เด็กใหม่ในโลกแห่งการทำงาน


      ที่สุดแล้ว  พวกเราทุกคนก็ได้รับคำสั่งให้ออกปฏิบัติงานจริง ณ ต่างจังหวัด  ราวกับลูกนกที่ถูกพ่อแม่นกตะเพิดให้บินออกสู่โลกกว้างเอง

     เราไม่รู้ว่าเพื่อนร่วมรุ่นคนอื่นเป็นเช่นไร  แต่สำหรับเรา  สามคำสั้นๆคงหนีไม่พ้น

     มัน-เละ-มาก


     การทำงานจริงไม่มีอะไรง่ายสักอย่าง  แม้จะเคยได้รับการอบรมและฝึกหัดมาอยู่บ้าง  แต่มันแทบจะทำอะไรไม่ได้เลยเมื่อพบของจริง
    ... ตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับเด็กฝึกงานระยะรอผ่านโปรช่วงสามเดือน (ซึ่งหากประเมินจริงๆคงไม่ผ่าน)

     ไอ้โน่นก็ผิด  ไอ้นี่ก็ลืม  รายละเอียดที่ควรใส่ไม่เขียน  รายละเอียดที่ไม่ต้องเขียนดันไม่ใส่
    ...คงต้องมีคนนินทากันบ้างแหละว่า วันนี้ยายเด็กใหม่จะทำพลาดอะไรอีก

     สงสารก็แต่คนที่ต้องทำงานกันเราโดยตรง  ที่ต้องคอยสอนงานต่างๆและพบว่า  ยัยนี่ไม่รู้หลายเรื่องมาก
     เหนื่อยแทนเขา  ท้อใจกับตัวเอง

     จริงๆตอนทำงานบริษัทเอกชนยังไม่รู้สึกแย่ขนาดนี้นะ


     ล่าสุด  เขาเรียกมาสอนว่า  การออกงานเขียนของเรานั้น  หากจะปฏิเสธคำขอใดๆจะต้องให้เหตุผลเสมอ...
     ซึ่ง... เราไม่รู้

     คือ  รู้อยู่บ้าง  แต่ไม่คิดว่ามันเคร่งครัดขนาดต้องใช้ทุกที่ 

     พี่เขาตกใจมากที่เราไม่รู้  แต่ก็สอนให้ว่ามันต้องทำงี้ๆๆ

     ไม่เคยทำงานแล้วรู้สึกโง่แบบนี้มาก่อน


     ไลน์ไปบ่นล้งเล้งให้เพื่อนที่ทำอาชีพเดียวกันแต่ทำมานานกว่าฟัง นางบอกว่า ธรรมดา

     "แหมแก  ออกรอบแรก"
     "ทำไงได้ไม่รู้นี่"

     เพื่อนค่อนข้างให้กำลังใจ  แต่การให้กำลังใจของเพื่อนไม่ทำให้นางนี่เลิกรู้สึกแย่กับตัวเอง

     เพื่อนบอกอีกว่างานเอกชนเขาไม่ไซโคคนทำงานแบบงานเราๆหรอก  แล้วพนักงานเอกชนก็ไม่ได้ถูกคาดหวังว่าจะต้องทำได้ทุกเรื่องแบบพวกเรา
     ซึ่งมันโคตรจริง

     เชื่อมั้ย  จากวันแรกที่คิดว่าจะอยู่จนเกษียณ  ทำงานจริงไม่ถึงสามเดือนเริ่มรู้สึกว่า อยู่จนได้บำนาญเมื่อไหร่จะลาออก  จนวันนี้
    ... เอาแค่เลยห้าปียังไม่แน่เลยว่ายังอยากทำงานนี้อยู่รึเปล่า



     เข้ากูเกิ้ลค้นคำว่า  "รู้สึกว่าตัวเองไม่เก่ง"  พบว่า  มีคนหลายคนที่คิดไม่ต่างจากเรา

     รู้สึกว่าตัวเองไม่มีความสามารถ
     ยิ่งทำงานเหมือนยิ่งโง่ลง
     รู้สึกแย่กับตัวเองที่ไม่สามารถทำงานออกมาดีได้  ฯลฯ

     นั่นทำให้รู้ว่า  เราไม่ใช่คนเดียวในโลก  ที่รู้สึกหดหู่กับตัวเอง  อันเนื่องมาจากการทำงาน

     มีความเห็นหนึ่งที่โดนใจมาก  เขาบอกประมาณว่า  คนโง่ที่รู้ว่าตัวเองโง่  คือคนที่สามารถพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นได้


     เรารู้ว่าตัวเองโง่  และเราก็เรียนรู้จากความผิดพลาดตัวเองทุกวัน

     อะไรที่เขาสอนแล้วจำได้  เราก็จะพยายามทำให้ถูกต้องในครั้งถัดไป  แม้ว่าพอครั้งถัดไปมาถึง  มันจะมีอะไรใหม่ๆมาให้เราโง่แล้วผิดในอีกที่นึงก็ตาม

     เป็นคนที่มีดวงเจองานแปลก  จนอยากบอกดวงว่า  หยุดเถ้ออ

     ก็หวังว่าความโง่ของตัวเองจะลดลงเรื่อยๆ  แต่จะกลายเป็นคนฉลาดขึ้นมาเมื่อไหร่นั้น

     ยังมองอนาคตไม่ออกจริงๆ



     ถ้าเรายังไม่ตายไปจากโลกใบนี้  และ/หรือ  ยังไม่ตายไปจากการทำงานๆนี้  คงจะมีโอกาสได้มาอัพเดตความเป็นไปในคราวหน้า



     ฝากไว้นิดหนึ่ง  สำหรับคนที่สนใจในอาชีพผู้พิพากษา  หากคุณไม่ได้มีความสุขอยู่กับบรรดากฎหมายและฎีกา  ไม่โสภากับการไปนั่งเจรจาพาทีฟังคนเอาเรื่องเอาความกัน ไม่ชอบเขียนอะไรยาวๆ  มีสกิลด้านความละเอียดรอบคอบระดับต่ำแถมยังเง่อะๆเงิ่นๆไม่ค่อยทันคน
     อย่าลงมาในสนามนี้เลย 

     ที่สุดแล้วคุณจะพบว่า  ในเกียรติยศและสิทธิต่างๆที่ได้มา  มันมีราคาที่ต้องจ่าย  หนึ่งในนั้น  คือความสุขของคุณ

     เราไม่ได้กันท่า  และไม่เคยบอกว่ามันไม่ดี  เราแค่อยากชี้ว่า  ความเป็นไปของอาชีพนี้  มันไม่เหมาะกับทุกคน


     ชีวิตมันสั้นนะคุณ  อย่าพยายามทำให้มันดูยาวนานขึ้นด้วยการเลือกงานที่ไม่ตรงกับจริตเลย 


     ขอให้ทุกคนได้งานที่ตัวเองรักและมีความสุขกับการทำงาน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คลังศัพท์ไว้ตั้งชื่อ

เราต่างเป็นกาลีในชีวิตใครบางคน

จำหน่ายคดีหัวใจ