ฉันชื่อความครุ่นคิด
สวัสดี
ฉันชื่อ ความครุ่นคิด
นิสัยของฉันคือกระตุ้นให้ผู้คนหวนคำนึงถึงสิ่งต่างๆรอบตัว ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว กับเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น
ฉันมีตัวตนอยู่ในหัวสมองของคนทั่วไป แต่กระนั้น ฉันกลับส่งผลต่อแต่ละคนได้...ไม่เท่ากัน
กับคนบางคน ฉันแทบไม่ส่งผลอะไรเลย คนๆนั้นแทบจะไม่เคยนั่งกลุ้มกับสิ่งรอบตัวเขาเลย....รอดไปนะนาย
กับคนบางคน ฉันมีอิทธิพลต่อชีวิตเขาอย่างมาก คนๆนั้นจะเอาแต่คิดซ้ำไปซ้ำมาถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างเอาเป็นเอาตาย
และกับอีกหลายๆคน ก็คิดมากเป็นบางเรื่อง คิดน้อยเป็นบางเรื่อง แล้วแต่สถานการณ์และอารมณ์ขณะนั้น
ภาษาอังกฤษของคำว่า "ความคิด" ทั่วๆไปนั้นคือ "Thinking"
Thinking นี้คือการคิดแบบทั่วๆไป ไม่มากไม่น้อย
ไม่คิดเลยนั้นไม่ดี เพราะการทำอะไรไม่คิดก่อผลเสียได้มหาศาล ขึ้นอยู่กับความดวงซวยของแต่ละคน
คิดมากนั้นจะไม่ใช้คำว่า Thinking ละ แต่มันจะข้ามไปหลายคำเหลือเกิน เช่นว่า
- ถ้าคิดมากจนกลายเป็นโรควิตกกังวล หรือมีอาการวิตกกังวลเกินกว่าเหตุ ภาษาอังกฤษเรียกว่า "Anxiety"
- ถ้าคิดมากและโทษตัวเองเข้าหนักๆจนเกิดอาการไร้ความกระตือรือร้นหรือซึมเศร้า ภาษาอังกฤษเรียกว่า "Depression"
- ถ้าคิดซ้ำไปซ้ำมาและมีพฤติกรรมย้ำๆซ้ำไปมากับเรื่องบางเรื่องเกินกว่าเหตุ อันนี้อาจมีอาการของโรคย้ำคิดย้ำทำ หรือที่เรียกว่า OCD : Obsessive Compulsive Disorder
ที่กล่าวมานั้นล้วนเป็นเครือญาติกันกับฉันทั้งสิ้น
อะไรนะ แล้วฉันชื่ออะไรในภาษาอังกฤษน่ะเหรอ ฉันชื่อ Rumination แปลตามพจนานุกรมทั่วๆไป แปลว่า การครุ่นคิด การใคร่ครวญ การตริตรอง
มีทั้งความหมายเชิงบวกและลบเนอะ อย่างว่าแหละ เหรียญมันมีสองด้าน หลายๆสิ่งหลายๆอย่างในโลกใบนี้ก็มีทั้งดีและไม่ดีทั้งนั้น รวมทั้งฉันด้วย
ในแง่ดีก็คือ หากคนๆหนึ่งมีการใคร่ครวญและวางแผนอย่างรอบคอบก่อนทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะก็ มีแนวโน้มเป็นอย่างสูงที่งานของเขาจะออกมาสมบูรณ์แบบ มีข้อผิดพลาดน้อยที่สุด เว้นแต่เหตุสุดวิสัยจริงๆ
เอ....ฉันคือดาวพฤหัสฯหรือเปล่าน้าา
ในแง่เสียนั้น หากใครสักคนเอาแต่คิดมากเกินไปแต่ไม่ยอมลงมือทำ งานมันก็จะสมบูรณ์แต่ในจินตนาการแต่ไม่ออกมาเป็นรูปเป็นร่างเสียที
หรือว่า หากใครสักคนเอาแต่ครุ่นคิดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้ว หรือเรื่องที่ยังมาไม่ถึง แล้วเกิดความเครียดจนไม่เป็นอันกินอันนอน แบบนี้ไม่ดีเลย
ฉันก็อยากช่วยอยู่หรอกนะ แต่ปัญหาคือ พอฉันทำงานแล้วเนี่ย ฉันหยุดเองไม่ค่อยได้เสียด้วยสิ
ฉันมีเพื่อนอยู่รายหนึ่งด้วยนะ เขาคือ "ความคิดด้านลบ"
ถามว่าสนิทมั้ย ไม่ได้อยากสนิทด้วยเท่าไหร่หรอก แต่บางที หมอก็ชอบเข้ามาพัวพันอยู่ข้างๆเรื่อย
พอใครสักคนหนึ่งครุ่นคิดเรื่องต่างๆไปสักพักแล้วเนี่ย หลายครั้งที่พวกเขาจะเกิดความคิดแย่ๆกับตัวเองขึ้นมา "โห...เราไม่น่าทำแบบนี้ในสถานการณ์นี้เลยว่ะ" "ตายละ การที่เราพูดแบบนั้นไป คนๆนั้นเขาจะโกรธเรามั้ยเนี่ย" "ที่มันต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะเรามันห่วยยย" ฯลฯ
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อความคิดด้านลบตัวดีย่องเข้ามาผสมโรง ทำเอาคนที่คิดมาก deep down เอ้อ โทษที ภาษาไทยเขาเรียกอะไรนะ อ๋อ วิตกกังวล มากกว่าเดิม แล้วดูนั่นสิ เจ้าความคิดเชิงลบกำลังหัวเราะชอบใจอยู่ ที่การกระตุ้นของมันได้รับการตอบสนองที่ดีในมนุษย์
ดีสมน้ำหน้าน่ะสิ
'หยุดนะ หยุดเดี๋ยวนี้' ฉันพยายามร้องห้ามปราม แต่เสียงของฉันไม่มีผู้ใดได้ยิน คนที่คิดมากยังคงคิดลึกขึ้นไปเรื่อยๆ แล้วก็เครียดมากขึ้นเรื่อยๆ
และหากใครสักคนเอาแต่คิดมากไปเรื่อยๆอย่างไม่สามารถควบคุมตนเองได้ มีแนวโน้มสูงที่เขาจะป่วยเป็นโรควิตกกังวล โรคซึมเศร้า หรืออาการผิดปกติทางจิตอย่างอื่นอีกมากมาย
สุดท้ายฉันจึงถูกตราหน้าว่าเป็นสาเหตุบ้าง เป็นอาการบ้าง เป็นผลพวงบ้าง ของความผิดปกติทางอารมณ์และจิตใจ(Mental disorder) ทั้งหลาย
ฉันไม่ชอบอยู่ในสถานการณ์แบบนี้เลย ให้ตายสิ
การตริตรองอย่างรอบคอบในการใช้ชีวิตเป็นสิ่งดี แต่การย้ำคิดจนกลายเป็นคร่ำครวญนั้นไม่ดี ปัญหาคือ หลายคนที่คิดมากก็ไม่ค่อยจะคิดว่าการคิดมากของตัวเองเป็นปัญหา
ส่งผลให้ยังคงคิดมากต่อไป
กระนั้น ก็มีอีกหลายคนที่หยุดการครุ่นคิดจนคลุ้มคลั่งลงได้ และสิ่งที่หลายคนใช้นั้นมีชื่อว่า "สติ" กับ "สมาธิ"
ฉันเห็นหลายคนนั่งสมาธิเป็นประจำ แเละเรียนรู้ที่จะเอาการฝึกสมาธินั้นมาควบคุมความครุ่นคิดอย่างฉัน เท่าที่สังเกต ฉันว่าเขาปล่อยให้ฉันทำงานไปพักหนึ่ง ก่อนจะเพ่งสมาธิไปที่เรื่องใดเรื่องหนึ่งแทนที่จะให้ฉันทำงานไปเรื่อยๆ
การที่เขาเพ่งสมาธิไปกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ทำให้ฉันหยุดเคลื่อนไหวได้ ดีนะ ฉันไม่เหนื่อยมาก และเขาก็ไม่เครียดมาก win-win ทั้งสองฝ่าย
อีกเทคนิคนึงที่เจอคือ ดึงตัวเองออกมาจากความคิด
เวลาที่ผู้คนคิดมาก เขามักเอาตัวเองเข้าไปอยู่ท่ามกลางความคิด และมองว่าตัวเองเป็นเจ้าของทุกความคิดที่เกิดขึ้น
มีคนบางคนที่เวลาฉันเริ่มทำงานแบบควบคุมไม่ได้ เขาจะหยุดไปนิดหนึ่ง หันมามองฉัน แล้วจินตนาการว่าเขากระโดดออกมาจากตัวฉัน ก่อนจะปล่อยให้ฉันทำงานไปเรื่อยๆโดยเขายืนมองอยู่อีกมุมหนึ่งแทน เชื่อไหมว่า พอเขาจินตนาการแบบนั้นแล้ว การทำงานของฉันกลับสะดุดลงในบัดดล แล้วถ้าตอนนั้นเจ้าความคิดลบกระโดดเข้ามาแจมแล้วเนี่ย มันก็เกิดอาการชะงักไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว
สุดท้ายฉันก็หยุดทำงาน ส่วนเจ้าความคิดลบก็กระโดดไปที่อื่น
ฉันชื่นชมผู้คนเหล่านี้นะ ฉันว่าเขามีการจัดการตัวเองที่ดี และสามารถเอาฉันอยู่หมัดได้แทนที่จะปล่อยให้ฉันคุมเกมไปเรื่อยๆ
คุณรู้ไหม การที่ฉันอยู่ในสมองคุณ นั่นหมายความว่า คุณมีอำนาจเหนือฉันและสามารถควบคุมฉันได้ เพียงแต่ว่า ฉันบอกไม่ได้ว่าวิธีควบคุมฉันมีอย่างไรบ้าง
นั่นเป็นสิ่งที่คุณต้องหาเอาเอง
ฉันสนับสนุนให้คุณหานะ เพราะตราบใดที่คุณสามารถจัดการสิ่งต่างๆให้อยู่ในกำมือได้ คุณจะไม่ถูกอิทธิพลใดๆในโลกนี้ผลักดันให้คิด พูด หรือทำ ในสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ และนั่นจะเป็นประโยชน์ต่อตัวคุณเองและคนรอบข้างมากกว่า
และแม้จะมีคนกล่าวหาฉันว่าเป็นตัวร้าย ก่อให้เกิดอันตรายต่อระบบประสาท หรืออะไรก็ตาม โปรดจงรู้ไว้ว่า ฉันอยู่ข้างคุณ
เพราะฉันเป็นของคุณ
ฉันคือความครุ่นคิด
ฉันอยู่ในสมองของคุณ อยู่มานานแล้ว และจะอยู่ต่อไปเรื่อยๆ
ฉันมีหน้าที่กระตุ้นให้คุณคิด แต่พอทำงานแล้วฉันหยุดเองไม่ได้ และหากคุณหาวิธีควบคุมฉันไม่ได้ คุณก็มีแนวโน้มจะคิดไปเรื่อยๆไม่หยุด
ฉันรักคุณนะ ฉันอยากให้คุณมีความสุข แต่ฉันก็ทำได้เท่าที่ทำได้
ควบคุมฉันให้ได้ ใช้ฉันให้เกิดประสิทธิภาพต่อชีวิตให้ได้ แล้วคุณจะมีความสุข
มาทักทายแค่นี้แหละ
สวัสดี
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น