(โรคจิตไดอารี่) แม่งเอ๊ย อยากขี้เหร่ !!
สวัสดีวันอังคารค่ะคุณผู้อ่าน
ยังคงยืนยันคำเดิมว่าไม่ได้จะกลับมาเขียนประจำ แค่มาระบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองเท่านั้น
เนื่องจากว่าเมื่อวานเราเจอคนแปลกๆ คล้ายจะเป็นพวกโรคจิต เลยมานั่งคิดๆดูว่า ตลอดชีวิตที่ผ่านมานี่ เราเจอโรคจิตมามิใช่น้อยเลยนะ
เลยอยากจะ "บันทึกไว้" เกี่ยวกับโรคจิต จากความทรงจำที่พอมีเสียหน่อย
มาทำความเข้าใจกันก่อน "โรคจิต" ที่เราพูดถึงนี่ หมายถึงบุคคลที่มีพฤติกรรมกึ่งดีกึ่งร้ายที่ค่อนข้างจะไปทางร้ายอย่างไม่ค่อยมีสติ จะว่าคุกคามก็ไม่เชิง แต่ที่แน่ๆเหมือนจะไม่ได้มาดีละกัน
ก็ถือว่าเป็น "โรคจิต" โดยอนุโลมแหละ
เท่าที่จำได้ แค่เท่าที่จำได้จริงๆ ก็...ได้แก่
1. สมัยมหาวิทยาลัย ตอนกลับบ้านเราจะนัดกับพ่อหรือแม่ที่ห้างสรรพสินค้า โดยเราเนี่ยจะชอบเดินไปรอที่ร้านหนังสือ วันเกิดเหตุก็คือ เราเดินเข้าร้านหนังสือไปปกติ เลือกหนังสือแล้วก็ไปนั่งตรงเก้าอี้ที่เขาจัดไว้ ทีนี้ หางตาก็เหมือนรู้สึกว่ามีคนมอง ก็ทำอ่านไม่รู้ไม่ชี้ไปพักนึง แล้วลุกไปที่อื่น แม่งก็เดินตาม เราก็เดินเข้าโน่นออกนี่เข้าโน่นออกนี่ไปเรื่อย แล้วก็เดินไปจุดหน้าเคาเตอร์ เท่าที่จำได้คือหลังจากนั้นแม่มาพอดี แล้วแม่งก็หายไป
แม่งเอ๊ย
2. สี่ห้าปีที่แล้ว ตอนทำงานที่จังหวัดจันทบุรี ไปกินข้าวกับที่บ้าน ณ ห้างฯแห่งหนึ่ง นั่งกินไปสักพัก สังเกตว่าโต๊ะถัดไป(หันหน้าชนกันพอดี) มันมีผู้ชายคนนึงยิ้มและมองมาทางเราเขม็ง เราก็พยายามกินในมุมที่ให้มันเห็นเราน้อยที่สุด กินเสร็จก็ใส่หน้ากาก(ช่วงโควิดพอดีอ่ะนะ) ก้มหน้างุดเล่นมือถือ รอจนทุกคนกินเสร็จแล้วเดินออกให้เร็วที่สุด
มองกูทำไมก่อน???
3. ประมาณเดือนที่แล้ว ที่ทำงานเราเอง เป็นศาลแห่งหนึ่งทางตะวันออกของกรุงเทพฯ เป็นบุคลากรที่มีที่จอดรถสำหรับตัวเอง(ทนายแหละ หุหุ) ตอนเย็นช่วงเลิกงาน เราเดินขึ้นที่จอดรถ ที่จอดรถที่ทำงานเราก็จะมีหลายชั้นซ้อนๆกันไป เราเดินในสภาพหอบของมาจำนวนหนึ่ง พอเดินขึ้นบันไดมา ผ่านลิฟต์ กำลังจะเดินไปที่รถ มีรถคันสีขาวคันหนึ่งขับลงมาจากข้างบน พอมันเห็นเรามันก็หยุดกึก แล้วจอดรอจนเราเดินไปที่รถมันถึงจะไป อันที่จริง เราควรจะฉลาดพอที่จะเดินกลับที่ทำงาน แต่ไม่(งี่เง่าไง) เดินไปที่รถเฉยเลย แล้วก็มานั่งจิตตกต่อจนถึงทุกวันนี้
4. วันเสาร์ที่ผ่านมา ณ โรงพยาบาลหนึ่งแถวสามย่าน(ชัดขนาดนี้ระบุชื่อเห้อ) เรากับแม่พาพ่อไปพบแพทย์ตามนัด วัดโน่นนี่เสร็จแล้วก็เดินเข้ามานั่งหน้าห้องตรวจ หน้าห้องตรวจจะมีเก้าอี้แถวติดกันรู้สึกจะแถวละ 6 ที่นั่ง ฝั่งที่หันหน้าเข้าห้องที่พ่อเราจะตรวจมีสองแถว และมีฝั่งที่หันหน้าในทางตรงข้ามอีกสองแถว พ่อนั่งเก้าอี้ฝั่งที่หันหน้าเข้าห้องตรวจแถวหน้าสุดตัวริมซ้ายสุด เรานั่งแถวที่สองตัวริมซ้ายสุดเช่นกัน ระหว่างรอตรวจจู่ๆพ่อก็ต้องกินยาแก้แพ้ แม่เลยพาพ่อออกไปหาน้ำดื่ม เหลือเรานั่งอยู่คนเดียว ก็หางตาอีกแหละ เห็นว่ามีผู้ชายอ้วน ผมดำ ใส่แว่น ใส่เสื้อสีดำ นั่งอยู๋เก้าอี้แถวหน้าสุดตัวริมขวาสุดมองเรา สักพัก อีก็ย้ายมานั่งเก้าอี้แถวเดียวกับเราแต่ริมขวาสุด เราทำเป็นเล่นมือถือไปเรื่อยแต่เหล่มองมันเป็นระยะว่าแม่งจะทำอะไรมั้ย มันก็นั่งในลักษณะพยายามหันหน้ามาทางเราและหันมือถือมาทางเราแต่ไม่ได้ทำอะไรนะ สักพัก แม่กับพ่อเดินกลับมา แม่พาพ่อนั่งที่เดิมแล้วจะหยอดตาให้พ่อ เราก็เลยลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินไป "หลบ" ข้างหลังแม่ให้พ้นจากรัศมีกล้องมือถือมันให้มากที่สุด หันกลับมาอีกทีแม่งลุกหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
ดูทรงแล้วไม่เหมือนญาติผู้ป่วย ไม่เหมือนคนไข้ และดูไม่น่าใช่คนดี เออไม่น่าเชื่อว่าโรงพยาบาลก็มีอะไรแบบนี้ด้วย
5. ล่าสุด เมื่อวานนี้เลยจ้ะ เดินกลับจากที่ทำงานไปขึ้นรถอีกน่ะแหละ พอเดินขึ้นบันไดมาเราก็ได้ยินเสียงคนคุยโทรศัพท์ มองไปต้นเสียงก็เห็นผู้ชายคนนึง ยืนเหมือนคุยโทรศัพท์อยู่ตรงที่จอดรถชั้นเหนือเราขึ้นไป(อารมณ์ชั้นบีที่อยู่เยื้องจากชั้นเอ) เป็นชายผิวค่อนข้างคล้ำ มีพุง สวมเสื้อเหมือนเสื้อยืด กางเกงขาสั้น ณ จุดที่เราเห็นเนี่ย มันเห็นแต่ตัวลงมาไม่เห็นหน้า วาจาในการคุยเหมือนจะเอาเรื่อง เราไม่แน่ใจว่าจุดที่มันยืนเนี่ยมันมองลงมาเห็นเรารึเปล่า ที่แน่ๆคือเราเดินดุ่มๆเข้ารถและยัดตัวเองเข้าไปในรถอย่างเร็ว ล็อคประตู และขับออกมา เราสังเกตว่าหมอนั่นเดินลงมาที่ชั้นที่เราจอดและยืนเก้ๆกังๆอยู่บนทางเดินรถ มือยังจับโทรศัพท์ เหมือนจะมองมาทางเรา เมื่อเราขับรถลงมาอีกชั้นนึงมันก็ยังยืนอยู่ พอดีกับที่รปภ.เดินออกมาและเดินผ่านมันพอดี
ก็ไม่รู้ยังไงต่อ แต่ดูลักษณะการแต่งตัวไม่เหมือนแต่งมาศาล
นี่แค่ที่จำได้นะ...
ก็ไม่รู้ทำไมคนแปลกๆดูมีพิษภัยจึงมีมากมายไปหมด จะว่าเพราะเราแต่งตัวโป๊ก็ไม่น่าใช่ เพราะเราไม่ใส่สายเดี่ยว เกาะอก แขนกุด สั้นแค่ปลีก้น เสื้อบาง อะไรงี้ไม่มีเลย สำหรับเรา เสื้อต้องมีแขน ถ้ามองทะลุได้ต้องใส่เสื้อทับ กระโปรงสั้นกว่าเข่าคืบนึงคือสั้นแล้ว ไม่ใส่รัดรูป สั้นสุดก็กางเกงบอลอ่ะ(ชอบดูบอลอ่ะ เลยซื้อชุดนักบอลมาใส่)
หรือว่าจะเป็นเพราะดวง? ก็อาจเป็นได้ ช่วงนี้ราหูกุมลัคนา คนแบบราหูก็คนแบบแปลกๆ นักเลงๆ อยู่แล้ว แต่ครั้งก่อนๆนั้นก็ไม่ได้ราหูกุมลัคนาซะหน่อย
อันที่จริง แค่เกิดเป็นผู้หญิงก็เหมือนเป็นตัวเรียกโรคจิตอยู่แล้ว กลียุคแบบนี้คนหื่นมันน่าจะเยอะขึ้น เกิดเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบากล่ะนะ แต่แหม จะกระทำการเสี่ยงซังเตทั้งที่เนี่ย เลือกหน้าตาหน่อยดิวะ!
จนมาถึงคำถามสุดท้าย ไอ้ที่มีผชมามองบ่อยๆเนี่ย "หรือเพราะว่าเราสวย?"
จริงๆแล้วนี่พยายามสะกดจิตตัวเองมาตลอดนะว่า เราไม่สวย แต่ดูเหมือนการณ์ที่พบจะขัดแย้งกับข้อความอยู่บ่อยๆ เช่น เคยมีเพื่อนสมัยเรียนป.โทที่อังกฤษชมว่า "You're beautiful" (ข้อโต้แย้ง - เขาอาจจะพูดตามมารยาท) หรือเคยหันไปแล้วพบว่าใครบางคนมองเราอยู่..ยิ้มอีกตะหากบางที (ข้อโต้แย้ง - อาจจะแค่บังเอิญก็ได้) หรือได้รับการปฏิบัติอย่างดีจากผู้ชายรอบตัวหลายคน (ข้อโต้แย้ง - เราแค่โชคดีที่มีคนดีๆเป็นเพื่อนตะหาก) และคำพูดในหัวเวลาเจอสิ่งไม่ชอบมาพากลที่ว่า "ถ้าไม่สวยจริงอย่างที่ว่าฉันจะไม่กลัวสักนิด" (แย้งไม่ออกแล้วตอนนี้)
แต่เราก็ไม่ได้สวยกว่าคนอื่นนี่นา ไม่เคยมีใครมาตามจีบ ไม่เคยเป็นดาวที่ไหน ถ่ายรูปกี่ทีก็เหนื่อยใจ หน้าแบบนี้ทำไมยังเจอโรคจิตได้อีกอ่ะ?? หรือว่า แค่นี้ยังเจอขนาดนี้ คนสวยจัดจริงๆจะเจอเยอะกว่านี้ไหมเนี่ย???
เคยอ่านการ์ตูนคุณจ๊อด แปดริ้ว จะมีตัวละครนึงมีคำพูดติดปากว่า "แม่งเอ๊ย อยากขี้เหร่" ตอนนี้เริ่มเห็นด้วย ถ้ามองในมุมความปลอดภัยเป็นหลัก การมีหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ น่าจะดีกว่าจริงๆ
สำหรับใครที่หลวมตัวอ่านมาถึงตรงนี้ก็อยากจะเตือนภัยว่า คนที่เป็น "ความเสี่ยง" ของชีวิต น่ะ มันอยู่รอบตัวทุกที่เลยนะ ท้องถนน โรงพยาบาล ที่ทำงาน ดีไม่ดี แม้แต่บ้านของคุณก็อาจอยู่ติดกับคนโรคจิตก็ได้ใครจะรู้
อย่าโลกสวยว่าการที่คุณไม่คิดร้ายกับใคร คนอื่นเขาจะคิดเหมือนคุณ ไปไหนมาไหนต้องรู้จักระวังตัว อย่าเดินดุ่ยๆแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ เจออะไรไม่ชอบมาพากล ให้สังเกตรายละเอียด อย่างน้อยให้อีกฝ่ายรู้ว่า "กูเห็นมึงนะ" ถ้าสามารถเก็บหลักฐานได้อย่ารีรอ คนบางคนอาจไม่คุ้มที่จะไปสุงสิงด้วย แต่ก็ต้องรู้จักป้องกันตัวเองให้เป็น
จงมีสติและระแวดระวังอยู่เสมอ
เราเองก็ต้องระวังตัว พยายามเอามือถือไว้ใกล้ตัวเผื่อติดต่อหรือถ่ายรูปเป็นหลักฐาน ถามว่ากลัวไหมจริงๆก็กลัว แต่ด้วยบริบทของชีวิตมันไม่สามารถนั่งกองกับพื้นร้องไห้เป็นเผาเต่าได้ เราไม่ใช่นางเอกนิยายที่เกิดอะไรหน่อยก็มีพระเอกมาช่วยทันเวลา
เราต้องดูแลตัวเองให้เป็น!
ขอให้เราและคุณผู้อ่านทุกๆคนใช้ชีวิตอย่างมีสติและปลอดภัยทุกการเดินทาง สุดท้ายนี้ขอทิ้งท้ายด้วยวลีที่ว่า
อยากขี้เหร่โว้ย!!!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น