1 ปี...ที่อาลัย
Photo by : A. sora
15 ตุลาคม 2560
1 ปี กับอีก 2 วัน นับแต่วันที่ชีวิตของคนไทย ไม่เหมือนเดิมตลอดกาล
วันนี้ เมื่อปีที่แล้ว
เรานั่งอยู่หน้าจอทีวี ชมรายการพระราชกรณียกิจ ที่สถานีโทรทัศน์ต่างๆนำมาฉายวนไปวนมา แล้วร้องไห้อย่างสิ้นอายอยู่ตรงนั้น
1 เดือน ผ่านไป
น้ำตาอาจยังไม่เหือดแห้งดี แต่ชีิวิตต้องดำเนินต่อไป
พระอาทิตย์ยังคงขึ้น
นกยังคงร้องเพลง
ทุกคนยังคงมีหน้าที่ของตนเอง และสำหรับเรานั้น หนังสือยังต้องอ่าน(เตรียมสอบ) งานยังต้องทำ
แม้จะนึกถึงคนในธนบัตร แต่หยิบออกมาแล้วก็ต้องจ่าย(ไม่งั้นเขาจะฟ้องเราได้..อุ๊บส์)
และแม้จะคิดถึงคนบนฟ้าเพียงใด แต่ก็ต้องก้าวต่อไปตามทางของตัวเอง
1 ปี ผ่านไป
มีอะไรเกิดขึ้นมากมายระหว่างนี้ มีการผลัดแผ่นดินในประเทศไทย มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา ในฝรั่งเศส มีการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ และอื่นๆอีกมากมาย
มีขึ้น...ก็มีลง มีอยู่...ก็มีไป ตามทางที่มันควรจะเป็นของแต่ละคน
เราเอง......ก็มีการเปลี่ยนแปลงในหน้าที่การงานเช่นเดียวกัน โดยเปลี่ยนจากพนักงานบริษัทเอกชน มาเป็นคนซึ่งเป็น "ข้า" ของแผ่นดิน
ใช่ เราเป็นข้าราชการแล้วตอนนี้
ออกจากที่เดิม มาเริ่มกับที่ใหม่ สังคมใหม่
(ซึ่งมีผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย สุดท้ายเลยไม่มีคนคุยเรื่องบอลด้วย อุ๊บส์)
ที่ทำงานใหม่
หน้าที่ใหม่
ผู้บังคับบัญชาใหม่
มีเรื่องใหม่ๆให้ศึกษามากมาย ทำให้ความโศกเศร้าต่างๆคล้ายจะคลายลงไปบ้าง
และ แม้จะเป็นได้แค่ที่สุดท้ายของรุ่น แต่ประชาชนตัวน้อยๆของพระราชาคนนี้ จะปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด
เพื่อแผ่นดินของพ่อ
13 ตุลาคม 2560
จู่ๆโอกาสดีดีก็มาถึง เมื่อที่ทำงานจัดงานทำบุญตักบาตรถวายเป็นพระราชกุศล หลายคนอาสาอยู่ร่วมกิจกรรมด้วย หนึ่งในนั้นคือเรา ด้วยตั้งใจจะทำความดีสักอย่างถวายให้คนบนฟ้าด้วยเช่นกัน
...จริงๆอยากบริจาคเลือดแต่ทำไม่ได้ ปากเป็นแผล อภัยให้ลูกด้วย...
กิจกรรมช่วงเช้าผ่านไปด้วยดี ขอถวายบุญกุศลนี้แด่พระราชาผู้ล่วงลับ
เหล่าข้าของแผ่นดินทั้งหลายแยกย้ายกันกลับบ้าน รวมทั้งเรา ที่กลับแบบแอบหมดสภาพเล็กน้อยเพราะตื่นเช้า แต่ถึงกระนั้นก็มีแรงมากพอที่จะทำโน่นนี่ให้ตัวเองจนเสร็จวันได้
และเราพึ่งรู้เองว่า บางสิ่งอย่างยังคงมีเรี่ยวแรงมากเหลือเกิน
กลับบ้านไปแล้วก็เปิดทีวีตามปกติเพื่อพบว่า รายการโทรทัศน์ถูกปรับให้เป็นรายการเกี่ยวกับรัชกาลที่ ๙ เฉกเช่นวันนี้เมื่อปีที่แล้ว
และเราก็ดูทีวีไปเรื่อยเพื่อจะพบว่า.........เรายังคงร่ำไห้กับการจากไปของพระองค์ท่าน ไม่ต่างจากวันนี้เมื่อปีที่แล้วเลยแม้แต่น้อย
ต่อมน้ำตาเรายังมีแรงมากพอที่จะผลิตน้ำตาถวายแด่พ่อหลวงผู้จากไป
ร้องไห้มากจนเราต้องตัดใจขึ้นห้องและทำอย่างอื่น ไม่ดูทีวี เพราะรู้สึกเหนื่อยกับการร้องไห้อย่างไม่จบไม่สิ้น
เว้นแต่ตอนกลางคืนที่เขามีงานร้องเพลงถวายที่ศิริราช ยัยคนเขียนตัวดีเห็นดังนั้นเลยได้โอกาสวิ่งไปลากกล้องตัวเองมาทำงานเสียหน่อย ถ่ายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และถ่ายวีดีโอช่วงที่เขาทำวีดีทัศน์เรื่อง ความสุขของพ่อ
นั่งๆยืนๆอยู่หน้าทีวีเหมือนคนบ้า ประคองกล้องไปน้ำตาซึมไป ไม่รู้จะอนาถตัวเองดีมั้ย ก็ได้แต่คิดว่า ร้อยแก้วก็แต่งถวายแล้ว ร้อยกรองก็แต่งถวายแล้ว
ถ่ายรูปถวายด้วยเลยก็แล้วกัน
สองวันผ่านไปพร้อมกับโควต้าวันหยุดที่หมดไป วันนี้ เราต้องเตรียมตัวกลับไปทำงานแล้ว
แต่สิ่งหนึ่งที่ยังไม่หมดไป นั่นคือน้ำตา ตั้งแต่วันที่ 13 จนวันนี้ ทุกครั้งที่ดูรายการเกี่ยวกับพระองค์ท่าน
น้ำใสๆ ยังคงไหลออกมาจากตา ทักทายกรอบแว่น ผ่านแก้ม ลงมาที่คาง อยู่ไม่ขาด
ร้องแบบไม่ต้องอายคนที่บ้าน อายทำไม คนที่บ้านก็ร้องเหมือนกัน
เราไม่ทราบว่ามีคนอื่นเป็นแบบนี้อยู่หรือไม่ กี่มากน้อย แต่เราเป็น บ้านเราก็เป็น
ขวบปีที่ผ่านไปอาจทำให้เราเคยชินขึ้นกับการไม่มีพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ อยู่บนโลกใบนี้ แต่มันไม่เคยทำให้ความโศกเศร้าหายไปจากจิตใจเลยแม้แต่น้อย
เราเป็นคนชอบฟังเพลง และมักจะอินไปกับเพลงอยู่เสมอ แต่ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่เราจะอินกับเพลงได้ขนาดนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพลงเศร้า ที่ฟังแล้วอินราวกับตัวเองอกหัก
แต่เราไม่ได้อกหัก และเราเชื่อว่า ต่อให้อกหัก เราก็ไม่เศร้าเท่านี้ หรือพูดให้ถูก เราไม่เคยคิดว่าจะมีเรื่องอะไรเศร้ามากกว่านี้แล้วจริงๆในชีวิต เป็นความเศร้าแบบใจจะขาดที่รักษาไม่หาย
"เจ็บที่ยังรู้สึก เจ็บที่ยังเสียใจ เจ็บที่ยังรัก.." / เพลง เจ็บที่ยังรู้สึก ของคุณนนท์ the voice
แต่เราก็ยินดี ที่จะแสดงให้พระองค์ท่านเห็นว่า ยังมีประชาชนคนนี้ ที่ยังรักและเทิดทูนพระมหากษัตริย์ของตนเองเสมอ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด
"เจ็บวันนี้ทำให้รู้ว่า ค่าของน้ำตา มันคู่ควร" / เพลง นี่แหละความเสียใจ ของวงโปเตโต้
สุดท้ายนี้ ขอลาไปด้วยเพลงที่ขึ้นในหัวทุกครั้งที่มองพระบรมฉายาลักษณ์
"ยังคงคิดถึงเสมอ ยังคงรักเธอไม่เคยเปลี่ยนแปลง" / เพลง ใครคนนั้น ของคุณพลพล
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น