โสดสตอรี่ : จีบได้นะ แต่...



     ไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปสักเพียงใด  โลกนี้ก็ยังมีผู้หญิงอยู่กลุ่มหนึ่ง  กลุ่มที่บอกตัวเองว่า  "ฉันจะไม่เป็นฝ่ายเริ่มจีบใครก่อน..เป็นอันขาด"  หลงเหลืออยู่
     ขอโสดอยู่เฉยๆดีกว่า  ว่าแบบนั้น

     และไม่ว่าจะชอบใจหรือไม่  ข้อเท็จจริงก็มีว่า  ยิ่งผู้หญิง "เต็ม"  ในตัวเอง  เท่าไหร่  หล่อนก็มีแนวโน้มจะกระเหี้ยนกระหือรือในการ  "เติม"  สิ่งที่ไม่มี  น้อยลงเท่านั้น
     "เต็ม"  คือ  ยืนด้วยลำแข้งตัวเองได้  มีงานทำ  มีเงินใช้  มีเพื่อนดีๆ  มีความสุข
     "เติม"  ในที่นี้คือ  ไขว่คว้าหาความรัก

     แล้วเชื่อเถอะว่าในคนกลุ่มนี้  จะต้องมีพวกที่ถ้าหากไม่  "เลือกมาก"  ก็เป็นพวก  "ไม่ฉลาดในเรื่องความรัก"  อยู่บ้าง  ไม่มากก็น้อย
     บ้างก็เป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง  หรือบางคนอาจจะเป็นทั้งสองอย่างเลยก็ได้



     พวกเลือกมากนั้นมีเหตุผลในตัวเอง  ยิ่งเขามีอะไรๆในตัวมากเท่าไหร่  ความเลือกมากก็ยิ่งทับเท่าพันทวี

     พวกมีทรัพย์สินมากจะไม่เลือกคนที่จนกว่าตัวเอง..
     พวกมีอายุเพิ่มขึ้นบางคนก็จะไม่เลือกคนอายุน้อยกว่า(ไม่ใช่ทุกคนที่ชอบกินเด็ก)
     พวกมีหน้าที่การงานดีก็มักไม่เลือกคนที่ตำแหน่งงานต่ำกว่าตัวเอง
     ฯลฯ
     หรือแม้แต่..คนที่ดูดวงเป็นก็จะเลี่ยงคนที่ราศีเป็นทุสถานภพของตน

     เหตุผลของการ "เลือกมาก" นั้นมีล้านแปด


     ดังนี้  ถ้าคุณผู้ชายเกิดชอบผู้หญิงขึ้นมาสักคน  การรู้ข้อมูลของอีกฝ่ายก่อนเป็นเรื่องที่ดี  จะได้ไม่เดินสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไปจีบแบบไม่รู้เรื่องรู้ราว  โดนตอกหน้าหงายกลับมาจะเสียเหลี่ยมลูกกำนันเอาง่ายๆ

     ส่วนการสอบประวัตินั้นก็ลองเลียบๆเคียงๆเอาจากคนแวดล้อมของพวกหล่อนดู  หรือไม่  สมัยนี้เข้าถึงโซเชี่ยลมีเดียง่ายจะตายไป  ถ้ารู้จักกันอยู่ก่อนแล้วลองแอ๊ดเฟรนไปดูสิ
     ส่วนถ้าไม่รู้จักนี่ยากหน่อย  อาจจะต้องลองเสี่ยงดู  แต่แนะนำให้เข้าไปเป็นเพื่อนในชีวิตจริงให้ได้ก่อนจะดีกว่า

     แต่จะว่าไป  สิ่งที่ดูยากที่สุดว่าเข้ากันหรือไม่เข้ากันน่ะ  ดันเป็นตัวอย่างสุดท้ายน่ะสิ

     "ดวง"

     จริงๆถ้ามีโอกาสใช้ชีวิตใกล้กันก็สามารถตรวจสอบความรู้สึกส่วนตัวได้นะว่าเข้ากันได้มั้ย  แต่ต้องระวังคือกรณีที่ถ้าอีกฝ่ายมีเสน่ห์มาก  เพราะความรูปสวยเนี่ยแหละทำให้เราลืมที่จะตระหนักว่าเวลาอยู่ใกล้ๆกัน  มีแรงดึงดูดเข้าหากันจากราศีหรือเปล่า
     อะไรนะ  ไม่เคยรู้สึกเหรอ  เฮ้อ  ไม่เป็นไร  แม่หมอในฐานะคนคุ้นเคยกับการแบ่งประเภทคนจากราศีรู้สึกเองคนเดียวก็ได้

     ก่อนอื่น  ถ้าอีกฝ่ายไม่สนใจเรื่องดวงเลย  คุณโชคดีแล้ว  เดินกล้าเข้าไปสานสัมพันธ์เลย  ถ้าอยู่ข้างกันแล้วไปด้วยกันได้ก็ถือว่าผ่านโดยอนุโลม
     แต่  ถ้าอีกฝ่ายเชื่อเรื่องดวงหรือสกิลสูงกว่านั้นคือ  เป็นแม่หมอในศาสตร์ใดศาสตร์หนึ่ง(โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  แฮ่ม  โหราศาสตร์ไทย)  คุณมีงานเพิ่มแล้ว  งานที่ว่าคือกรุณารู้ดวงตัวเองเสียก่อนเดินเข้าหา  แต่ถ้าจะทำแบบทื่อๆเลยก็ได้  คือ  เดินเข้าไปขอให้เขาดูดวงให้เลยน่ะ  ยิ่งถ้ารู้จักกันอยู่แล้วไม่น่าจะมีปัญหา  ได้ดูฟรีด้วย  ดูเสร็จค่อยเลียบๆเคียงๆถามความเข้ากันได้ของราศีอีกที

     ขอให้โชคดีก็แล้วกัน



     พวกโสดจนเป็นปรมาจารย์ยังมีอีกหนึ่งประเภท  คือพวกไม่ฉลาดเรื่องความรัก

     ไม่ฉลาดนะ  ไม่ใช่ไม่ประสา  ต่างกันยังไงไม่รู้  แค่คิดว่าคำว่า  "ฉลาด"  มันเหมาะกับคนกลุ่มนี้มากกว่า

      พวกไม่ฉลาดก็จะเป็นพวก  "ไม่รู้"

     ..ไม่รู้ว่าการรักใครมันเป็นยังไง
     ..ไม่รู้ว่าตัวเองสามารถถูก  "แอบชอบ"  ได้
     ..ไม่รู้ว่าอากัปกริยาต่างๆที่เพศตรงข้ามแสดงออกมานั้นแปลว่าอะไร
     ..ที่สุดแล้วก็  "ไม่รู้"  ว่าคนใกล้ๆตัว  กำลังมีใจให้ตนเองอยู่

     บางทีต้องรอให้คนมากระซิบบอกว่า  คนนั้นคนนี้เขามีใจให้เธอนะ  และในบางทีกว่าจะรู้ก็หลังจากอีกฝ่ายเตลิดเปิดเปิงไปมีลูกมีเต้าแล้วเรียบร้อย
      คำตอบที่จะได้รับก็คือ  "อ้าวเหรอ?"

     จริงๆจะว่าไม่ฉลาดเลยบางทีก็อาจจะรุนแรงเกินไป  เอาเป็นว่า  "ไม่แน่ใจ"  อาจจะตรงกว่า  คือ  บางทีเราก็เห็นแหละ  อะไรแปลกๆน่ะ
     ....แบบว่าทำไมคนบางคนต้องจ้องมาที่เรา  แต่พอเรามองกลับก็หันควับไปเลย(สงสัยหน้าเรามีอะไรติด)
     ....แบบว่าทำไมบางคนถึงคอยมาไลค์ทุกอย่างที่เราโพสต์(เขาชอบบทความคล้ายๆเรารึเปล่า?)
     ....แบบว่าบางคนทำไมรอเปิดประตูให้เราทุกวัน(อ๋อ  เขาเป็นสุภาพบุรุษ)
     ....แบบว่าบางทีทั้งที่เราคุยอยู่กับอีกคนแท้ๆ  ทำไมเขาต้องแทรกเข้ามาคุยเหมือนเป็นเรื่องของตัวเองด้วย(อยากมีส่วนร่วม?)
      ฯลฯ
     คือมันก็เห็น  เราแค่ไม่คิดว่า  สาเหตุมันจะมาจากเรา  หรือให้ตรงประเด็นกว่านั้น  เราแค่ไม่กล้าเข้าข้างตัวเองว่าสาเหตุมันจะมาจาก  "ความรู้สึกบางอย่าง"  ที่เขามีต่อเรา  ก็เท่านั้นเอง

     แล้วเราก็ดันไม่ทำอะไรกลับไปด้วยน่ะซี  แหม  ถ้าช่ำชองเรื่องความรักขนาดนั้น  ป่านนี้ก็มีแฟนไปนานแล้วสิ



     การจะจีบสาวโสดทั้งสองประเภทนี้  หนุ่มๆจึงต้องมีภาระเพิ่มขึ้นอีก  กล่าวคือ  หากคุณผู้หญิงเป็นผู้หญิงประเภทแรก  สิ่งที่คุณต้องทำคือการพิสูจน์ตัวเองให้ได้ว่าคุณน่ะ  worth loving  หรือภาษาไทยคือ  มีค่าควรแก่การรัก
     ....เราเป็นคนดีนะ  เรามีงานมีการทำ  แม้จะไม่รวยแบบคนอื่นแต่เชื่อสิว่างานเรามั่นคง  ร้องเพลงเพราะ  เรามีความชอบคล้ายๆเธอนะ  เรามีสุขภาพดีนะ  หรือแม้แต่  ดวงเราดีนะ  ไม่สนเหรอ
     บลาๆๆๆ  เออ  โฆษณาไปเถอะ  ทำให้ได้ด้วยละกัน

     ส่วนถ้าจะจีบสาวประเภทหลัง  สั้นๆเลยค่ะ  "จะจีบก็บอกหน่อย  ไม่ค่อยฉลาด"  ตามนี้  อย่ามาทำเนียนๆโน่นนี่นั่น  คุณเธอไม่รู้หรอก  แล้วก็ไม่(กล้า)เข้าข้างตัวเองด้วย  แต่เชื่อสิว่าในบรรดาคนไม่ฉลาดในเรื่องความรักเนี่ย  จะต้องมีประเภท "โง่" แต่ "แฟร์" เหลืออยู่  คือถ้าไม่บอกก็จะไม่รู้  แต่ถ้าบอกให้เคลียร์แล้วเขาจะอนุญาตให้คุณเข้าไปจีบล่ะ  แต่จะวางกติกาอย่างไรอันนี้แล้วแต่คนนะ  ชอบใครก็ลองเสี่ยงดวงกันเอาเองเลย
     ส่วนพวกโง่แล้วยังแบบ..บอกจีบก็ไม่ให้จีบ นี่  ปล่อยนางโสดยาวๆไปเลยจ้า  นางอยู่ได้

     แล้วถ้าสาวโสดที่ว่าเป็นทั้งพวกเลือกมากแล้วไม่ฉลาดด้วยล่ะก็  คราวนี้ภาระคูณสองค่ะ  ถ้าคิดว่าคุ้มก็ลุยเลย  แต่ถ้าไม่  โน่น  ประตู
     ง้อใครซะที่ไหน...

   
     แต่แหม  พูดก็พูดเถอะ  สมัยนี้เห็นผู้ชายหลายคนไม่ค่อยจีบผู้หญิงเท่าไหร่  จะเป็นฝ่ายรอให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายเริ่มท่าเดียวเลย  ด้ายยย  เอาแบบนั้นก็ตามใจ  ประเทศไทยมีผู้หญิงเยอะกว่าผู้ชาย  ถ้าคุณดีจริงคงมีผู้หญิงใจกล้ารอเข้าหาแหละน่า  อย่ากังวลไป
     แค่จีบพวกเราผู้ไม่ยอมเข้าหาใครก่อนไม่ติดแน่ๆ  ฟันธง!!



     การได้เห็นงานวิจัยว่าความฉลาดของลูกมาจากแม่เป็นส่วนใหญ่  ทำให้สาวๆผู้มีมันสมองหลายคนออกอาการดีใจ  ด้วยความรู้สึกว่าถ้าฉันมีลูก  ลูกฉันต้องฉลาดแน่ๆ
     พวกโสดแบบเราๆหลายคนก็เป็นหนึ่งในนั้น

     ติดอยู่เรื่องเดียว  คือเราไม่รู้จะมีโอกาสได้เป็นแม่คนเมื่อไหร่  เพราะทุกวันนี้เราไม่เจอใครเลยและ/หรือไม่มีใครเข้ามาเกี้ยวพาราสีเราเลยสักคนเดียว
     สงสัยสติปัญญาและความสามารถที่มีคงต้องจบที่เราแล้วแหละ

     แต่..ไม่เป็นไรหรอก  มีผู้หญิงเก่งๆอีกหลายคนที่มีคนรักและพร้อมจะเป็นแม่คนอยู่  ถึงเราไม่มีลูกโลกนี้ก็ไม่แตกหรอกน่า  แถมเรายังสบายตัวสามารถทำอะไรได้อย่างอิสระด้วย
     จะว่าไป  เราไม่ยักกะเดือดร้อนที่ตัวเองไม่มีแฟนและจะไม่มีลูกเลยแฮะ  แต่โลกจะเดือดร้อนที่สติปัญญาและความสามารถของเราไม่ถูกถ่ายทอดไปถึงใครหรือเปล่า  เรื่องนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องของเราเสียหน่อย

     เอาล่ะ  เวิ่นเว้อมาเยอะละ  ขอกลับไปปั่นงานในโลกโสดๆของตัวเองต่อดีกว่า  เงินทองเป็นของสำคัญ  มันทำให้เราสามารถซื้อหาสิ่งที่ต้องการ  ไปเที่ยว  และเลี้ยงเราตอนแก่ได้
     ไม่มีแฟนไม่ลำบาก  ไม่มีเงินลำบากกว่า


     อยากบอกอะไรกับผู้ชายที่ชอบมาด้อมๆมองๆและไม่ทำอะไรสักทีอ่ะเหรอ  ก็...

     จีบได้นะ... แต่....
     (ย้อนกลับไปอ่านข้างบนใหม่นะ  555)


   

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คลังศัพท์ไว้ตั้งชื่อ

เราต่างเป็นกาลีในชีวิตใครบางคน

จำหน่ายคดีหัวใจ