีเหตุให้ต้องห่างหายกันไปหรือเปล่า เพราะเราก็อยากให้เราสองคนเป็นเพื่อนกันตลอดไป

                    ..รวมไปถึงว่า ถ้าส่งให้เพื่อนอ่าน เพื่อนจะด่าเราว่า มึงเอาเรื่องกูออกเผยแพร่ทำไม!! รึเปล่า (แต่กูตัดชื่อตัดเสียงมึงออกแล้วนา//เถียง) 

                    แต่เราก็อยากจะเขียนบทความนี้เนื่องในวันเกิดเพื่อน เพื่อระลึกถึงและบันทึกไว้ว่า เราดีใจมากที่เราสองคนเป็นเพื่อนกันมาจนถึงวันนี้ เราขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ที่ทำให้เรายังคงอยู่ในชีวิตของกันและกัน และเราก็หวังว่า พวกเราจะคบกันไปเรื่อยๆ


                    สุดท้ายแล้ว ที่พล่ามมาจนถึงตอนนี้ มันอาจตัดให้สั้นได้สามประโยค นั่นก็คือ

                    สุขสันต์วันเกิดนะแก ขอบคุณที่เป็นเพื่อนกันมาจนวันนี้ มาแก่ไปด้วยกันนะ 


                    ขอจบด้วยกลอนที่แต่งให้เธอเนื่องในวันเกิดก็แล้วกัน 

                    น่า อย่าติฝีมือเรานักเลย ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้แต่งกลอนมากนัก นี่เราตั้งใจแต่งมากเลยนะ 


                    ขอบคุณ

                ไมตรีอุ่น หนุนใจ ไม่ห่างหาย

                เหมือนไม่ใกล้ แต่ไม่ไกล ไม่ห่างกาย

                ยามดีร้าย ได้ปรับทุกข์ สุขด้วยกัน

                    ความเชื่อใจ ที่ให้กัน มันซาบซึ้ง

                ว่าคนหนึ่ง ยังพึ่งไหว ไม่หวาดหวั่น

                ขอบคุณใจ สายใย ใจผูกพัน

                ยิ่งนานวัน มันยิ่งชิด สนิทใจ

                    สุขสันต์ วันได้เสริม เพิ่มขวบหนึ่ง

                จากเพื่อนซึ่ง คิดถึงเธอ เสมอใกล้

                จงหมดทุกข์ พ้นโศก ไร้โรคภัย

                แม้เดินไว ขาไม่หัก จนพักงาน

                    คิดสิ่งใด ให้สมหวัง ดังใจหนา

                จิตเกษม เปรมปรีดา พาหนุกหนาน

                มาแก่วัย ไปด้วยกัน ยันชั่วกาล

                ได้บำนาญ แล้วไปเที่ยว เปรี้ยวด้วยกัน :) 



                    ขอให้ทุกคนเป็นเพื่อนที่ดี มีเพื่อนดีดี และใครมีเพื่อนดีดีแล้ว จงรักษาไว้ยิ่งชีพ 


                    สวัสดี


           

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คลังศัพท์ไว้ตั้งชื่อ

เราต่างเป็นกาลีในชีวิตใครบางคน

จำหน่ายคดีหัวใจ