สวดมนต์เถอะหนาออเจ้า


     (เป็นความเชื่อส่วนบุคคล  โปรดใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูล)

     เมื่อวานนั่งดูข่าว แล้วเจอข่าวว่า  พระสงฆ์สามรูปอ้างว่าวัยรุ่นอายุ 18 คนหนึ่งโดนคุณไสย  บังคับให้เด็กดื่มน้ำมนต์ของตัวเองจนเด็กอาเจียนและถึงแก่ความตาย....
     น่าสงสารตัวน้องและครอบครัวของน้องนะ

     แต่ในความสงสารนั้นเอง  ความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัวเรา


     "บ้านนี้ไม่ได้สวดชินบัญชรหรือเปล่านะ?"



     เราสวดมนต์ทุกวันมาตั้งแต่อายุประมาณ 10 ขวบ(บวกลบไม่เกิน 5 ปี)  โดยเริ่มจากบท "อะระหัง สัมมา..."  แล้วตามด้วยการแผ่เมตตา

     เมื่อโตขึ้นและรู้สึกว่า  อยากได้ความคุ้มครอง(จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์)แบบadvanceขึ้น  เราจึงหัดท่องพระคาถาชินบัญชร  และผนวกพระคาถาชินบัญชรเข้าเป็น  "มนต์ที่ต้องสวดทุกวัน"  ไปด้วย

     หลังจากนั้น  เมื่อไปอ่านโน่นนั่นนี่มากขึ้น  เราเลยเลิกสวด "อะระหัง สัมมา.."
เพราะเห็นว่าบท  "อิติปิโส"  ที่สวดทุกวันแทนบทเดิมนั้น  เป็นบทสวดที่สรรเสริญพุทธคุณ  ธรรมคุณ  และสังฆคุณคล้ายกับบทเดิม  จึงไม่อยากสวดให้ซ้ำซ้อนกัน

     ทุกวันนี้  ก่อนนอน  เราจะสวดอิติปิโส แผ่เมตตา แล้วตามด้วยชินบัญชร ทุกคืน



     ตามตำราทางพระพุทธศาสนาแล้ว  การสวดมนต์ให้อานิสงฆ์กับชีวิตไม่น้อย  เท่าที่อ่านมาแล้วจำได้แบบไม่ต้องหาข้อมูลเพิ่มก็เช่น
     - ทำให้หลับเป็นสุข  คือไม่ฝันร้าย  และตื่นเป็นสุข
     - เป็นที่รักของมนุษย์ อมนุษย์ และเทวดาทั้งหลาย
     - ช่วยคุ้มครองภัยให้ผู้สวด  โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะสวด  เนื่องจากเทวดาจะมาชุมนุมเพื่อฟังเราสวดมนต์ด้วย  ทำให้ขณะนั้นบ้านเราคลาคลั่งไปด้วยเหล่าเทวดา  ภัยร้ายจะไม่กล้ำกราย
     - ช่วยให้เกิดสมาธิ  ลดการฟุ้งซ่าน
     - การสวดมนต์ถือเป็น "กรรมดี" เพราะถือเป็นการเปล่งวาจาเพื่อสรรเสริญพระคุณของพระพุทธเจ้า  พระธรรม  พระสงฆ์  หรือพระผู้ปฏิบัติดีทั้งหลาย  อันจะส่งผลให้แก้วเสียงของผู้สวดเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดี  เช่น เสียงใสขึ้น  หรือวาจามีพลังมากขึ้น
     เป็นต้น
     นั่นเป็นเพียงตัวอย่างของอานิสงฆ์จากการสวดมนต์  แท้จริงแล้วบทสวดมนต์แต่ละสวดยังคงให้คุณในตัวของบทสวดเองแตกต่างกันไป 

     แล้วถามว่า  ที่สวดมนต์มาทั้งชีวิตเนี่ย  ได้ผลตามอานิสงฆ์หรือไม่


     ไม่ทราบค่ะ 

     ก็ไม่มีหลักฐานใดใดมาสนับสนุนเลยนี่นา  ว่าที่ชีวิตอยู่เย็นเป็นสุขได้ทุกวันนี้  ส่วนหนึ่งมาจากการสวดมนต์ทุกวันหรือไม่ประการใด

     แล้วบางวันก็ฝันร้ายนะ  แถมบางเช้าตื่นมาก็ปวดเมื่อยไปหมดด้วย

     และแม้ในพระคาถาชินบัญชรจะมีบทๆหนึ่งซึ่งมีคำแปลประมาณว่า  "ขอฉัตรแก้วเจ็ดชั้นกางกั้นเหนือหัวเพื่อป้องกันภยันตราย..."  ก็ตาม  เราพบว่า  สิ่งหนึ่งที่กั้นไม่ได้นั่นคือ

     แมลงสัตว์กัดต่อย  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  มดกัด

     โดนกัดบ่อยจนรำคาญมาก


     แล้วถามว่า  เชื่อหรือเปล่าว่าการสวดมนต์ให้อานิสงฆ์ที่ดีกับชีวิตได้จริง 

     เชื่อค่ะ!!!



     เหตุผลที่เราเริ่มสวดมนต์เนื่องมาจากแม่บอกเราว่า  "สวดมนต์ก่อนนอน  ความทุกข์ร้อนไม่มี"
ส่วนหลังจากนั้นก็ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย  อะไรแบบนั้น

     และแม้ว่าจะไม่มีหลักฐานใดใดมาสนับสนุนเลยว่า  การสวดมนต์ส่งผลดีให้แก่ชีิวิตได้  แต่เราก็รู้สึกได้  ว่าสวดมนต์แล้วดีจริงๆ


     ประการแรก  เราว่าการสวดมนต์ทำให้จิตนิ่ง  เมื่อจิตนิ่งเราจะเริ่มมีสติและสามารถคิดไตร่ตรองอะไรได้ดีขึ้น  และเรารู้สึกด้วยว่า  มันทำให้เรา  "เย็น"  ลงได้จริงในบางครั้ง
     เราก็ไม่รู้แหละ  ว่าถ้าไม่สวดมนต์แล้วมันจะเป็นแบบนี้มั้ย  รู้แค่ว่าเราสวดไง  แล้วอารมณ์และความคิดมันเปลี่ยนไง  ก็เลยสรุปง่ายๆแบบนั้นแหละ

     ความเปลี่ยนแปลงต่อไปคือ  เสียง 
     ออกตัวไว้ก่อนเลยว่าเราเป็นนักสวดมนต์สายขี้เกียจ  คือ  เราจะไม่นั่งสวดมนต์ในห้องพระ  ไม่นุ่งขาวห่มขาว  ไม่จุดธูปเทียน  และ....ไม่สวดมนต์ออกเสียง
     เราจะนั่งพับเพียบ(นี่ดีขึ้นแล้ว  บางทีนอนสวด)  สวดอยู่บนเตียง  ทำปากขยุบขยิบโดยไม่เปล่งเสียงออกมา
     ถึงกระนั้น  เราพบว่า  หลังจากที่สวดบทอิติปิโสสม่ำเสมอมาได้สักระยะหนึ่ง  เสียงของเราที่เปล่งออกมามันมีความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง  โดยเฉพาะเวลาร้องเพลง  ที่สามารถทำเสียงนั่นเสียงนี่ได้อย่างอิสระมากยิ่งขึ้น  และทำให้ร้องเพลงได้สนุกขึ้นด้วย
     ส่วนเสียงธรรมดาเวลาพูดคุย....ไม่รู้สินะ  ปกติเสียงมันนิ่งๆแง้วๆอยู่แล้ว  พูดปกติไม่ค่อยเห็นอะไร  แต่เวลาเน้นเสียงในยามต้องการความสนใจ  หรือย้ำประเด็นบางอย่าง  ก็ทำได้ดีนะ 
     เราจึึงเชื่อว่าการสวดมนต์  แม้ไม่เปล่งเสียง  ทำให้คนเราสามารถใช้เสียงได้ดีขึ้นจริง

     เรื่องต่อไปน่าจะเป็น  ความอุ่นใจ 
     เรารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องจำเป็นไปแล้วที่ต้องสวดมนต์ในแต่ละวัน  เพราะเราเชื่อว่าบทสวดมนต์ที่ท่องนั้นมีส่วนอย่างมากในการคุ้มกะลาหัวให้เราอยู่รอดและปลอดภัย  จริงอยู่ว่า  ไม่มีบทสวดมนต์ใดในโลกที่เสกให้จู่ๆมีองครักษ์มาคอยปกป้องดูแลเราราวกับเจ้าหญิงกับทหารคนสนิท  แต่เรารู้สึกว่าการสวดมนต์ทำให้เรามีสติรู้ตัว  และสามารถคิดป้องกันตัวเองให้รอดอันตรายสาหัส  ให้คิด  ทำ  ในจังหวะที่ไม่พอดีกับความเสียหายใดใดที่อาจเกิดขึ้น  หรือถ้าจะหวุดหวิดจริงๆ  ก็ส่งใครหรืออะไร  มาคว้าเราจากอันตรายได้อย่างทันท่วงที  ในแบบที่ว่า  "เฮ้ย  อีกนิดเดียวคือตายแล้วอ่ะ"
     จะไม่รอดก็แค่อะไรที่มันเป็นกรรมเก่า  เป็นคราวเคราะห์จริงๆ  เช่นที่หกล้มจนเส้นเอนฉีกที่ผ่านมา  แต่คิดอีกที  นี่เขาอาจจะช่วยแล้วก็ได้  ไม่งั้นอาจหนักกว่านี้  หรือที่ไม่รอดก็พวกสิ่งเล็กน้อย  เช่น  มดกัด  อารมณ์แบบไอ้ใหญ่ๆข้ากันให้แล้ว  ทีเหลือเอ็งจัดการเองละกัน  อะไรงั้น 
     จริงๆก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมนต์ที่สวด  เป็นเพราะพระที่แขวน  หรือเป็นเพราะจริงๆมีใครคอยคุ้มครองอยู่  หรืออะไรกันแน่  เอาเป็นว่ายกเครดิตให้ทุกท่านไปเลยก็แล้วกัน 

     สุดท้าย  สิ่งที่มองไม่เห็น 
     เชื่อมั้ยว่าเราไม่เคยถูกผีหลอก  และต่อให้เคยเจอเหตุการณ์เหมือนกับจะมาหลอก  เราก็ยังรู้สึกว่า  จริงๆแล้ว  เขาไม่ได้มาหลอก  แต่มาดี  (ดังที่เคยเล่าให้อ่านมาแล้ว)  และเราเชื่อว่าการที่เราสามารถดำรงสถานะแบบต่างคนต่างอยู่ได้ทุกที่  อันเนื่องมาจากการสวดมนต์และการอธิฐานขอขมาและขออนุญาตล่วงหน้าของเรานี้เอง 
     ยิ่งไปกว่านั้น  จากการหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพระคาถาชินบัญชร  เราพบว่า  พระคาถาชินบัญชรมีคุณประการหนึ่ง  นั่นคือ  สามารถแก้คุณไสยได้  ถ้าจำไม่ผิดเขาบอกไว้ประมาณว่า  หากผู้สวดมีศีลธรรมดีพอ  สามารถสวดชินบัญชรแล้วเป่าเพื่อแก้อาการผิดปกติอันเกิดจากเวทย์ต่างๆได้ระดับหนึ่ง นั่นเพราะพระคาถาชินบัญชรถือเป็น  "เศวทเวทย์"  หรือบทสวดทางไสยขาวบทหนึ่ง  ที่สามารถให้ความคุ้มครองแก่ผู้สวดได้  (ตราบใดที่ผู้สวดไม่ทำตนให้เสื่อมเสียเอง/ความเห็นส่วนตัว)
     ก็ "กำแพงแก้ว"  ตั้งเจ็ดชั้น  อ่ะค่ะคุณ....
     นั่นยิ่งทำให้เราเชื่อว่า  การสวดมนต์เป็นประจำ  จะช่วยป้องกันไม่ให้เจ้าตัวโดนคุณไสยได้ 
     ...อย่าไปทักให้ของเข้าตัว  ละเมิดศีลเป็นอาจิณ  หรือไปทำให้พระในตัวเองเสื่อม  ก็แล้วกัน...



     ด้วยเหตุนี้แหละ  เราจึงชอบทำตัวเป็นพรีเซนเตอร์ให้การสวดมนต์  เวลาใครมาปรึกษา(เราเป็นหมอดูไง  เพื่อนจะมาถามโน่นนี่นั่น)  มีหลายครั้งที่เราจะแนะนำให้ไปทำบุญ  หรือไม่ก็ให้สวดมนต์  บางทีนี่แม่หมอถึงขั้นหาบทสวดมนต์ที่เข้ากะสถานการณ์ส่งให้ลูกค้าเลยนะคะ 
     เรื่องสุขภาพ  บทนี้นะ
     ป้องกันภัย  บทนี้นะ
     เมตตามหานิยม  บทนี้นะ
     บลาบลาบลา 


     และในตอนนี้ที่ละคร  "บุพเพสันนิวาส"  กำลังดัง  คุณผู้อ่านเห็นไหมคะ  ว่ามีการพูดถึงบทสวดมนต์นู่นนี่นั่นหลายบทเหลือเกิน 

     การสวดมนต์เกิดและอยู่คู่คนไทยมานานแล้วค่ะ 

     เราใช้  "การสวด"  กับมนต์หลายบทด้วยกัน  บ้างก็ตรงตามหลักศาสนาเป๊ะๆ  แบบอาระหัง  อิติปิโส  บ้างเป็นบทสืบเนื่อง  เช่น  พาหุงมหากา  ซึ่งเป็นบทสวดเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าเอาชนะมาร  บ้างก็(น่าจะ)มาจากคัมภีร์โดยตรง  เช่น  พระไตรปิฎก(ใครรู้สึกว่าดวงตกลองสวดพระไตรปิฎกบ่อยๆดูหนา  เราว่าดี)  บ้างก็เป็นการสรรเสริญพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆและพระอรหันต์  เช่น  พระคาถาชินบัญชร  ที่กล่าวถึงพระพุทธเจ้า...18 พระองค์กระมัง  และพระอรหันต์ในสมัยพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน  เช่น  พระราหุล  พระโมคคัลลานะ  พระสารีบุตร.....
     บ้างก็เป็นคาถาเลยโดยตรง  อันนี้ไม่แนะนำชื่อ  ลองค้นเอาตามแต่คุณที่ประสงค์  มีหลักๆก็เช่น  เมตตามหานิยม  แคล้วคลาดปลอดภัย  อยู่ยงคงกระพัน  ก็เลือกเอาตามใจเถิด 
     เยอะ

     ไม่ว่าจะไสยดำ  ไสยขาว  หรือสายพระธรรมคำสอนโดยตรง  ต่างมีการสวดภาวนาทั้งสิ้น  ซึ่งหากไม่ได้ผลจริง  ไฉนเลยจะอยู่มาได้ถึงปัจจุบัน
     และข้าพเจ้าก็ยินดีที่จะสืบทอดบทสวดสำคัญให้คงต่อไปด้วยความเต็มใจอย่างยิ่ง 



     สวดมนต์เถอะค่ะ  ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร  มีปัญหาใดใดอยู่  แม้การสวดมนต์จะไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาโดยตรง  แต่เมื่อใดก็ตามที่จิตนิ่ง  ปัญญาย่อมเกิดเอง 

     การสวดมนต์ยังถือเป็นการทำดีอย่างหนึ่ง  เมื่อสวดเป็นประจำแล้ว  จงดีใจเถิดว่า  อย่างน้อยตัวเราก็มีความดีติดตัวอยู่บ้าง  ทั้งเป็นความดีที่เกื้อหนุนด้านสติและปัญญาได้โดยตรงอีกด้วย 

     ที่สำคัญ  การสวดมนต์ยังสามารถป้องกันเราจากภยันตรายที่มองไม่เห็น  การทายทักที่เชื่อถือไม่ได้  และหากโชคร้ายเจออะไรเข้าจริงๆ  อย่างน้อย  เราก็มียาถอนพิษเองแล้ว  นั่นคือมนต์ที่กำลังจะท่องออกมานั้นไง 
     น้ำมนต์ไม่ต้อง!


     เพราะฉะนั้น  เพื่อความสุขสวัสดี 

     สวดมนต์เถิดหนาออเจ้า
   

         

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คลังศัพท์ไว้ตั้งชื่อ

เราต่างเป็นกาลีในชีวิตใครบางคน

จำหน่ายคดีหัวใจ