แนะนำที่เที่ยวตามใจฉัน ฉบับกาญจนบุรี(2)

 

                    สวัสดีค่ะ คุณผู้อ่าน

                    ยังคงอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรีค่ะ เพราะที่เที่ยวที่จะเล่ายังไม่หมด 

                    มีที่เที่ยวอีกสองที่ หรือจะให้พูดเฉพาะเจาะจง ยังมีวัดอีกสองวัด ที่อยากจะแนะนำ เพราะทริปนี้ใกล้ปีใหม่ เลยเน้นไปวัดเพื่อเสริมสิริมงคลแก่ชีวิต 

                    อีกสองวัดนั้นก็คือ 


                    วัดเมตตาธรรมโพธิญาณ

                    จุดโฆษณา หรืออย่างน้อย ก็จุดที่น้าเราใช้โฆษณาให้เราสนใจของวัดนี้ ก็คือ ปฏิมากรรมเจ้าแม่กวนอิมพันมือขนาดใหญ่ พอน้าบรรยายปุ๊บ เราก็แบบ..ไปค่ะ 

                    วัดนี้อยู่..ลึกลับซับซ้อนค่ะ เอาเป็นว่าคุณผู้อ่านนำชื่อวัดเข้ากูเกิ้ลแมพแล้วขับตามนั้นไปเลยค่ะ ทางมันจะขึ้นเขาไปเรื่อยๆ แต่ไม่ต้องกังวลนะคะ มีป้ายบอกทางเป็นระยะค่ะ แล้วก็ พอใกล้ๆจะถึงน่ะค่ะ ให้มองด้านขวาไว้นะคะ วัดอยู่ด้านขวาของถนน เดี๋ยวมองเขามองทางเพลินจะขับเลยไปเสียก่อน

            ขับเข้ามาในตัววัดเราจะพบว่าวัดนี้มีขนาดกว้างใหญ่ไพศาลมากค่ะ ในตอนที่ไปนั้นน่ะมีส่วนที่ยังสร้างไม่เสร็จด้วย ดูลาดเลาไปมาคาดว่าเขาจะสร้างพระพุทธรูปสีขาวองค์ใหญ่เพิ่มอีกองค์ คงมีจุดให้ถ่ายรูปเพิ่มอีกโข 

            ขับเข้ามาเรื่อยๆ ตึกแรกที่เจอ(ด้านซ้ายมือ) นั้นคือตึกที่มีเจ้าแม่กวนอิมพันมือประดิษฐานอยู่ แต่พวกเรายังไม่ได้เข้าตึกนั้น เพราะคุณน้าซึ่งเป็นคนเมืองกาญจน์บอกว่าเข้าไปทำบุญตึกข้างในอีกตึกหนึ่งก่อน คนต่างถิ่นอย่างเราก็ว่าง่ายเนอะ เลยขับเข้าไปด้านใน ซึ่งเป็นตึกใหญ่ๆอีกตึก มีพระ...ใดก็ไม่ทราบได้ สถิตย์อยู่รอผู้เข้าชมมากราบไหว้ ตรงนี้พิเศษที่มีจุดให้ทำบุญ มีตู้ให้หยอดแล้วกรอกใบอนุโมทนาด้วยตนเอง (เดี๋ยวนี้การทำบุญก็ self service ได้นะฮะ) มีให้ทำบุญโลงศพ มีให้ทำบุญบริจาคข้าวบริจาคน้ำแก่โรงทาน แล้วคุณเจ้าหน้าที่วัดก็บอกว่า โรงทานมีก๋วยจั๊บบริการไปรับได้นะคะ 

                    แอบเมาท์ พระที่นี่แต่งตัวแบบวัฒนธรรมจีนแหละ ตอนเข้าไปที่ตึกแรกเนี่ยเราได้ยินเสียงท่านคุยกะญาติโยมก็ไม่ได้อะไร พอหันไปมอง เอ๊ะ สีจีวรก็ส้มเหมือนจีวรพระทั่วไป แต่ชุดท่านเป็นเสื้อและกางเกงแนววัดเส้าหลินแฮะ จะว่าไป จีวรลักษณะแบบจีนก็ดีเหมือนกันนะเดินสะดวกทะมัดทะแมงดี

พระที่ประดิษฐานในตัวตึก

                    จากนั้นพวกเราก็เลยแวะไปโรงทานกันก่อน มีก๋วยจั๊บจริงๆด้วย แต่เป็นก๋วยจั๊บเจ ทุกอย่างไม่ได้ทำจากเนื้อสัตว์เลย ก็..อร่อยดีนะคะ ดีแล้วที่ไม่ได้ทำจากสัตว์ อีนี่ฉานขี้เกียจไปบอกคุณป้าที่ตักอาหารว่า ไม่ใส่โน่นนี่นั่นค่ะ พอทุกอย่างคือผักจำแลงจึงจัดการลงท้องได้หมด เอิ้ก 

            เราเดินกลับกันมาที่ตึกแรก และพบว่ามันมีมากกว่าเจ้าแม่กวนอิมพันมือ สองท่านแรกที่ต้อนรับเรา ด้านขวามือคือพระพิฆเนศองค์ใหญ่ ส่วนด้านซ้ายมือคือพระนอนองค์..มหึมา (อารมณ์คล้ายๆพระนอนที่วัดโพธิ์ แต่ท่านนี้ทำด้วยไม้) แล้วก็มีเทพนานาท่าน รู้จักมั่ง ไม่รู้จักมั่ง แล้วก็มีรูป 12 นักกษัตริย์(ก็วัดจีนน่ะนะ) ยังไม่ถึงพระแม่กวนอิมก็มีจุดให้ถ่ายรูปเยอะแยะไปหมดเลย 

พระนอน

พระพิฆเนศ

                    ในที่สุดก็มาถึงไฮไลท์ เจ้าแม่กวนอิมพันมือ ท่านมีสี่หน้าเลยนะคะ แล้วแต่ละหน้าแต่ละด้านก็จะถืออาวุธ(น่าจะคืออาวุธนะ)แตกต่างกันไป ไม่ทราบที่มาที่ไปว่าเหตุใดถือสิ่งๆนั้นเหมือนกัน องค์ใหญ่มหึมาสมกับการเป็นจุดสำคัญของวัดจริงๆ และตัวโบสถ์ภายในรอบๆเจ้าแม่กวนอิมพันมือก็จะมีเจ้าแม่กวนอิมองค์ขนาดย่อมๆลงมา(สูงประมาณคนธรรมดา)หลากท่าหลายทางประดิษฐานรายล้อม นอกจากเจ้าแม่กวนอิมพันมือแล้ว ที่นี่ยังมีเจ้าแม่กวนอิมกว่าร้อยองค์ด้วยแหละ ที่น่าตะลึงพอกันคือเซียมซี มันมีเซียมซีกระบอกนึงยาวประมาณเมตรนึงอ่ะ คือแบบ ใครจะเสี่ยงอันนั้น(วะ?) เหลียวซ้ายแลขวาเห็นเซียมซีแบบปกติ เลยเสี่ยงจากแบบปกติดีกว่า และคำทำนายที่เราได้ก็คือ “ประกาศิตถึงมือย่อมมิอาจปฏิเสธได้ จะร้องเพลงดื่มเหล้าได้ตามสบาย ข่าวคราวของเพื่อนพ้องสนิทมาชิดใกล้ ถามถึงคู่ครองจะได้สมอารมณ์หมาย” แม่มาอ่านดีใจใหญ่ว่าลูกฉันจะมีแฟนแล้ว(โว้ย) ตัดภาพมาที่ลูกสาว ลูกสาวกำลังฟังคุณน้าเมาท์พี่เขยน้องเขยและพูดว่า “โชคดีที่ฉันเป็นโสดเลยไม่ต้องทนกับผัวหรือผู้ชายที่ไหน พวกแก(พี่สาว/น้องสาวของน้า) เลือก(ผัว)กันมาเองก็ทนกันไปเองละกัน” แล้วลูกสาวก็หัวเราะร่วนอย่างถูกอกถูกใจ ลูกสาวช่างไม่มีความรู้สึกร่วมกับแม่เอาซะเลย 

เจ้าแม่กวนอิมพันมือ

ถ่ายไฟเป็นแฉกได้แล้ว เย่ (จับกล้องตั้งกับเก้าอี้แล้วคุกเข่าถ่าย ความพยายามนี้..)
                
                    วัดนี้เหมาะกับสายบุญที่เชื่อศาสตร์ทางจีน(มีจุดให้แก้ชงด้วยล่ะ) เหมาะกับคนที่นับถือเจ้าแม่กวนอิม พระพิฆเนศ เหมาะกับคนนับถือพระนอนหรือเกิดวันอังคาร(พระนอนเป็นพระประจำคนเกิดวันอังคาร) และเหมาะสำหรับสายบุญที่อยากได้รูปสวยๆ เก็บรูปสวยๆได้แน่นอน 


                    วัดถ้ำคีรีวงศ์
            จากวัดสายจีน มาต่อกันที่วัดสายนาคหรือสายพญานาค วัดนี้มีทางไปเดียวกับวัดเมตตาธรรมฯค่ะ ถึงก่อนด้วย  
            ตอนมาถึงคุณน้าถามเราว่าอยากไปเที่ยวแนวไหน เราตอบว่าใกล้ปีใหม่อยากไปวัดเพื่อความเป็นสิริมงคล น้าจึงแนะนำวัดเมตตาธรรมฯและแนะนำวัดนี้ พร้อมบอกรายละเอียดของวัดนี้
            น้าเล่าว่า วัดนี้เป็นวัดพญานาคสีดำ อยู่มาวันหนึ่งมีเพื่อนน้าคนหนึ่งเขาฝันว่ามีพญานาคมาเข้าฝันบอกว่าอยู่ที่กาญจนบุรี ไปๆมาๆเขาก็มาทำบุญกันที่วัดนี้ น้ามาร่วมบุญด้วย ซึ่งตอนทำพิธี(เขาทำพิธีอะไรก็ไม่แน่ใจ) น้ามองขึ้นไปบนฟ้าแล้วพบว่าเมฆบนฟ้าเรียงตัวกันเป็นรูปคล้ายพญานาค เขาจึงเชื่อกันว่าท่านที่นี่แหละที่ไปเข้าฝันเพื่อนคนนั้น 
            วัดนี้เป็นวัดขนาดย่อมกว่าวัดเมตตาธรรมฯ เมื่อเข้ามาจะเป็นลานกว้าง ด้านในสุดเป็นอุโบสถซึ่งตอนเรามานั่นน่ะเขากำลังบูรณะอยู่(เลยไม่ได้เข้า) ส่วนจุดที่คนสักการะนั้นคือฝั่งขวา ฝั่งที่เป็นรูปปั้นของพญานาคสีดำหน้าตาเคร่งขรึม(หนูอธิบายตามที่เห็นไม่มีเจตนาลบหลู่เจ้าค่ะ) ด้านซ้ายของท่าน(ด้านขวาของเรา)มีพญานาคอีกหนึ่งองค์สีขาว ซึ่งน้าบอกว่าองค์นี้เป็นภริยาขององค์ดำ มีคนเข้ามาสักการะ จุดธูป จุดเทียน ขอพรกันไม่น้อย ส่วนบ้านเรานั้นเป็นคนเข้าวัดสายขี้เกียจ ขี้เกียจในที่นี้คือขี้เกียจจุดธูปจุดเทียน แล้วเลยขออนุญาตไหว้มือเฉยๆ 
บอกท่านว่าขอถ่ายรูปหน่อยนะคะ จะนำไปเขียนบล็อกแนะนำที่ท่องเที่ยว

หนูทำตามสัญญาแล้วนะคะ :D

        น้าบอกว่าวัดนี้เด่นเรื่องโชคลาภ ขอให้ถูกหวย อะไรเทือกนั้น และเล่าว่า(ถ้าจำไม่ผิด)องค์พญานาคท่านมักให้พรแก่นักขอพรขาจร(นักท่องเที่ยว)มากกว่านักขอพรประจำท้องที่(คนกาญจน์ฯ) อันนี้ไม่ทราบและไม่ยืนยัน คุณผู้อ่านอยากทราบต้องลองไปเยี่ยมท่านด้วยตัวเองแล้วล่ะค่ะ 
        ด้านซ้ายมือของรูปพญานาคนั้นคือจุดขายเครื่องของมงคลต่างๆ ตั้งแต่กำไล สร้อยข้อมือ แผ่น(คล้ายๆการ์ดอ่ะ)รูปพญานาคพร้อมบทสวด แหวน อะไรแบบนั้น ราคาแตกต่างกันออกไป แม่เราดันไปถูกใจสร้อยข้อมือเส้นหนึ่ง เป็นหินยูนาไคท์ ลูกปัดสามสีแบบสามกษัตริย์ และเป็นพญานาครูปวงๆ เราเห็นก็รู้สึกว่าสวย แม่ก็เลยช่วยทำบุญด้วยการซื้อข้อมือเส้นนี้ให้เรา น้าเห็นก็บอกว่า อุ๊ยนาคเกี้ยว ได้คู่แน่เลยเธอ (ฉัน - ยิ้มแห้ง) ซึ่งเราไปหาข้อมูลละ นี่คือสิ่งที่เรียกว่า “นาคบาศ” ไม่ใช่ “นาคเกี้ยว” นาคบาศให้คุณด้านมีกินมีใช้ เมตตามหานิยม และแคล้วคลาด เออเริด เหมาะกับฉันมากกว่านาคเกี้ยว หึหึ อ่อใช่ วันที่ไปมีคนมาแจกมะละกอให้ฟรีด้วยล่ะ
        วัดคีรีวงศ์มีถ้ำให้นักท่องเที่ยวเยี่ยมชมด้วยนะคะ แต่วันนั้นเราไม่ได้เข้า เพราะสมาชิกเราส.ว.(สูงวัย) เยอะไปหน่อย แม่เลยแบบ เอาไว้มาคราวหน้าละกัน 
        ต้องมาคราวหน้าแน่ล่ะ เพราะอีกวัดหนึ่งที่น้าแนะนำ คือ วัดถ้ำพุหว้า ยังไม่ได้ไป... 
        ใครเป็นสายพญานาค สายขอหวย ขอโชคลาภร่ำรวย มากาญจน์ฯก็ลองแวะมาวัดนี้ได้ค่ะ


                จริงๆมีที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกที่เรายังไม่ได้ไป เช่น ร้านคีรีมันตรา ซึ่งเป็นทั้งร้านอาหารและร้านกาแฟ สวนเมเปิ้ล ซึ่งเป็นทั้งสวนดอกไม้และมีบุฟเฟต์ลำไย(คนละร้อยกว่าบาท กินลำไยได้ไม่อั้น//เขาโฆษณาไว้งั้น) และวัดที่ยังไม่ได้ไปเช่นวัดถ้ำพุหว้าและวัดถ้ำเสือ นอกจากนี้ก็มีที่ท่องเที่ยวเปิดใหม่อีกหลายแห่ง เช่น ต้นจามจุรียักษ์(ป้าอยากไป พ่อสนใจ ส่วนข้าพเจ้าและแม่ : ที่จุฬาฯก็มีป่ะ//จบจุฬาฯทั้งคู่) เมืองมัลลิกา และอะไรสักแห่งที่จัดโลเกชั่นคล้ายประเทศเกาหลีใต้ รวมไปถึงที่เที่ยวโบราณสถานและที่ท่องเที่ยวธรรมชาติอีกมากมาย มีโอกาสคงต้องไปอีกรอบหรือหลายรอบเพื่อเก็บให้ครบ
        นอกจากนี้ยังมีที่เที่ยวอื่นๆ เช่น สุสานสัมพันธมิตร อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากสกายวอล์ค ขับรถผ่านสองสามรอบ แต่เรารู้สึกว่า...มันก็ คือสุสานน่ะ เลยไม่ได้สนใจมาก หรือมีพิพิธภัณฑ์ เช่น พิพิธภัณฑ์สงคราม ซึ่งน้าบอกว่ามีเครื่องเคราต่างๆที่ใช้สมัยสงคราม อะไรแบบนั้น และฮอตฮิตสุดคงหนีไม่พ้นทางรถไฟสายมรณะ ซึ่งเราเคยไปแล้ว ส่วน เอ้อ อะไรล่ะ ที่อยู่แถวทองผาภูมิ อ่อ สะพานมอญ นั่นไกลมากเลยนะ ต้องไปจากตัวเมืองกาญจน์ฯอีกสองร้อยกว่ากิโลเมตร เผลอๆไกลกว่ากลับกรุงเทพฯอีก จึงไม่ได้ไปเช่นกัน 
        ความรู้รอบบั้นเอวส่งท้าย สำหรับคนที่ไปเที่ยวตัวเมืองกาญจน์ฯ แล้วสงสัยว่า ปลาบนเสาไฟฟ้านั่นคืออะไร นั่นคือปลายี่สกค่ะ เป็นปลาประจำจังหวัดกาญจนบุรี (ขอบคุณคุณน้าสำหรับข้อมูล)


                ตอนหน้าเป็นตอนส่งท้ายเกี่ยวกับเมืองกาญจน์ฯ จะเล่าถึงร้านอาหารที่เราแวะไปอุดหนุนและโรงแรมที่ไปพัก แล้วเจอกันสัปดาห์หน้านะคะ
    
                สวัสดีค่ะ
 

                   

           








               
                    

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คลังศัพท์ไว้ตั้งชื่อ

เราต่างเป็นกาลีในชีวิตใครบางคน

จำหน่ายคดีหัวใจ